“ชลน่าน” ดีเบตเวทีมิสแกรนด์ชวนปชช.เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์
https://www.innnews.co.th/news/news_518520/
“ชลน่าน” ร่วมดีเบตเวทีมิสแกรนด์ ชวนประชาชนเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาล กลับมาประชาธิปไตยที่แท้จริง
นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมเวทีเสวนา “
มิสแกรนด์” กับ “
อนาคตเมืองไทย” หลังเลือกตั้งปี66 โดยนพ.
ชลน่านได้ตอบคำถามแรกของผู้ดำเนินรายการ ที่ถามว่า ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค.66 พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้นบ้าง และจำอะไรกับคนที่โกงหรือคอร์รัปชันที่ผ่านมาและเรารู้สึกย่ำแย่ ว่า เลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญเป็นโอกาสเดียวที่ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ตอนนี้คาดว่าพรรคน่าจะได้ ส.ส. ถึง 250 คน แต่ยังไม่เพียงพอ หากต้องการออกจากวิกฤต ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะเด็ดขาด
จึงกำหนดจุดหมายใหม่ที่ 310 เสียง หากได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ จะสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ พรรคเสรีประชาธิปไตยพร้อมสนับสนุน หรืออาจยินดีโหวตให้เรา หรือ ส.ว.เกิดจิตสำนึกที่ดี อาจช่วยเลือกนายกรัฐมนตรีจากประชาชน เป็นการถอดสลักกับดักกติกาออกไป กลับสู่การเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงจากเสียงประชาชนเราตกอยู่ภายใต้กับดักประชาธิปไตยที่ไม่แท้จริง จอมปลอม จึงต้องช่วยกันคิดใหญ่ ขอชวนประชาชนจับมือกับเพื่อไทย เพื่อออกจากกับดักตรงนี้ ให้แลนด์สไลด์ถล่มทลาย พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายแล้วทำได้ พี่น้องประชาชนต่างบอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ สัมผัสได้ เข้าถึงเข้าใจ โดยมีนโยบายที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนได้
โดยนโยบายสำคัญ ได้แก่ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เริ่มขับเคลื่อนในปี 2545 ระบบเทคโนโลยีในเวลานั้นยังไม่ทันสมัย พรรคเพื่อไทยจะยกระดับใหม่ให้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ถือบัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่ไหนก็ได้ ส่วนนโยบายด้านการรักษา จะเจาะในปัญหาระดับชาติ เช่น มะเร็งเต้านมและปากมดลูกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 และ 2 ของผู้หญิง เพื่อลดอัตราการสูญเสีย พรรคเพื่อไทยมีนโยบายฉีดมะเร็งปากมดลูกให้กับลูกหลานผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ขวบ
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายใหม่ที่เอาปัญหาจากประชาชนมาตอบโจทย์ด้วยนโยบาย มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นอันดับแรก ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาสให้ประชาชน หากครอบครัวไหนที่มีรายได้ต่อครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท เพื่อไทยจะเติมเต็ม ให้อิ่มท้อง และเติมเต็มด้วยนโยบายสร้างรายได้ใหม่ให้ในทุกมิติ เป็นต้น ซึ่งหากเพื่อไทยได้เสียงข้างมากจากประชาชน
พรรคเพื่อไทยเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา ทำงานให้บ้านเมือง สร้างงาน สร้างรายได้ ยาเสพติดถูกปราบ เกิดสันติสุขแล้ว ต้องคืนวิถีประชาธิปไตยให้ประชาชน เราจะจัดทำรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง สิ่งที่พูดมาจะไม่เกิดขึ้นเลย การได้เสียง 260 หรือ 280 อาจจะแลนด์สไลด์ แต่จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถ้าต้องการปลดล็อกตรงนี้ ต้องช่วยกัน อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
“พิธา” มั่นใจเลือกตั้งครั้งนี้วาระสุดท้าย “ประยุทธ์-ประวิตร”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_518429/
“พิธา” มั่นใจเลือกตั้งครั้งนี้วาระสุดท้าย “ประยุทธ์-ประวิตร” ลั่นภารกิจสำคัญคือปักธงวัฒนธรรมการเมืองใหม่
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นปราศรัยปิดการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดปทุมธานีที่ตลาดจัมโบ้ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง ในช่วงค่ำวานนี้ ( 17 มีนาคม) โดยพิธา กล่าวว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นวาระสุดท้ายของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาลและนโยบายแต่ต้องปักธงวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ด้วย
โดยสัปดาห์นี้ พล.อ.
ประยุทธ์ทำงานเป็นสัปดาห์สุดท้าย พอกันที 8 ปีที่แปดเปื้อน 8 ปีที่ผ่านมาบริหารประเทศย่อยยับอย่างไร ตอนนี้ก็ยังย่อยยับอย่างนั้น มีโฆษณาออกมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่านโยบายพรรคการเมืองต่างๆ เหมือนไอติมที่แบ่งกันดูด ส่วนพรรคของพล.อ.
ประยุทธ์ จะเป็นไอติมสีน้ำเงินผ่านมือถือ แต่ภายใต้รัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์เอง ไม่ใช่หรือฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตสิ้นคำนึง คำนึงถึงแค่ความตาย ครั้งนี้เรามีโอกาสแล้ว เหลือเวลาอีก 60 วัน ถึงเวลาปิดฉากระบอบปรสิตผ่านบัตรเลือกตั้งของประชาชน
สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ที่พล.อ.
ประวิตร ประกาศออกมาว่าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย พร้อมตั้งคณะกรรมการผลักดันนโยบายจากทุกพรรคการเมืองร่วมกัน นาย
พิธาตั้งคำถามกลับว่า พร้อมนำนโยบายปฏิรูปกองทัพ หยุด 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และธุรกิจของกองทัพของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ถ้ายังจำกันได้ นโยบายพรรคพลังประชารัฐเองเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ยังทำไม่ได้เลย ไม่ต้องไปพูดถึงนโยบายพรรคอื่น
ดังนั้น สิ่งสุดท้ายที่จะทำในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ การตามหาชัยชนะให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตน ให้เราเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากแก้ปัญหาถนน คน คลอง ให้คนปทุมธานีให้ได้แล้ว สิ่งที่พรรคก้าวไกลนำเสนอคือวัฒนธรรมทางการเมืองแบบก้าวไกล วัฒนธรรมทางการเมืองที่ไม่มีทุนใหญ่อยู่ข้างหลัง
ขับเคลื่อนด้วยสมาชิกพรรคและผู้แทนประชาชนที่พร้อมรับใช้ประชาชน ไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก ไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกลชนะถล่มทลาย แต่เรายังต้องปักธงอนาคต ปักธงวัฒนธรรมทางการเมือง ที่นี่เป็นที่แรกอย่างแน่นอน
'ที่อยู่อาศัย'ภาคตะวันตกที่สต็อกเหลือขายมากสุด
https://www.bangkokbiznews.com/property/1058393
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยทำเล'ที่อยู่อาศัย'ภาคตะวันตกที่สต็อกเหลือขายมากสุด ระบุ อันดับ 1 ทำเลชะอำตอนเหนืออันดับ 2 ทำเลชะอำตอนใต้ อันดับ 3 ทำเลเขาตะเกียบอันดับ 4 ทำเลเขาหินเหล็กไฟ และอันดับ 5 ทำเลทับใต้
"
วิชัย วิรัตกพันธ์" ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าจากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันตก 2 จังหวัด ครึ่งหลังปี 2565 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 6,760 หน่วย มูลค่า 31,322 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 3,737 หน่วย มูลค่า 16,215 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,023 หน่วย มูลค่า 15,107 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 663 หน่วย มูลค่า 1,636 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 1,306 หน่วย มูลค่า 5,550 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 5,454 หน่วย มูลค่า 25,772 ล้านบาท
“
ส่วนทิศทางของตลาดที่อยู่ระหว่างขายในภาคตะวันตก พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่เป็นบ้านจัดสรรเกิดขึ้นในพื้นที่ เพชรบุรีเท่านั้น ส่วนอาคารชุดมีทั้งในประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี โดยใน 2 จังหวัดภาคตะวันตก จังหวัดเพชรบุรีมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุดร้อยละ 2.1 และประจวบคีรีขันธ์มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 6.6”
อุปทานโดยรวมภาคตะวันตก ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด จำนวนประมาณ 6,760 หน่วย มูลค่า 31,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ 20.7 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.2 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ - 12.4 มูลค่าลดลงร้อยละ - 14.8
โดยเป็นโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนเพียง 663 หน่วย มูลค่า 1,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ 122.7 และร้อยละ 28.6 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -61.6 มูลค่าลดลง -81.6
ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2565 จำนวน 5,454 หน่วย มูลค่า 25,772 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 แต่เมื่อเทียบกับครึ่งแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -15.5 มูลค่าลดลง -16.7
5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 5 จังหวัดภาคตะวันตกคือ อันดับ 1 ทำเลชะอำตอนเหนือ จำนวน 1,459 หน่วย มูลค่า 6,113 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลชะอำตอนใต้ จำนวน 875 หน่วย มูลค่า 3,276 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลเขาตะเกียบ จำนวน 727 หน่วย มูลค่า 5,345 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลเขาหินเหล็กไฟ จำนวน 600 หน่วย มูลค่า 3,253 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลทับใต้ จำนวน 536 หน่วย มูลค่า 2,782 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 2,121 หน่วย มูลค่า 8,884 ล้านบาท
อุปสงค์โดยรวมภาคตะวันตก พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 1,306 หน่วย มูลค่า 5,550 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 359 หน่วย มูลค่า 1,852 ล้านบาท และอาคารชุด 947 หน่วย มูลค่า 3,698 ล้านบาท
ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ อันดับ 1 หัวหิน จำนวน 406 หน่วย มูลค่า 1,496 ล้านบาท อันดับ 2 เขาตะเกียบ จำนวน 321 หน่วย มูลค่า 1,532 ล้านบาท อันดับ 3 ชะอำตอนเหนือ จำนวน 200 หน่วย มูลค่า 734 ล้านบาท อันดับ 4 ชะอำตอนใต้ จำนวน 159 หน่วย มูลค่า 542 ล้านบาท และอันดับ 5 เขาหินเหล็กไฟ จำนวน 72 หน่วย มูลค่า 422 ล้านบาท
JJNY : “ชลน่าน”ดีเบตเวทีมิสแกรนด์│“พิธา”มั่นใจวาระสุดท้าย“ประยุทธ์-ประวิตร”│'ที่อยู่'ภาคตต.เหลือขาย│สหรัฐหนุน ศาลอาญาโลก
https://www.innnews.co.th/news/news_518520/
“ชลน่าน” ร่วมดีเบตเวทีมิสแกรนด์ ชวนประชาชนเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาล กลับมาประชาธิปไตยที่แท้จริง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมเวทีเสวนา “มิสแกรนด์” กับ “อนาคตเมืองไทย” หลังเลือกตั้งปี66 โดยนพ.ชลน่านได้ตอบคำถามแรกของผู้ดำเนินรายการ ที่ถามว่า ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค.66 พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้นบ้าง และจำอะไรกับคนที่โกงหรือคอร์รัปชันที่ผ่านมาและเรารู้สึกย่ำแย่ ว่า เลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญเป็นโอกาสเดียวที่ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ตอนนี้คาดว่าพรรคน่าจะได้ ส.ส. ถึง 250 คน แต่ยังไม่เพียงพอ หากต้องการออกจากวิกฤต ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะเด็ดขาด
จึงกำหนดจุดหมายใหม่ที่ 310 เสียง หากได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ จะสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ พรรคเสรีประชาธิปไตยพร้อมสนับสนุน หรืออาจยินดีโหวตให้เรา หรือ ส.ว.เกิดจิตสำนึกที่ดี อาจช่วยเลือกนายกรัฐมนตรีจากประชาชน เป็นการถอดสลักกับดักกติกาออกไป กลับสู่การเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงจากเสียงประชาชนเราตกอยู่ภายใต้กับดักประชาธิปไตยที่ไม่แท้จริง จอมปลอม จึงต้องช่วยกันคิดใหญ่ ขอชวนประชาชนจับมือกับเพื่อไทย เพื่อออกจากกับดักตรงนี้ ให้แลนด์สไลด์ถล่มทลาย พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายแล้วทำได้ พี่น้องประชาชนต่างบอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ สัมผัสได้ เข้าถึงเข้าใจ โดยมีนโยบายที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนได้
โดยนโยบายสำคัญ ได้แก่ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เริ่มขับเคลื่อนในปี 2545 ระบบเทคโนโลยีในเวลานั้นยังไม่ทันสมัย พรรคเพื่อไทยจะยกระดับใหม่ให้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ถือบัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่ไหนก็ได้ ส่วนนโยบายด้านการรักษา จะเจาะในปัญหาระดับชาติ เช่น มะเร็งเต้านมและปากมดลูกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 และ 2 ของผู้หญิง เพื่อลดอัตราการสูญเสีย พรรคเพื่อไทยมีนโยบายฉีดมะเร็งปากมดลูกให้กับลูกหลานผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ขวบ
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายใหม่ที่เอาปัญหาจากประชาชนมาตอบโจทย์ด้วยนโยบาย มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นอันดับแรก ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาสให้ประชาชน หากครอบครัวไหนที่มีรายได้ต่อครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท เพื่อไทยจะเติมเต็ม ให้อิ่มท้อง และเติมเต็มด้วยนโยบายสร้างรายได้ใหม่ให้ในทุกมิติ เป็นต้น ซึ่งหากเพื่อไทยได้เสียงข้างมากจากประชาชน
พรรคเพื่อไทยเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา ทำงานให้บ้านเมือง สร้างงาน สร้างรายได้ ยาเสพติดถูกปราบ เกิดสันติสุขแล้ว ต้องคืนวิถีประชาธิปไตยให้ประชาชน เราจะจัดทำรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง สิ่งที่พูดมาจะไม่เกิดขึ้นเลย การได้เสียง 260 หรือ 280 อาจจะแลนด์สไลด์ แต่จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถ้าต้องการปลดล็อกตรงนี้ ต้องช่วยกัน อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
“พิธา” มั่นใจเลือกตั้งครั้งนี้วาระสุดท้าย “ประยุทธ์-ประวิตร”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_518429/
“พิธา” มั่นใจเลือกตั้งครั้งนี้วาระสุดท้าย “ประยุทธ์-ประวิตร” ลั่นภารกิจสำคัญคือปักธงวัฒนธรรมการเมืองใหม่
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นปราศรัยปิดการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดปทุมธานีที่ตลาดจัมโบ้ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง ในช่วงค่ำวานนี้ ( 17 มีนาคม) โดยพิธา กล่าวว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นวาระสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาลและนโยบายแต่ต้องปักธงวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ด้วย
โดยสัปดาห์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเป็นสัปดาห์สุดท้าย พอกันที 8 ปีที่แปดเปื้อน 8 ปีที่ผ่านมาบริหารประเทศย่อยยับอย่างไร ตอนนี้ก็ยังย่อยยับอย่างนั้น มีโฆษณาออกมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่านโยบายพรรคการเมืองต่างๆ เหมือนไอติมที่แบ่งกันดูด ส่วนพรรคของพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นไอติมสีน้ำเงินผ่านมือถือ แต่ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เอง ไม่ใช่หรือฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตสิ้นคำนึง คำนึงถึงแค่ความตาย ครั้งนี้เรามีโอกาสแล้ว เหลือเวลาอีก 60 วัน ถึงเวลาปิดฉากระบอบปรสิตผ่านบัตรเลือกตั้งของประชาชน
สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ที่พล.อ.ประวิตร ประกาศออกมาว่าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย พร้อมตั้งคณะกรรมการผลักดันนโยบายจากทุกพรรคการเมืองร่วมกัน นายพิธาตั้งคำถามกลับว่า พร้อมนำนโยบายปฏิรูปกองทัพ หยุด 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และธุรกิจของกองทัพของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ถ้ายังจำกันได้ นโยบายพรรคพลังประชารัฐเองเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ยังทำไม่ได้เลย ไม่ต้องไปพูดถึงนโยบายพรรคอื่น
ดังนั้น สิ่งสุดท้ายที่จะทำในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ การตามหาชัยชนะให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตน ให้เราเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากแก้ปัญหาถนน คน คลอง ให้คนปทุมธานีให้ได้แล้ว สิ่งที่พรรคก้าวไกลนำเสนอคือวัฒนธรรมทางการเมืองแบบก้าวไกล วัฒนธรรมทางการเมืองที่ไม่มีทุนใหญ่อยู่ข้างหลัง
ขับเคลื่อนด้วยสมาชิกพรรคและผู้แทนประชาชนที่พร้อมรับใช้ประชาชน ไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก ไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกลชนะถล่มทลาย แต่เรายังต้องปักธงอนาคต ปักธงวัฒนธรรมทางการเมือง ที่นี่เป็นที่แรกอย่างแน่นอน
'ที่อยู่อาศัย'ภาคตะวันตกที่สต็อกเหลือขายมากสุด
https://www.bangkokbiznews.com/property/1058393
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยทำเล'ที่อยู่อาศัย'ภาคตะวันตกที่สต็อกเหลือขายมากสุด ระบุ อันดับ 1 ทำเลชะอำตอนเหนืออันดับ 2 ทำเลชะอำตอนใต้ อันดับ 3 ทำเลเขาตะเกียบอันดับ 4 ทำเลเขาหินเหล็กไฟ และอันดับ 5 ทำเลทับใต้
"วิชัย วิรัตกพันธ์" ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าจากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันตก 2 จังหวัด ครึ่งหลังปี 2565 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 6,760 หน่วย มูลค่า 31,322 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 3,737 หน่วย มูลค่า 16,215 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,023 หน่วย มูลค่า 15,107 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 663 หน่วย มูลค่า 1,636 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 1,306 หน่วย มูลค่า 5,550 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 5,454 หน่วย มูลค่า 25,772 ล้านบาท
“ส่วนทิศทางของตลาดที่อยู่ระหว่างขายในภาคตะวันตก พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่เป็นบ้านจัดสรรเกิดขึ้นในพื้นที่ เพชรบุรีเท่านั้น ส่วนอาคารชุดมีทั้งในประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี โดยใน 2 จังหวัดภาคตะวันตก จังหวัดเพชรบุรีมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุดร้อยละ 2.1 และประจวบคีรีขันธ์มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 6.6”
อุปทานโดยรวมภาคตะวันตก ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด จำนวนประมาณ 6,760 หน่วย มูลค่า 31,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ 20.7 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.2 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ - 12.4 มูลค่าลดลงร้อยละ - 14.8
โดยเป็นโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนเพียง 663 หน่วย มูลค่า 1,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ 122.7 และร้อยละ 28.6 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -61.6 มูลค่าลดลง -81.6
ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2565 จำนวน 5,454 หน่วย มูลค่า 25,772 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 แต่เมื่อเทียบกับครึ่งแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -15.5 มูลค่าลดลง -16.7
5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 5 จังหวัดภาคตะวันตกคือ อันดับ 1 ทำเลชะอำตอนเหนือ จำนวน 1,459 หน่วย มูลค่า 6,113 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลชะอำตอนใต้ จำนวน 875 หน่วย มูลค่า 3,276 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลเขาตะเกียบ จำนวน 727 หน่วย มูลค่า 5,345 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลเขาหินเหล็กไฟ จำนวน 600 หน่วย มูลค่า 3,253 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลทับใต้ จำนวน 536 หน่วย มูลค่า 2,782 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 2,121 หน่วย มูลค่า 8,884 ล้านบาท
อุปสงค์โดยรวมภาคตะวันตก พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 1,306 หน่วย มูลค่า 5,550 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 359 หน่วย มูลค่า 1,852 ล้านบาท และอาคารชุด 947 หน่วย มูลค่า 3,698 ล้านบาท
ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ อันดับ 1 หัวหิน จำนวน 406 หน่วย มูลค่า 1,496 ล้านบาท อันดับ 2 เขาตะเกียบ จำนวน 321 หน่วย มูลค่า 1,532 ล้านบาท อันดับ 3 ชะอำตอนเหนือ จำนวน 200 หน่วย มูลค่า 734 ล้านบาท อันดับ 4 ชะอำตอนใต้ จำนวน 159 หน่วย มูลค่า 542 ล้านบาท และอันดับ 5 เขาหินเหล็กไฟ จำนวน 72 หน่วย มูลค่า 422 ล้านบาท