เพื่อไทยมาแล้ว! ยกทัพบุกชลบุรีโวเลือก"พท."รวยวันรวยคืน แห่ฟังล้นศาลากลาง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7566277
“อิ๊งค์” บุกชลบุรีปราศรัยใหญ่ คนแห่ฟังล้นลานศาลากลาง โวเลือกพท.รวยวันรวยคืน “เศรษฐา” ปลุกเลือกชลบุรียกจังหวัด ยกครอบครัวคุณปลื้มกตัญญู “สนธยา” สับบางคนชอบโกหก แต่งเรื่อง ถามมาจาก “กำนันเป๊าะ” น่าอายหรือ
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 18 มี.ค.2566 ที่ลานหน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ มีแกนนำพรรค ทั้ง นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กทม.
นาย
สนธยา คุณปลื้ม แกนนำบ้านใหญ่ชลบุรี นาย
พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ชลบุรีทั้ง 10 เขตเข้าร่วม มีประชาชนชาวชลบุรีมาร่วมเวทีปราศรัยล้นลานหน้าศาลากลางทั้งด้านข้างและด้านหน้า โดยส่วนใหญ่ต่างใส่เสื้อสีแดง
นพ.
ชลน่าน ปราศรัยว่า รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ยอมรับเงื่อนไขไอยูยู ของสหภาพยุโรป เพื่อปลดล็อกใบเหลืองให้ พล.อ.
ประยุทธ์ แต่ทำร้ายชาวประมง เราจึงต้องคิดใหญ่เอาไอยูยู ออกไปพร้อมกับพล.อ.
ประยุทธ์ และ 3 ป. เราจะเข้ามาคิดใหญ่ทำเป็นคืนความเป็นเจ้าทะเลให้กับพี่น้อง โดยเริ่มต้นจากเลือกผู้สมัครส.ส.จากพรรคเพื่อไทยทั้ง 10 เขต
ด้านนาย
สนธยา ปราศรัยว่า วันนี้พี่น้องมารวมกันเพื่อทำให้ชลบุรีแลนด์สไลด์ใช่หรือไม่ ดังนั้นขอให้เข้าคูหากาเพื่อไทยสองใบ เพื่อให้ชลบุรีกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ที่ตนกลับมาทำงานร่วมกับเพื่อไทยอีกครั้ง หลังจากเคยร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยเหมือนปี 48 และแลนด์สไลด์ 377 เสียงมาแล้ว ครั้งนี้ได้คัดสรรผู้สมัคร 10 คนมาแล้ว ขอให้เข้าคูหากาโดยไม่ต้องสงสัยเพราะเราคัดมาแล้ว และก่อนหน้านี้ตนโพสต์เฟซบุ๊กไว้ว่า พูดโกหกโดยที่คิดว่าคนรู้ความจริงมีน้อย แต่โกหกก็คือโกหก อย่าคิดว่าพูดบ่อยๆแล้วมันจะเป็นความจริง อย่าสนุกปากจนมากเกินไป สิ่งที่ตนอยากจะเตือนบางคน แม้กระทั่งที่มาของตัวเองยังโกหกเลย อย่างที่พิธีกรพูดว่าจิตใจของคนเราต้องรู้ที่ไป และไม่ลืมที่มาด้วย ถ้ารู้ที่ไปแต่ยังลืมที่มาแล้วแต่งทุกเรื่อง แบบนี้เรียกว่าไปที่ชอบๆใช่หรือไม่
นาย
สนธยา กล่าวต่อว่า ที่ผมมาพูดวันนี้เพราะมีบางคนพูดว่าที่มาของตัวเอง มันน่าเกลียดถึงต้องเขียนมันใหม่ทั้งหมด วันนี้จึงเป็นเวทีแรกที่มาพูดต่อหน้าพี่น้องเป็นหมื่นคน ทุกคนคงจำได้ว่ามีอยู่คนหนึ่ง ที่พูดที่มาของตัวเองหลังจากที่ได้ใส่หัวโขน ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี บอกว่าประสบความสำเร็จตอนอายุ 27-28 ปี แต่มีคำถามหนึ่งว่ามาอยู่กับกำนันเป๊าะได้อย่างไร
”
คนๆ นั้นตอบว่าเรื่องมันบรรจบกันเพราะลูกน้องอาจจะมีปัญหากัน กำนันเป๊าะคนหนองมน คนๆนั้นก็คนหนองมน จึงต้องไปเคลียร์กันแล้วกำนันให้ไปตามมาอยู่ด้วยเพื่อเป็น สท. โคตรโกหกเลย ความจริงมีอยู่ว่าวันนั้นคนๆนั้นอายุ 27-28 กำนั้นเป๊าะ อายุ 64-65 แล้วมันเป็นเรื่องจริงได้อย่างไรที่จะเข้าไปเคลียร์กับกำนันเป๊าะ แต่ความจริงคนนั้นอยากเข้ามาแปะยี่ห้อกำนันเป๊าะ เข้าหาทุกทาง ทำทุกทางจนสุดท้ายมีคนพาเข้ามา
ผมอยู่กับกำนันเป๊าะมาตลอด ทำไมจะไม่รู้ว่าใครเข้ามาอย่างไร การบอกว่ามีคนเข้ามาอยู่ด้วยมันน่าอายหรือถึงต้องเขียนเรื่องราวเสียใหญ่โต ที่ว่ามาเป็นการเขียนนิทาน การเลือกตั้งนอกจากดูนโยบายพรรคแล้ว ต้องดูถึงคนผู้นำทีมที่มีความจริงใจเสนอตัวเข้ามาด้วย ถ้าเป็นคนไม่มีความจริงใจ ที่มาของตัวเองยังสร้างเรื่องเล่านิทาน จะหาความจริงใจได้อย่างไร ดังนั้นการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชลบุรีต้องเลือกเพื่อไทยทั้ง 10 เขตเพื่อให้แลนด์สไลด์ทั้งประเทศ” นาย
สนธยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังปราศรัยเสร็จ นาย
สนธยาแล้วได้มอบตระกล้าข้าวหลามแก่ น.ส.
แพทองธาร และนาย
เศรษฐา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะได้ชัยชนะอย่างล้นหลาม
จากนั้น น.ส.
แพทองธาร ปราศรัยว่า วันนี้ประชาชนมากันล้นหลามสุดลูกหูลูกตา วันนี้เพื่อไทยมาแล้วเราจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม หนี้สินต้องหมดไป การท่องเที่ยวจะเป็นการเติมเงินให้ประชาชนได้เร็วที่สุด วันนี้เพื่อไทยมีนโยบายมาบอกให้ทราบว่าจะจูงใจชาวต่างชาติมาเที่ยวชลบุรีได้อย่างไร อย่างแรกจะยกระดับสนามบินให้ชาวต่างชาติมาเพิ่มขึ้น แล้วจะเกิดการจ้างงานใหม่ๆ
เราจะเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้มีมากขึ้น ให้คนต่างชาติเข้ามาทุกช่วงทั้งปีที่ประเทศไทย และงานสำคัญต่างๆ ที่มีทั่วโลกต้องมาจัดที่ชลบุรี เราจะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพเพื่อการพักผ่อน เพราะเมื่อไปต่างประเทศได้ใช้บริการสปา ไม่มีที่ไหนดีเท่าเมืองไทยอีกแล้ว เพื่อไทยมาการท่องเที่ยวปี 70 ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าแน่นอน ตอนนี้ใกล้ยุบสภาทุกที การเลือกตั้งจะมีไม่ช้า อยากให้กำหนดชะตาตัวเองเลือกพรรคที่จะทำให้หมดหนี้หมดสินรวยวันรวยคืน ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคทั้ง 10 เขต
ด้านนาย
เศรษฐา ปราศรัยว่า วันนี้อาสาเข้ามาทำการเมือง เข้ามาพลิกวิกฤตความยากจน และพยายามทำให้พี่น้องมีความมั่งคั่ง คืนอิสรเสรีภาพให้ทุกคนไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจคนๆ เดียว เมื่อวานเป็นอย่างไรวันนี้ก็เป็นแบบนี้ และต่อไปก็จะเป็นเหมือนเดิม เอาความสุขความร่ำรวยของประชาชนเป็นแนวปฏิบัติ ความเท่าเทียมเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ การเลือกเพศสภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรได้รับ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพื่อไทย ถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
”
เราจะคืนสิทธิเสรีภาพเหล่านั้นให้ทุกคน 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจถดถอยแค่ไหน รายจ่ายลดลง หนี้สินสูงขึ้น ชลบุรีเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เมื่อมีโควิดมาทำให้การท่องเที่ยวเกิดสุญญากาศ รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหา เราจะไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น หากเราได้รับเลือกเป็นรัฐบาล รายได้จะเพิ่มขึ้นสูงขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ขอย้ำ 2 นโยบายที่เพิ่งเปิดตัวไป หากพรรคพท.ได้เป็นรัฐบาล เราจะสำรวจทันทีว่าครอบครัวไหนได้มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่น เราจะเพิ่มให้ทันที เราจะใช้เทคโนโลยีสำหรับคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยจะใส่เงินไปในดิจิทัลวอลเลต
มีหลายคนพยายามที่จะพัฒนาชลบุรี และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีครอบครัวคุณปลื้ม ซึ่งมีความกตัญญูต่อพี่น้องประชาชน โดยความกตัญญูถือเป็นแก่นสารของความเป็นคน วันนี้ท่านมาอยู่กับเรา พร้อมทั้งว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 10 คน หากเราแลนด์สไลด์จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเมืองชลบุรีจะไปได้ไกลขนาดไหน จ.ชลบุรีที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 10 คนนำโดยคุณปลื้ม ไม่ใช่แค่คุณปลื้มอย่างเดียว ผมก็ปลื้ม ประชาชนก็ปลื้ม ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนและพรรคให้แลนด์สไลด์” นาย
เศรษฐา กล่าว
ซูเปอร์โพล 39% หนุน อุ๊งอิ๊ง นั่งนายกฯ “อนุทิน” รั้งที่ 2
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_518872/
ซูเปอร์โพล 39% หนุน อุ๊งอิ๊ง นั่งนายกฯ “อนุทิน” รั้งที่ 2 ขณะ 37.7% หนุนรัฐบาลทำงานต่อ
ซูเปอร์โพล (SUPER POLL)เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,061 ตัวอย่างเรื่อง ประเมินความเสี่ยง ความล้มเหลวการเมืองระหว่างวันที่ 15 – 18มีนาคม พ.ศ.2566พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 37.7 ยังคงสนับสนุนรัฐบาลทำงานต่อ ในขณะที่ร้อยละ 34.2 ขออยู่ตรงกลางพลังเงียบ และร้อยละ 28.1 ไม่สนับสนุนรัฐบาล
ที่น่าสนใจคือ เมื่อสอบถามถึงความตั้งใจจะกาบัตรให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใด (ถ้าเลือกได้) พบ 5อันดับแรก ได้แก่ ร้อยละ 39.0 ระบุ บัตร อุ๊งอิ๊ง (เพื่อไทย) ร้อยละ 21.9 ระบุบัตรอนุทิน (ภูมิใจไทย) ร้อยละ 13.9ระบุ บัตรจุรินทร์ (ประชาธิปัตย์) ร้อยละ 13.2 ระบุ บัตรลุงตู่ (รวมไทยสร้างชาติ) และร้อยละ 2.6 ระบุบัตรลุงป้อม(พลังประชารัฐ) ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการเมือง กับ กระแส ส.ส.ย้ายออกจากพรรค(โอกาสพลิกผัน) พบว่า ร้อยละ 57.4 เสี่ยงน้อยถึงไม่กระทบเลย ในขณะที่ ร้อยละ 24.5 กระทบปานกลางและร้อยละ 18.1 เสี่ยงมาก ถึง มากที่สุด
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการเมืองกับกระแส ส.ส.ย้ายออกจากพรรค (โอกาสพลิกผัน) กับความตั้งใจจะกาบัตรเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าเลือกได้ พบว่า บัตรลุงตู่ (รวมไทยสร้างชาติ)มีความเสี่ยงมากที่สุดคือร้อยละ 27.1 บัตรอุ๊งอิ๊ง (เพื่อไทย) มีความเสี่ยงสูงรองลงมาคือร้อยละ 22.2 บัตรอนุทิน(ภูมิใจไทย) มีความเสี่ยงร้อยละ 18.2 บัตรจุรินทร์ (ประชาธิปัตย์) มีความเสี่ยงร้อยละ 12.9 และบัตรลุงป้อม(พลังประชารัฐ) มีความเสี่ยงร้อยละ 3.6 ตามลำดับ
ปธ.เอสเอ็มอี ชี้ธุรกิจอยากได้ทีมศก.มืออาชีพบริหารประเทศ รุกต่อยื่นสมุดปกขาวแก้วิกฤต
https://www.matichon.co.th/economy/news_3880275
ปธ.เอสเอ็มอี ชี้ธุรกิจอยากได้ทีมศก.มืออาชีพบริหารประเทศ รุกต่อยื่นสมุดปกขาวแก้วิกฤต
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม นาย
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าจัดทำข้อเสนอถึงปัญหาและแนวทางให้พรรคการเมืองและรัฐบาลใหม่ ว่า ก่อนหน้านี้ หลังมีการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง สมาพันธ์ได้ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลปัญหาและข้อเรียกร้องจากเอสเอ็มอีทั่วประเทศ นำเสนอรัฐบาลปัจจุบันและหลายหน่วยงานมาแล้ว แต่ยังไม่ได้การตอบรับในหลายเรื่องสำคัญ ดังนั้น สมาพันธ์คงต้องรอผลการเลือกตั้งและเห็นทิศทางพรรคใดจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะนำสมุดปกขาวข้อเสนอเอสเอ็มอีเข้าไปยื่นและนำเสนอต่อพรรคที่มีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลใหม่
ทั้งนี้ ข้อเสนอหลักที่ได้เตรียมจะเสนอ คือ เรื่องแรกคือความช่วยเหลือและออกมาตรการดูแลเอสเอ็มอี 4 ภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ ส่งออก ท่องเที่ยว บริโภค และการเกษตร ด้วยจีดีพีเอสเอ็มอีไทยมีสัดส่วน 35 % ของจีดีพีประเทศ ขณะที่ในจำนวนนี้เป็นไมโครเอสเอ็มอี3% และรายเล็ก 14% รอความช่วยเหลือเรื่องแหล่งทุนต้นทุนต่ำ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอนนี้รายเล็กเจอปัญหาจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่ารายใหญ่ และส่วนใหญ่พึ่งพานอนแบงก์ จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 30-36% ต่อปี ยิ่งเมื่อหยุดพักหนี้การเข้าถึงแหล่งทุนยิ่งยาก และการแก้หนี้ยังไม่ได้ช่วยในระยะยาว
สำหรับอีก 2-3 เรื่องที่อยากเสนอรัฐบาลใหม่ คือ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือรายย่อยและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ผ่านเครือข่ายระดับจังหวัดและท้องถิ่น ที่มีงบประมาณหรือกองทุนช่วยเหลืออยู่แล้วแต่อยากให้ส่วนกลางระบุให้ชัดเจนว่าจะช่วยเหลือรายย่อยและอยากให้เกิดการร่วมตัวภาครัฐและเอกชน จัดทำไทยแลนด์เทรดดิ้งสู่กับทุนจีนทุนนอกที่กำลังมาตีตลาดทุนไทยที่เป็นทุนรายย่อย ส่งเสริมเครือข่ายเอสเอ็มอีอย่างเป็นรูปธรรมและเปิดให้เอสเอ็มอีรายย่อยเป็นกระบอกเสียงผ่านความร่วมมือและจัดตั้งเป็นสมาพันธ์เอสเอ็มอีแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เอสเอ็มอีอยากให้ดูแลต้นทุนด้านต่างๆ โดยเฉพาะค่าไฟควรต่ำกว่า 4 บาท/หน่วย ราคาดีเซล 25-27 บาทต่อลิตร และดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเร็ว เหมาะสมช่วง 33-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
JJNY : เพื่อไทยมาแล้ว!│ซูเปอร์โพล 39% หนุน อุ๊งอิ๊ง│ปธ.เอสเอ็มอีชี้ธุรกิจอยากได้ทีมศก.│ปูตินจะเผชิญการพิจารณาคดีหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7566277
“อิ๊งค์” บุกชลบุรีปราศรัยใหญ่ คนแห่ฟังล้นลานศาลากลาง โวเลือกพท.รวยวันรวยคืน “เศรษฐา” ปลุกเลือกชลบุรียกจังหวัด ยกครอบครัวคุณปลื้มกตัญญู “สนธยา” สับบางคนชอบโกหก แต่งเรื่อง ถามมาจาก “กำนันเป๊าะ” น่าอายหรือ
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 18 มี.ค.2566 ที่ลานหน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ มีแกนนำพรรค ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กทม.
นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำบ้านใหญ่ชลบุรี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ชลบุรีทั้ง 10 เขตเข้าร่วม มีประชาชนชาวชลบุรีมาร่วมเวทีปราศรัยล้นลานหน้าศาลากลางทั้งด้านข้างและด้านหน้า โดยส่วนใหญ่ต่างใส่เสื้อสีแดง
นพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ยอมรับเงื่อนไขไอยูยู ของสหภาพยุโรป เพื่อปลดล็อกใบเหลืองให้ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทำร้ายชาวประมง เราจึงต้องคิดใหญ่เอาไอยูยู ออกไปพร้อมกับพล.อ.ประยุทธ์ และ 3 ป. เราจะเข้ามาคิดใหญ่ทำเป็นคืนความเป็นเจ้าทะเลให้กับพี่น้อง โดยเริ่มต้นจากเลือกผู้สมัครส.ส.จากพรรคเพื่อไทยทั้ง 10 เขต
ด้านนายสนธยา ปราศรัยว่า วันนี้พี่น้องมารวมกันเพื่อทำให้ชลบุรีแลนด์สไลด์ใช่หรือไม่ ดังนั้นขอให้เข้าคูหากาเพื่อไทยสองใบ เพื่อให้ชลบุรีกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ที่ตนกลับมาทำงานร่วมกับเพื่อไทยอีกครั้ง หลังจากเคยร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยเหมือนปี 48 และแลนด์สไลด์ 377 เสียงมาแล้ว ครั้งนี้ได้คัดสรรผู้สมัคร 10 คนมาแล้ว ขอให้เข้าคูหากาโดยไม่ต้องสงสัยเพราะเราคัดมาแล้ว และก่อนหน้านี้ตนโพสต์เฟซบุ๊กไว้ว่า พูดโกหกโดยที่คิดว่าคนรู้ความจริงมีน้อย แต่โกหกก็คือโกหก อย่าคิดว่าพูดบ่อยๆแล้วมันจะเป็นความจริง อย่าสนุกปากจนมากเกินไป สิ่งที่ตนอยากจะเตือนบางคน แม้กระทั่งที่มาของตัวเองยังโกหกเลย อย่างที่พิธีกรพูดว่าจิตใจของคนเราต้องรู้ที่ไป และไม่ลืมที่มาด้วย ถ้ารู้ที่ไปแต่ยังลืมที่มาแล้วแต่งทุกเรื่อง แบบนี้เรียกว่าไปที่ชอบๆใช่หรือไม่
นายสนธยา กล่าวต่อว่า ที่ผมมาพูดวันนี้เพราะมีบางคนพูดว่าที่มาของตัวเอง มันน่าเกลียดถึงต้องเขียนมันใหม่ทั้งหมด วันนี้จึงเป็นเวทีแรกที่มาพูดต่อหน้าพี่น้องเป็นหมื่นคน ทุกคนคงจำได้ว่ามีอยู่คนหนึ่ง ที่พูดที่มาของตัวเองหลังจากที่ได้ใส่หัวโขน ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี บอกว่าประสบความสำเร็จตอนอายุ 27-28 ปี แต่มีคำถามหนึ่งว่ามาอยู่กับกำนันเป๊าะได้อย่างไร
” คนๆ นั้นตอบว่าเรื่องมันบรรจบกันเพราะลูกน้องอาจจะมีปัญหากัน กำนันเป๊าะคนหนองมน คนๆนั้นก็คนหนองมน จึงต้องไปเคลียร์กันแล้วกำนันให้ไปตามมาอยู่ด้วยเพื่อเป็น สท. โคตรโกหกเลย ความจริงมีอยู่ว่าวันนั้นคนๆนั้นอายุ 27-28 กำนั้นเป๊าะ อายุ 64-65 แล้วมันเป็นเรื่องจริงได้อย่างไรที่จะเข้าไปเคลียร์กับกำนันเป๊าะ แต่ความจริงคนนั้นอยากเข้ามาแปะยี่ห้อกำนันเป๊าะ เข้าหาทุกทาง ทำทุกทางจนสุดท้ายมีคนพาเข้ามา
ผมอยู่กับกำนันเป๊าะมาตลอด ทำไมจะไม่รู้ว่าใครเข้ามาอย่างไร การบอกว่ามีคนเข้ามาอยู่ด้วยมันน่าอายหรือถึงต้องเขียนเรื่องราวเสียใหญ่โต ที่ว่ามาเป็นการเขียนนิทาน การเลือกตั้งนอกจากดูนโยบายพรรคแล้ว ต้องดูถึงคนผู้นำทีมที่มีความจริงใจเสนอตัวเข้ามาด้วย ถ้าเป็นคนไม่มีความจริงใจ ที่มาของตัวเองยังสร้างเรื่องเล่านิทาน จะหาความจริงใจได้อย่างไร ดังนั้นการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชลบุรีต้องเลือกเพื่อไทยทั้ง 10 เขตเพื่อให้แลนด์สไลด์ทั้งประเทศ” นายสนธยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังปราศรัยเสร็จ นายสนธยาแล้วได้มอบตระกล้าข้าวหลามแก่ น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะได้ชัยชนะอย่างล้นหลาม
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า วันนี้ประชาชนมากันล้นหลามสุดลูกหูลูกตา วันนี้เพื่อไทยมาแล้วเราจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม หนี้สินต้องหมดไป การท่องเที่ยวจะเป็นการเติมเงินให้ประชาชนได้เร็วที่สุด วันนี้เพื่อไทยมีนโยบายมาบอกให้ทราบว่าจะจูงใจชาวต่างชาติมาเที่ยวชลบุรีได้อย่างไร อย่างแรกจะยกระดับสนามบินให้ชาวต่างชาติมาเพิ่มขึ้น แล้วจะเกิดการจ้างงานใหม่ๆ
เราจะเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้มีมากขึ้น ให้คนต่างชาติเข้ามาทุกช่วงทั้งปีที่ประเทศไทย และงานสำคัญต่างๆ ที่มีทั่วโลกต้องมาจัดที่ชลบุรี เราจะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพเพื่อการพักผ่อน เพราะเมื่อไปต่างประเทศได้ใช้บริการสปา ไม่มีที่ไหนดีเท่าเมืองไทยอีกแล้ว เพื่อไทยมาการท่องเที่ยวปี 70 ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าแน่นอน ตอนนี้ใกล้ยุบสภาทุกที การเลือกตั้งจะมีไม่ช้า อยากให้กำหนดชะตาตัวเองเลือกพรรคที่จะทำให้หมดหนี้หมดสินรวยวันรวยคืน ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคทั้ง 10 เขต
ด้านนายเศรษฐา ปราศรัยว่า วันนี้อาสาเข้ามาทำการเมือง เข้ามาพลิกวิกฤตความยากจน และพยายามทำให้พี่น้องมีความมั่งคั่ง คืนอิสรเสรีภาพให้ทุกคนไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจคนๆ เดียว เมื่อวานเป็นอย่างไรวันนี้ก็เป็นแบบนี้ และต่อไปก็จะเป็นเหมือนเดิม เอาความสุขความร่ำรวยของประชาชนเป็นแนวปฏิบัติ ความเท่าเทียมเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ การเลือกเพศสภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรได้รับ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพื่อไทย ถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
” เราจะคืนสิทธิเสรีภาพเหล่านั้นให้ทุกคน 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจถดถอยแค่ไหน รายจ่ายลดลง หนี้สินสูงขึ้น ชลบุรีเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เมื่อมีโควิดมาทำให้การท่องเที่ยวเกิดสุญญากาศ รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหา เราจะไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น หากเราได้รับเลือกเป็นรัฐบาล รายได้จะเพิ่มขึ้นสูงขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ขอย้ำ 2 นโยบายที่เพิ่งเปิดตัวไป หากพรรคพท.ได้เป็นรัฐบาล เราจะสำรวจทันทีว่าครอบครัวไหนได้มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่น เราจะเพิ่มให้ทันที เราจะใช้เทคโนโลยีสำหรับคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยจะใส่เงินไปในดิจิทัลวอลเลต
มีหลายคนพยายามที่จะพัฒนาชลบุรี และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีครอบครัวคุณปลื้ม ซึ่งมีความกตัญญูต่อพี่น้องประชาชน โดยความกตัญญูถือเป็นแก่นสารของความเป็นคน วันนี้ท่านมาอยู่กับเรา พร้อมทั้งว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 10 คน หากเราแลนด์สไลด์จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเมืองชลบุรีจะไปได้ไกลขนาดไหน จ.ชลบุรีที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 10 คนนำโดยคุณปลื้ม ไม่ใช่แค่คุณปลื้มอย่างเดียว ผมก็ปลื้ม ประชาชนก็ปลื้ม ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนและพรรคให้แลนด์สไลด์” นายเศรษฐา กล่าว
ซูเปอร์โพล 39% หนุน อุ๊งอิ๊ง นั่งนายกฯ “อนุทิน” รั้งที่ 2
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_518872/
ซูเปอร์โพล 39% หนุน อุ๊งอิ๊ง นั่งนายกฯ “อนุทิน” รั้งที่ 2 ขณะ 37.7% หนุนรัฐบาลทำงานต่อ
ซูเปอร์โพล (SUPER POLL)เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,061 ตัวอย่างเรื่อง ประเมินความเสี่ยง ความล้มเหลวการเมืองระหว่างวันที่ 15 – 18มีนาคม พ.ศ.2566พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 37.7 ยังคงสนับสนุนรัฐบาลทำงานต่อ ในขณะที่ร้อยละ 34.2 ขออยู่ตรงกลางพลังเงียบ และร้อยละ 28.1 ไม่สนับสนุนรัฐบาล
ที่น่าสนใจคือ เมื่อสอบถามถึงความตั้งใจจะกาบัตรให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใด (ถ้าเลือกได้) พบ 5อันดับแรก ได้แก่ ร้อยละ 39.0 ระบุ บัตร อุ๊งอิ๊ง (เพื่อไทย) ร้อยละ 21.9 ระบุบัตรอนุทิน (ภูมิใจไทย) ร้อยละ 13.9ระบุ บัตรจุรินทร์ (ประชาธิปัตย์) ร้อยละ 13.2 ระบุ บัตรลุงตู่ (รวมไทยสร้างชาติ) และร้อยละ 2.6 ระบุบัตรลุงป้อม(พลังประชารัฐ) ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการเมือง กับ กระแส ส.ส.ย้ายออกจากพรรค(โอกาสพลิกผัน) พบว่า ร้อยละ 57.4 เสี่ยงน้อยถึงไม่กระทบเลย ในขณะที่ ร้อยละ 24.5 กระทบปานกลางและร้อยละ 18.1 เสี่ยงมาก ถึง มากที่สุด
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการเมืองกับกระแส ส.ส.ย้ายออกจากพรรค (โอกาสพลิกผัน) กับความตั้งใจจะกาบัตรเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าเลือกได้ พบว่า บัตรลุงตู่ (รวมไทยสร้างชาติ)มีความเสี่ยงมากที่สุดคือร้อยละ 27.1 บัตรอุ๊งอิ๊ง (เพื่อไทย) มีความเสี่ยงสูงรองลงมาคือร้อยละ 22.2 บัตรอนุทิน(ภูมิใจไทย) มีความเสี่ยงร้อยละ 18.2 บัตรจุรินทร์ (ประชาธิปัตย์) มีความเสี่ยงร้อยละ 12.9 และบัตรลุงป้อม(พลังประชารัฐ) มีความเสี่ยงร้อยละ 3.6 ตามลำดับ
ปธ.เอสเอ็มอี ชี้ธุรกิจอยากได้ทีมศก.มืออาชีพบริหารประเทศ รุกต่อยื่นสมุดปกขาวแก้วิกฤต
https://www.matichon.co.th/economy/news_3880275
ปธ.เอสเอ็มอี ชี้ธุรกิจอยากได้ทีมศก.มืออาชีพบริหารประเทศ รุกต่อยื่นสมุดปกขาวแก้วิกฤต
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าจัดทำข้อเสนอถึงปัญหาและแนวทางให้พรรคการเมืองและรัฐบาลใหม่ ว่า ก่อนหน้านี้ หลังมีการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง สมาพันธ์ได้ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลปัญหาและข้อเรียกร้องจากเอสเอ็มอีทั่วประเทศ นำเสนอรัฐบาลปัจจุบันและหลายหน่วยงานมาแล้ว แต่ยังไม่ได้การตอบรับในหลายเรื่องสำคัญ ดังนั้น สมาพันธ์คงต้องรอผลการเลือกตั้งและเห็นทิศทางพรรคใดจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะนำสมุดปกขาวข้อเสนอเอสเอ็มอีเข้าไปยื่นและนำเสนอต่อพรรคที่มีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลใหม่
ทั้งนี้ ข้อเสนอหลักที่ได้เตรียมจะเสนอ คือ เรื่องแรกคือความช่วยเหลือและออกมาตรการดูแลเอสเอ็มอี 4 ภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ ส่งออก ท่องเที่ยว บริโภค และการเกษตร ด้วยจีดีพีเอสเอ็มอีไทยมีสัดส่วน 35 % ของจีดีพีประเทศ ขณะที่ในจำนวนนี้เป็นไมโครเอสเอ็มอี3% และรายเล็ก 14% รอความช่วยเหลือเรื่องแหล่งทุนต้นทุนต่ำ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอนนี้รายเล็กเจอปัญหาจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่ารายใหญ่ และส่วนใหญ่พึ่งพานอนแบงก์ จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 30-36% ต่อปี ยิ่งเมื่อหยุดพักหนี้การเข้าถึงแหล่งทุนยิ่งยาก และการแก้หนี้ยังไม่ได้ช่วยในระยะยาว
สำหรับอีก 2-3 เรื่องที่อยากเสนอรัฐบาลใหม่ คือ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือรายย่อยและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ผ่านเครือข่ายระดับจังหวัดและท้องถิ่น ที่มีงบประมาณหรือกองทุนช่วยเหลืออยู่แล้วแต่อยากให้ส่วนกลางระบุให้ชัดเจนว่าจะช่วยเหลือรายย่อยและอยากให้เกิดการร่วมตัวภาครัฐและเอกชน จัดทำไทยแลนด์เทรดดิ้งสู่กับทุนจีนทุนนอกที่กำลังมาตีตลาดทุนไทยที่เป็นทุนรายย่อย ส่งเสริมเครือข่ายเอสเอ็มอีอย่างเป็นรูปธรรมและเปิดให้เอสเอ็มอีรายย่อยเป็นกระบอกเสียงผ่านความร่วมมือและจัดตั้งเป็นสมาพันธ์เอสเอ็มอีแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เอสเอ็มอีอยากให้ดูแลต้นทุนด้านต่างๆ โดยเฉพาะค่าไฟควรต่ำกว่า 4 บาท/หน่วย ราคาดีเซล 25-27 บาทต่อลิตร และดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเร็ว เหมาะสมช่วง 33-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ