เพื่อไทยลุยแฟลตคลองจั่น หนุนด้านกีฬาเยาวชน 'เศรษฐา' ย้ำชัดพท.ไม่ขัดแย้งใคร
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7561085
เพื่อไทยลุยแฟลตคลองจั่น หนุนด้านกีฬาเยาวชน ‘เศรษฐา’ ย้ำชัดพท.ไม่ขัดแย้งใคร ชี้ครม.เทกระจาดเยอะไป ต้องดูวินัยการคลังด้วย เวลคัม สส.พปชร.แห่ซบพรรค
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 มี.ค.66 ที่ลานกีฬาสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น เขตบางกะปิ นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นาย
วิชาญ มีนชัยนันท์ นาย
ดนุพร ปุณณกันต์ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วย ส.ส.กทม.และว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางกะปิ พรรคพท.ลงพื้นที่ล้อมวงคุยกับตัวแทนสภาเยาวชน 10 เขต เพื่อถาม-ตอบประเด็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการกีฬา และรับฟังเสียงสะท้อนจากเยาวชน
โดยตัวแทนเยาวชน เสนอว่าอยากให้ช่วยสำหรับการรวมกลุ่มพัฒนากีฬาชนิดต่างๆ และอยากรู้ว่าพรรค พท.มีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร นาย
เศรษฐา กล่าวว่า พรรค พท.ให้ความสำคัญกับกีฬา เราตั้งคณะกรรมการด้านนี้โดยเฉพาะ และเชื่อว่าเยาวชนแต่ละคนอยากก้าวหน้าไปสู่จุดที่สูงสุด เราจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสในการคัดตัว เพื่อสร้างความหวัง
จากนั้นเวลา 17.00 น. นาย
เศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังการพูดคุยกับกลุ่มเยาวชนว่า การกีฬาเป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกาย เป็นหนทางในการประกอบอาชีพด้วย แม้บางคนจะไม่มีความสามารถสูง แต่การที่เราจัดพื้นที่ให้เหมาะสมและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ก็ต้องทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และไม่ไปหมกมุ่นกับยาเสพติดและการพนัน ทั้งนี้ จากการที่ฟังปัญหาก็ครอบคลุมหลายกระทรวง แน่นอนว่าเรามีพื้นที่อยู่แล้ว แต่เรื่องของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องจัดสรรให้เหมาะสม
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีที่พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีการออกจดหมาย ความว่าหากได้เป็นรัฐบาล จะนำนโยบายแต่ละพรรคมาจัดทำ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้อ่านจดหมายของท่าน แต่ได้ยินคำว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นนิมิตหมายอันดี และท่านก็พูดหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ ทางพรรคพท.ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เรามีข้อขัดแย้งกับความยากจน ความไม่เสมอภาคและความไม่เท่าเทียม ซึ่งจากนี้ไปจนถึงช่วงมีการเลือกตั้ง เราก็จะเร่งกลั่นนโยบายที่โดนใจประชาชนออกมา
เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.
ประวิตรระบุจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้เห็นพรรคพลังประชารัฐเป็นทางออกของประเทศหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ดูแต่พรรคพท.อย่างเดียวว่าเราต้องไปสู่จุดมุ่งหมายที่ได้คะแนนเยอะที่สุด
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งสุดท้าย มีการอนุมัติงบประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการหาเสียงประชาชนช่วงสุดท้ายก่อนที่มีการเลือกตั้ง นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าดูเยอะอยู่ แต่เรื่องของการบริหารจัดการจะเป็นไปตามนโยบายที่ทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ เราต้องมานั่งดู และช่วยกันสอดส่อง ทั้งนี้ หากเราได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาอยู่ในสภาในจำนวนที่มาก ตนเชื่อว่าเราจะได้ตรวจสอบเรื่องนี้อยากเข้มแข็ง นโยบายใดเป็นประโยชน์ เราก็จะทำต่อ ส่วนกรณีการขึ้นค่าตอบแทน อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตนมองว่าประชาชนทุกคนเดือดร้อน การที่มีการเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมาดูด้วยว่าเรื่องของวินัยการเงินการคลังของประเทศอยู่ตรงไหน
เมื่อถามมีส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย จะช่วยมาตอกย้ำเรื่อง 310 เสียงของพรรคหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่เราจะเผยแพร่ออกไป เพราะตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย เราใช้นโยบายนำ และนโยบายเราทำได้จริง ฉะนั้นเรื่องของนโยบายเป็นเรื่องหลัก แต่เรื่องที่ส.ส.จากพรรคใดก็ตาม หรือแม้กระทั่งส.ส.ในพื้นที่ของเรา ก็จะช่วยกันไปจนกว่าจะถึงจุดมุ่งหมาย
นาย
เศรษฐา กล่าวตอบพร้อมอมยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับครับ” จากนั้นนายเศรษฐาพร้อมสมาชิกพรรคพท.ร่วมเตะฟุตซอลกับเยาวชนที่มาร่วมพูดคุย บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน
“ก่อแก้ว” ขอบคุณ “โรม” กัดคดี “ส.ว.ทรงเอ” ไม่ปล่อย พร้อม จี้ “บิ๊กตู่” ตั้งกรรมการสอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3874406
“ก่อแก้ว” ขอบคุณ “โรม” กัดคดี “ส.ว.ทรงเอ” ไม่ปล่อย พร้อม จี้ “บิ๊กตู่” ตั้งกรรมการสอบ เชื่อการเมืองอยู่เบื้องหลัง วิ่งช่วยคดี
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นาย
ก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ส.ว.ชื่อดัง หรือ ส.ว.ทรงเอ กรณีตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเครือข่ายยาเสพติดว่า ต้องขอบคุณตำรวจชุดสืบสวนจับกุมในคดีนี้ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลให้สังคมได้รับรู้ จนเป็นข่าวใหญ่โตที่คนทั้งประเทศจับตามอง และต้องขอบคุณ นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เอาข้อมูลมาอภิปรายและติดตามความคืบหน้าของคดีแบบกัดไม่ปล่อย แต่ก็ยังเกิดคำถามขึ้นในหลายประเด็นกับคดีนี้ที่สังคมยังคงติดใจอยู่
นาย
ก่อแก้วกล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนแปลกใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เป็นคดียาเสพติดเป็นที่รังเกียจของทั้งสังคมไทยและนานาชาติเกี่ยวพันกับขบวนการข้ามชาติใหญ่โต ต้องไม่ลืมว่า คนที่ตั้ง ส.ว.คนนี้มา คือ พล.อ.
ประยุทธ์และคณะ และคนที่เลือก พล.อ.ป
ระยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือ ส.ว.คนนี้ด้วย แถมสังคมยังได้รับทราบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าที่ทำการพรรคจาก ส.ว.คนนี้อีกด้วย สังคมเชื่อว่า พล.อ.
ประยุทธ์ และพรรค รทสช.มีความสัมพันธ์ กับ ส.ว.คนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือไม่ และการที่ พล.อ.
ประยุทธ์ นิ่งเฉยกับคดีนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมคลางแคลงใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
นาย
ก่อแก้วกล่าวด้วยว่า จากเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ของพนักงานสืบสวน มีการระบุว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สั่งให้ดำเนินการตัดพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง ส.ว.คนดังกล่าวออกให้หมด การสั่งการดังกล่าว ในคดียาเสพติดปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าทำ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง และสร้างความเสียหายต่อสังคม และความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
“
ผมเชื่อว่าลำพังเพียงนายตำรวจท่านนั้น ไม่น่าจะกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือช่วยเหลือคดีที่ใหญ่ขนาดนี้ เชื่อว่ามีไอ้โม่งจากฝ่ายการเมืองเป็นผู้สั่งการ ในขณะนี้ทราบข่าวว่า ผบ.ตร.ทำหนังสือสั่งการให้จเรตำรวจ ตรวจสอบการทำคดีล่าช้าและบกพร่อง แต่ไม่ได้สั่งให้มีการสอบสวนการสั่งแทรกแซงคดีของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งสำคัญและกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง” นายก่อแก้วกล่าว
นาย
ก่อแก้วกล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งกรรมการชุดพิเศษเพื่อสอบสวนเอาผิดต่อนายตำรวจคนดังกล่าวและกระชากหน้ากากไอ้โม่ง คนสั่งการตัวจริงให้สังคมรับรู้ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครหรือมีความใกล้ชิดผู้มีอำนาจอยู่ตอนนี้หรือไม่ ทั้งนี้หากพรรค พท. ชนะการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาล เราจะปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซาก เพื่อนำความสุขคืนสังคมไทยต่อไป
‘พิธา’ ชี้ จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังไม่มีปัญหา จับมือตั้งรัฐบาลได้ ไม่เจรจาพรรคทหารจำแลง
https://www.matichon.co.th/election66/news_3874342
‘พิธา’ ชี้ จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังไม่มีปัญหา จับมือตั้งรัฐบาลกันได้ ย้ำตั้งพรรคเพื่อปิด สวิตช์ 3 ป. ไม่ขอเจรจาพรรคทหารจำแลง ตอก ‘บิ๊กป้อม’ คนสร้างความขัดแย้งจะอาสาแก้ขัดแย้งไม่ได้ ลั่น ‘ก้าวไกล คือก้าวไกล’ อุดมการณ์ ต่างจาก ‘ปชป.’
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดประชุมใหญ่พรรคเตรียมพร้อมก่อบการยุบสภาฯ มีแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ครบทุกเขต เข้าร่วมประชุม
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าสามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลได้แต่มีเงื่อนไขคือการไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เราไม่มีเจตจำนงในการรวมกับพรรคทหารจำแลงคือพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่ทำรัฐประหาร และตอนนี้ยังจะรักษาอำนาจต่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดจดหมายเสนอตัวเชื่อมประสานระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยม ที่ล้มเหลวทั้งคู่ นาย
พิธา กล่าวว่า เราไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้ การจะก้าวข้ามความขัดแย้งและก่อให้เกิดการปรองดองได้จะต้องมีระบบความยุติธรรม และการเสาะหาข้อเท็จจริงก่อน ต้องทำให้วัฒนธรรมคนผิดลอยนวลหมดไปก่อน จึงจะทำให้เกิดการปรองดองที่แท้จริงได้
ส่วนจดหมายของพล.อ.
ประวิตรฉบับที่ 4 ทั้งเรื่องการตั้งคณะกรรมการมากรองนโยบาย ตนขอเรียนพล.อ.
ประวิตรให้เข้าใจว่านโยบายของตัวเองตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ยังทำไม่ได้ตั้งเยอะตั้งแยะ จึงขอให้ไปทำนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วให้เสร็จก่อน การที่จะเอานโยบายนโยบายหนึ่งมาผลิตมีกระบวนการของมัน
นาย
พิธา กล่าวว่า สำหรับกระบวนการทำนโยบายของพรรคก้าวไกลคือการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนหาปัญหาให้เจอว่าอยู่ที่กฎหมาย งบประมาณ หรือระบบราชการ แล้วค่อยนำมาปฏิบัติ ฉะนั้นคนที่จะนำนโยบายที่เป็นของแต่ละพรรคและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงต้องเป็นคนที่คลุกคลีกับปัญหา ไม่ใช่ว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในประเทศไทยได้ ถ้าอยากจะปรองดอง ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดอง ถ้าอยากจะตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายก็ตั้งคณะกรรมการ ประเทศไทยไม่ได้ขับเคลื่อนง่ายขนาดนั้น
เมื่อถามว่าหากเสียงไม่พอก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า เป็นรัฐบาลจะมีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า เราจะหาเสียงให้เต็มที่ ถ้าไปถึงตามเป้าหมาย เรามั่นใจว่าจะมีน้ำหนักทางการเมืองพอที่จะได้เป็นรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมรุก นำส.ส.บ้านใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะทำให้มีปัญหาในการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นาย
พิธากล่าวว่า เราไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้และกระบวนการทำงานของพรรคก็แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนโยบายและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร
ตนจึงคิดว่าจะยังร่วมมือกันได้ ส่วนนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มสามมิตร ทั้งนี้ ตนไม่มีวิธีการทำงานทางการเมืองในลักษณะนั้น และจะพยายามโฟกัสในสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามอยากจะนำเสนอพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องนโยบายและว่าที่ผู้สมัครส.ส.
เมื่อถาม ว่าสามารถทำงานกับคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ต้องดูแยกเป็นคนคนไป แต่หากใครที่มาจากพรรคทหารจำแลงก็น่าจะทำงานด้วยกันยาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองไปข้างหน้าวันนโยบายและจุดยืนทางประชาธิปไตยเข้มแข็งมากเพียงใด
JJNY : 5in1 พ.ท.ลุยแฟลตคลองจั่น│“ก่อแก้ว”ขอบคุณ“โรม”│‘พิธา’ชี้จับมือตั้งรบ.ได้│โอดรัฐเปิดแทงหวย│กับยูเครน ต้องใช้กำลัง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7561085
เพื่อไทยลุยแฟลตคลองจั่น หนุนด้านกีฬาเยาวชน ‘เศรษฐา’ ย้ำชัดพท.ไม่ขัดแย้งใคร ชี้ครม.เทกระจาดเยอะไป ต้องดูวินัยการคลังด้วย เวลคัม สส.พปชร.แห่ซบพรรค
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 มี.ค.66 ที่ลานกีฬาสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น เขตบางกะปิ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายดนุพร ปุณณกันต์ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วย ส.ส.กทม.และว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางกะปิ พรรคพท.ลงพื้นที่ล้อมวงคุยกับตัวแทนสภาเยาวชน 10 เขต เพื่อถาม-ตอบประเด็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการกีฬา และรับฟังเสียงสะท้อนจากเยาวชน
โดยตัวแทนเยาวชน เสนอว่าอยากให้ช่วยสำหรับการรวมกลุ่มพัฒนากีฬาชนิดต่างๆ และอยากรู้ว่าพรรค พท.มีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรค พท.ให้ความสำคัญกับกีฬา เราตั้งคณะกรรมการด้านนี้โดยเฉพาะ และเชื่อว่าเยาวชนแต่ละคนอยากก้าวหน้าไปสู่จุดที่สูงสุด เราจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสในการคัดตัว เพื่อสร้างความหวัง
จากนั้นเวลา 17.00 น. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังการพูดคุยกับกลุ่มเยาวชนว่า การกีฬาเป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกาย เป็นหนทางในการประกอบอาชีพด้วย แม้บางคนจะไม่มีความสามารถสูง แต่การที่เราจัดพื้นที่ให้เหมาะสมและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ก็ต้องทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และไม่ไปหมกมุ่นกับยาเสพติดและการพนัน ทั้งนี้ จากการที่ฟังปัญหาก็ครอบคลุมหลายกระทรวง แน่นอนว่าเรามีพื้นที่อยู่แล้ว แต่เรื่องของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องจัดสรรให้เหมาะสม
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีการออกจดหมาย ความว่าหากได้เป็นรัฐบาล จะนำนโยบายแต่ละพรรคมาจัดทำ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้อ่านจดหมายของท่าน แต่ได้ยินคำว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นนิมิตหมายอันดี และท่านก็พูดหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ ทางพรรคพท.ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เรามีข้อขัดแย้งกับความยากจน ความไม่เสมอภาคและความไม่เท่าเทียม ซึ่งจากนี้ไปจนถึงช่วงมีการเลือกตั้ง เราก็จะเร่งกลั่นนโยบายที่โดนใจประชาชนออกมา
เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ประวิตรระบุจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้เห็นพรรคพลังประชารัฐเป็นทางออกของประเทศหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ดูแต่พรรคพท.อย่างเดียวว่าเราต้องไปสู่จุดมุ่งหมายที่ได้คะแนนเยอะที่สุด
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งสุดท้าย มีการอนุมัติงบประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการหาเสียงประชาชนช่วงสุดท้ายก่อนที่มีการเลือกตั้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าดูเยอะอยู่ แต่เรื่องของการบริหารจัดการจะเป็นไปตามนโยบายที่ทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ เราต้องมานั่งดู และช่วยกันสอดส่อง ทั้งนี้ หากเราได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาอยู่ในสภาในจำนวนที่มาก ตนเชื่อว่าเราจะได้ตรวจสอบเรื่องนี้อยากเข้มแข็ง นโยบายใดเป็นประโยชน์ เราก็จะทำต่อ ส่วนกรณีการขึ้นค่าตอบแทน อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตนมองว่าประชาชนทุกคนเดือดร้อน การที่มีการเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมาดูด้วยว่าเรื่องของวินัยการเงินการคลังของประเทศอยู่ตรงไหน
เมื่อถามมีส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย จะช่วยมาตอกย้ำเรื่อง 310 เสียงของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่เราจะเผยแพร่ออกไป เพราะตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย เราใช้นโยบายนำ และนโยบายเราทำได้จริง ฉะนั้นเรื่องของนโยบายเป็นเรื่องหลัก แต่เรื่องที่ส.ส.จากพรรคใดก็ตาม หรือแม้กระทั่งส.ส.ในพื้นที่ของเรา ก็จะช่วยกันไปจนกว่าจะถึงจุดมุ่งหมาย
นายเศรษฐา กล่าวตอบพร้อมอมยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับครับ” จากนั้นนายเศรษฐาพร้อมสมาชิกพรรคพท.ร่วมเตะฟุตซอลกับเยาวชนที่มาร่วมพูดคุย บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน
“ก่อแก้ว” ขอบคุณ “โรม” กัดคดี “ส.ว.ทรงเอ” ไม่ปล่อย พร้อม จี้ “บิ๊กตู่” ตั้งกรรมการสอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3874406
“ก่อแก้ว” ขอบคุณ “โรม” กัดคดี “ส.ว.ทรงเอ” ไม่ปล่อย พร้อม จี้ “บิ๊กตู่” ตั้งกรรมการสอบ เชื่อการเมืองอยู่เบื้องหลัง วิ่งช่วยคดี
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ส.ว.ชื่อดัง หรือ ส.ว.ทรงเอ กรณีตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเครือข่ายยาเสพติดว่า ต้องขอบคุณตำรวจชุดสืบสวนจับกุมในคดีนี้ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลให้สังคมได้รับรู้ จนเป็นข่าวใหญ่โตที่คนทั้งประเทศจับตามอง และต้องขอบคุณ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เอาข้อมูลมาอภิปรายและติดตามความคืบหน้าของคดีแบบกัดไม่ปล่อย แต่ก็ยังเกิดคำถามขึ้นในหลายประเด็นกับคดีนี้ที่สังคมยังคงติดใจอยู่
นายก่อแก้วกล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนแปลกใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เป็นคดียาเสพติดเป็นที่รังเกียจของทั้งสังคมไทยและนานาชาติเกี่ยวพันกับขบวนการข้ามชาติใหญ่โต ต้องไม่ลืมว่า คนที่ตั้ง ส.ว.คนนี้มา คือ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ และคนที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือ ส.ว.คนนี้ด้วย แถมสังคมยังได้รับทราบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าที่ทำการพรรคจาก ส.ว.คนนี้อีกด้วย สังคมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค รทสช.มีความสัมพันธ์ กับ ส.ว.คนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือไม่ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเฉยกับคดีนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมคลางแคลงใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
นายก่อแก้วกล่าวด้วยว่า จากเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ของพนักงานสืบสวน มีการระบุว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สั่งให้ดำเนินการตัดพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง ส.ว.คนดังกล่าวออกให้หมด การสั่งการดังกล่าว ในคดียาเสพติดปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าทำ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง และสร้างความเสียหายต่อสังคม และความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
“ผมเชื่อว่าลำพังเพียงนายตำรวจท่านนั้น ไม่น่าจะกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือช่วยเหลือคดีที่ใหญ่ขนาดนี้ เชื่อว่ามีไอ้โม่งจากฝ่ายการเมืองเป็นผู้สั่งการ ในขณะนี้ทราบข่าวว่า ผบ.ตร.ทำหนังสือสั่งการให้จเรตำรวจ ตรวจสอบการทำคดีล่าช้าและบกพร่อง แต่ไม่ได้สั่งให้มีการสอบสวนการสั่งแทรกแซงคดีของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งสำคัญและกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง” นายก่อแก้วกล่าว
นายก่อแก้วกล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งกรรมการชุดพิเศษเพื่อสอบสวนเอาผิดต่อนายตำรวจคนดังกล่าวและกระชากหน้ากากไอ้โม่ง คนสั่งการตัวจริงให้สังคมรับรู้ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครหรือมีความใกล้ชิดผู้มีอำนาจอยู่ตอนนี้หรือไม่ ทั้งนี้หากพรรค พท. ชนะการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาล เราจะปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซาก เพื่อนำความสุขคืนสังคมไทยต่อไป
‘พิธา’ ชี้ จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังไม่มีปัญหา จับมือตั้งรัฐบาลได้ ไม่เจรจาพรรคทหารจำแลง
https://www.matichon.co.th/election66/news_3874342
‘พิธา’ ชี้ จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังไม่มีปัญหา จับมือตั้งรัฐบาลกันได้ ย้ำตั้งพรรคเพื่อปิด สวิตช์ 3 ป. ไม่ขอเจรจาพรรคทหารจำแลง ตอก ‘บิ๊กป้อม’ คนสร้างความขัดแย้งจะอาสาแก้ขัดแย้งไม่ได้ ลั่น ‘ก้าวไกล คือก้าวไกล’ อุดมการณ์ ต่างจาก ‘ปชป.’
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดประชุมใหญ่พรรคเตรียมพร้อมก่อบการยุบสภาฯ มีแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ครบทุกเขต เข้าร่วมประชุม
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าสามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลได้แต่มีเงื่อนไขคือการไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เราไม่มีเจตจำนงในการรวมกับพรรคทหารจำแลงคือพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่ทำรัฐประหาร และตอนนี้ยังจะรักษาอำนาจต่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดจดหมายเสนอตัวเชื่อมประสานระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยม ที่ล้มเหลวทั้งคู่ นายพิธา กล่าวว่า เราไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้ การจะก้าวข้ามความขัดแย้งและก่อให้เกิดการปรองดองได้จะต้องมีระบบความยุติธรรม และการเสาะหาข้อเท็จจริงก่อน ต้องทำให้วัฒนธรรมคนผิดลอยนวลหมดไปก่อน จึงจะทำให้เกิดการปรองดองที่แท้จริงได้
ส่วนจดหมายของพล.อ.ประวิตรฉบับที่ 4 ทั้งเรื่องการตั้งคณะกรรมการมากรองนโยบาย ตนขอเรียนพล.อ.ประวิตรให้เข้าใจว่านโยบายของตัวเองตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ยังทำไม่ได้ตั้งเยอะตั้งแยะ จึงขอให้ไปทำนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วให้เสร็จก่อน การที่จะเอานโยบายนโยบายหนึ่งมาผลิตมีกระบวนการของมัน
นายพิธา กล่าวว่า สำหรับกระบวนการทำนโยบายของพรรคก้าวไกลคือการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนหาปัญหาให้เจอว่าอยู่ที่กฎหมาย งบประมาณ หรือระบบราชการ แล้วค่อยนำมาปฏิบัติ ฉะนั้นคนที่จะนำนโยบายที่เป็นของแต่ละพรรคและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงต้องเป็นคนที่คลุกคลีกับปัญหา ไม่ใช่ว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในประเทศไทยได้ ถ้าอยากจะปรองดอง ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดอง ถ้าอยากจะตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายก็ตั้งคณะกรรมการ ประเทศไทยไม่ได้ขับเคลื่อนง่ายขนาดนั้น
เมื่อถามว่าหากเสียงไม่พอก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นรัฐบาลจะมีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า เราจะหาเสียงให้เต็มที่ ถ้าไปถึงตามเป้าหมาย เรามั่นใจว่าจะมีน้ำหนักทางการเมืองพอที่จะได้เป็นรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมรุก นำส.ส.บ้านใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะทำให้มีปัญหาในการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เราไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้และกระบวนการทำงานของพรรคก็แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนโยบายและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร
ตนจึงคิดว่าจะยังร่วมมือกันได้ ส่วนนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มสามมิตร ทั้งนี้ ตนไม่มีวิธีการทำงานทางการเมืองในลักษณะนั้น และจะพยายามโฟกัสในสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามอยากจะนำเสนอพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องนโยบายและว่าที่ผู้สมัครส.ส.
เมื่อถาม ว่าสามารถทำงานกับคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูแยกเป็นคนคนไป แต่หากใครที่มาจากพรรคทหารจำแลงก็น่าจะทำงานด้วยกันยาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองไปข้างหน้าวันนโยบายและจุดยืนทางประชาธิปไตยเข้มแข็งมากเพียงใด