จากสถานการณ์ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง 2 ขั้ว และสร้างความตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ ทำให้เกิดความทุกข์ใจ…ความสุขก็ได้หายไป…
การต่อสู้ทางการเมืองนั้น หากมองไปยังหลายประเทศที่มีการชุมนุมและใช้ความรุนแรง ผลลัพธ์ที่เห็นทุกครั้ง ไม่มีฝ่ายใดชนะ แต่กับนำพาประเทศไปสู่ความพ่ายแพ้ ความตกต่ำ ด้อยพัฒนา ประชาชนยากไร้ ไม่มีความสุข และเกิดปัญหาไม่เคยจบสิ้น
ความวุ่นวายที่ยังเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ก็ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ดังนั้น พี่น้องประชาชนต้องมีสติและกลับมาคิดกันใหม่ ว่าเราควรจะรักษาประเทศชาติให้คงอยู่อย่างมีความสุข สง่างามอย่างไร
ประเทศไทยมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขมาช้านาน มีพัฒนาการลำดับขั้นตอนมุ่งไปสู่ประชาธิปไตยที่เต็มใบ แต่ปัจจุบันยังเป็นแบบเดินหน้าถอยหลังมาโดยตลอด เพราะเหตุผลเดียวคือการแย่งชิงอำนาจของการบริหารประเทศของนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม รวมถึงการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในวิถีทางประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว หรือเลือกใช้เฉพาะที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มหรือพลพรรคตนเอง คิดถึงประโยชนส่วนตนเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงประเทศชาติและพี่น้องประชาชนว่าจะได้รับความเดือดร้อนและเสียโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตไปมากน้อยเพียงใด
ในหลักการประชาธิปไตยที่สำคัญ ได้กล่าวไว้ 5 ประการ คือ 1.หลักการอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน 2.หลักเสรีภาพ 3.หลักความเสมอภาค 4.หลักการปกครองโดยกฎหมายหรือหลักนิติธรรม 5.หลักการเสียงข้างมาก (Majority rule) ควบคู่ไปกับการเคารพในสิทธิของเสียงข้างน้อย (Minority Rights)
หากปัจจุบันหลักการทั้ง 5 ถูกกระทำให้เบี่ยงเบนไปจากหลักความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงโดยกลุ่มนักการเมืองที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว บนความไม่รู้และความอ่อนด้อยในองค์ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่แท้จริงของพี่น้องประชาชน กล่าวคือ
หลักที่ 1 หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่จะเลือกตัวแทนของตนเองไปทำหน้าที่แทนในการใช้อำนาจทางการปกครอง แต่ก็ถูกขบวนการทำลายประชาธิปไตยโดยนักการเมืองใช้อำนาจเงินมอมเมาประชาชนให้ขายเสียง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและทำให้ประชาชนละทิ้งสิทธิที่จะเลือกคนดีเข้าไปทำหน้าที่แทนในสภา
หลักที่ 2 หลักเสรีภาพ ประชาชนมีสิทธิจะกระทำการใดๆ หรือไม่กระทำการใดๆ ก็ตาม ตราบเท่าที่การกระทำนั้นไม่ไปลิดรอนสิทธิของผู้อื่น แต่ประชาชนก็ถูกนักการเมืองนำพาไปสู่การกระทำที่ลิดรอนสิทธิของผู้อื่นและล่อแหลมต่อการผิดกฎหมายบนความไม่รู้
หลักที่ 3 หลักความเสมอภาค คือประชาชนสามารถเข้าถึงทรัพยากรทางสังคมที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยเท่าเทียมกัน แต่ระบบทุนนิยมที่ถูกกำหนดโดยนโยบายทางการเมืองแบบทุนนิยม กลับทำให้หลักความเสมอภาคแทบจะหมดสิ้นไปอำนาจทุนนิยมเข้ามาเป็นตัวกำหนดสังคมแทน ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบกันในสังคมทุกหย่อมหญ้า
หลักที่ 4 หลักการปกครองโดยกฎหมาย หรือ หลักนิติธรรม คือการให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในเรื่องสิทธิเสรีภาพด้านต่างๆ ในการบังคับใช้กฎหมายโดยความเชื่อว่าตกอยู่ใต้อำนาจความเห็นต่างทางการเมืองแบบเลือกข้าง
หลักที่ 5 หลักการเสียงข้างมาก (Majority rule) ควบคู่ไปกับการเคารพในสิทธิของเสียงข้างน้อย (Minority Rights) การตัดสินใจของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ ย่อมต้องถือเอาเสียงข้างมากที่มีต่อเรื่องนั้นๆ เป็นเกณฑ์ในการตัดสินทางเลือก โดยถือเพียงว่าเสียงข้างมากเป็นตัวแทนที่สะท้อนความต้องการ/ข้อเรียกร้องของประชาชนหมู่มาก แต่หลักการนี้ต้องควบคู่ไปกับการเคารพและคุ้มครองสิทธิเสียงข้างน้อยด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่า ฝ่ายเสียงข้างมากจะไม่ใช้วิธีการพวกมากลากไปตามผลประโยชน์และความเห็นหรือกระแสความนิยมของพวกตนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด เพื่อสร้างสังคมให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยไม่มีการเอาเปรียบกัน และสร้างความขัดแย้งในสังคมมากเกินไป แต่ปัญหาการชุมนุมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะรัฐบาลอาศัยพวกมากลากไป อาทิกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยที่เป็นชนวนปัญหาวิกฤติทางการเมือง
ประเทศชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย จะเดินหน้าต่อไปได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนทุกคนที่รักประเทศไทยจะพิจารณาและสำนึกในอำนาจหน้าที่ของตนเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม หรือจะยังคงไร้สติและให้นักการเมืองที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง นำพาไปสู่ความหายนะร่วมกันทั้งประเทศก็สุดแท้แต่พิจารณาครับ
27 พฤศจิกายน 2556
http://peopleunitynews.com/web02/2013/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B8-2/
เศรษฐพงษ์ ศรีสุวรรณ : อนาคตประเทศไทย…ในวิถีทางประชาธิปไตย
จากสถานการณ์ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง 2 ขั้ว และสร้างความตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ ทำให้เกิดความทุกข์ใจ…ความสุขก็ได้หายไป…
การต่อสู้ทางการเมืองนั้น หากมองไปยังหลายประเทศที่มีการชุมนุมและใช้ความรุนแรง ผลลัพธ์ที่เห็นทุกครั้ง ไม่มีฝ่ายใดชนะ แต่กับนำพาประเทศไปสู่ความพ่ายแพ้ ความตกต่ำ ด้อยพัฒนา ประชาชนยากไร้ ไม่มีความสุข และเกิดปัญหาไม่เคยจบสิ้น
ความวุ่นวายที่ยังเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ก็ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ดังนั้น พี่น้องประชาชนต้องมีสติและกลับมาคิดกันใหม่ ว่าเราควรจะรักษาประเทศชาติให้คงอยู่อย่างมีความสุข สง่างามอย่างไร
ประเทศไทยมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขมาช้านาน มีพัฒนาการลำดับขั้นตอนมุ่งไปสู่ประชาธิปไตยที่เต็มใบ แต่ปัจจุบันยังเป็นแบบเดินหน้าถอยหลังมาโดยตลอด เพราะเหตุผลเดียวคือการแย่งชิงอำนาจของการบริหารประเทศของนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม รวมถึงการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในวิถีทางประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว หรือเลือกใช้เฉพาะที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มหรือพลพรรคตนเอง คิดถึงประโยชนส่วนตนเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงประเทศชาติและพี่น้องประชาชนว่าจะได้รับความเดือดร้อนและเสียโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตไปมากน้อยเพียงใด
ในหลักการประชาธิปไตยที่สำคัญ ได้กล่าวไว้ 5 ประการ คือ 1.หลักการอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน 2.หลักเสรีภาพ 3.หลักความเสมอภาค 4.หลักการปกครองโดยกฎหมายหรือหลักนิติธรรม 5.หลักการเสียงข้างมาก (Majority rule) ควบคู่ไปกับการเคารพในสิทธิของเสียงข้างน้อย (Minority Rights)
หากปัจจุบันหลักการทั้ง 5 ถูกกระทำให้เบี่ยงเบนไปจากหลักความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงโดยกลุ่มนักการเมืองที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว บนความไม่รู้และความอ่อนด้อยในองค์ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่แท้จริงของพี่น้องประชาชน กล่าวคือ
หลักที่ 1 หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่จะเลือกตัวแทนของตนเองไปทำหน้าที่แทนในการใช้อำนาจทางการปกครอง แต่ก็ถูกขบวนการทำลายประชาธิปไตยโดยนักการเมืองใช้อำนาจเงินมอมเมาประชาชนให้ขายเสียง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและทำให้ประชาชนละทิ้งสิทธิที่จะเลือกคนดีเข้าไปทำหน้าที่แทนในสภา
หลักที่ 2 หลักเสรีภาพ ประชาชนมีสิทธิจะกระทำการใดๆ หรือไม่กระทำการใดๆ ก็ตาม ตราบเท่าที่การกระทำนั้นไม่ไปลิดรอนสิทธิของผู้อื่น แต่ประชาชนก็ถูกนักการเมืองนำพาไปสู่การกระทำที่ลิดรอนสิทธิของผู้อื่นและล่อแหลมต่อการผิดกฎหมายบนความไม่รู้
หลักที่ 3 หลักความเสมอภาค คือประชาชนสามารถเข้าถึงทรัพยากรทางสังคมที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยเท่าเทียมกัน แต่ระบบทุนนิยมที่ถูกกำหนดโดยนโยบายทางการเมืองแบบทุนนิยม กลับทำให้หลักความเสมอภาคแทบจะหมดสิ้นไปอำนาจทุนนิยมเข้ามาเป็นตัวกำหนดสังคมแทน ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบกันในสังคมทุกหย่อมหญ้า
หลักที่ 4 หลักการปกครองโดยกฎหมาย หรือ หลักนิติธรรม คือการให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในเรื่องสิทธิเสรีภาพด้านต่างๆ ในการบังคับใช้กฎหมายโดยความเชื่อว่าตกอยู่ใต้อำนาจความเห็นต่างทางการเมืองแบบเลือกข้าง
หลักที่ 5 หลักการเสียงข้างมาก (Majority rule) ควบคู่ไปกับการเคารพในสิทธิของเสียงข้างน้อย (Minority Rights) การตัดสินใจของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ ย่อมต้องถือเอาเสียงข้างมากที่มีต่อเรื่องนั้นๆ เป็นเกณฑ์ในการตัดสินทางเลือก โดยถือเพียงว่าเสียงข้างมากเป็นตัวแทนที่สะท้อนความต้องการ/ข้อเรียกร้องของประชาชนหมู่มาก แต่หลักการนี้ต้องควบคู่ไปกับการเคารพและคุ้มครองสิทธิเสียงข้างน้อยด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่า ฝ่ายเสียงข้างมากจะไม่ใช้วิธีการพวกมากลากไปตามผลประโยชน์และความเห็นหรือกระแสความนิยมของพวกตนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด เพื่อสร้างสังคมให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยไม่มีการเอาเปรียบกัน และสร้างความขัดแย้งในสังคมมากเกินไป แต่ปัญหาการชุมนุมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะรัฐบาลอาศัยพวกมากลากไป อาทิกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยที่เป็นชนวนปัญหาวิกฤติทางการเมือง
ประเทศชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย จะเดินหน้าต่อไปได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนทุกคนที่รักประเทศไทยจะพิจารณาและสำนึกในอำนาจหน้าที่ของตนเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม หรือจะยังคงไร้สติและให้นักการเมืองที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง นำพาไปสู่ความหายนะร่วมกันทั้งประเทศก็สุดแท้แต่พิจารณาครับ
27 พฤศจิกายน 2556
http://peopleunitynews.com/web02/2013/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B8-2/