[CR] No.6 Good Time : ช่วงเวลา โจรกรรม ท้าระทึก ปล้น 4 คูณ 100


สวัสดีครับ ครั้งนี้ผมจะมารีวิวอีกแล้วในเรื่อง Good time ภาพยนตร์ประเภท Crime , Drama , Thriller นำโดยพรี่ Robert Pattinson ที่ฉายในสหรัฐอเมริกาไปเมื่อปี 2017 ส่วนบ้านเราไม่นำมาเข้าโรง ต้องอาศัยความมุมานะในการหาดูตามเว็บต่าง ๆ กันเอง สำหรับหนังเรื่องนี้ผมดูมาซักพักใหญ่แล้วก็ยังชอบจนถึงทุกวันนี้ ก็เลยอยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้กันดู เพราะ ผมประทับใจวิธีการเล่าเรื่อง การลำดับเหตุการณ์ จังหวะมุมกล้อง ดนตรี การวางองค์ประกอบที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย  คือ ความที่ไม่เล่นใหญ่และไม่เล่าน้อยเกินไป ทำให้ปมทุกอย่างมีวิธีจัดการหาทางสรุปลงตัวพอดี และเป็นหนังอินดี้นอกกระแสที่ค่อนข้างจะ Underrated แต่ดูง่าย เข้าใจง่าย และ สนุกลุ้นมากอีกด้วย รับประกันได้จากค่าย A24 ยืนยันอีกเสียงให้เชื่อใจได้เลยว่าของเขาดีจริง ๆ

สิ่งที่เห็นได้จากเรื่องนี้เลยคือ งานภาพมีรายละเอียดที่ซ่อนบนความอาร์ตตัดสลับกับแสงไฟของหลอดนีออนสว่างมัว ๆ ดันกลมกลืนเข้ากันเฉย ส่วนข้อด้อยคือ ฉากต่อสู้ไม่มี แม้กระทั่งฉากยิงปืน แต่ทำไมฉากไล่ล่า หรือ วิ่งมาราธอนนี้มันลุ้นระทึกหยั่งกะหนัง Action ชิปเป๋ง แถมเคมีความคู่หูดูโอ้ของ 2 พี่น้อง Connie กับ Nick เข้ากันอย่างยอดเยี่ยมจนเชื่อว่าเป็นพี่น้องที่รักกันจริง ๆ การ Set ฉากโลกอาชญากรรมสไตล์สลัม ๆ ใต้ดินในเมืองหลวงหน่อยสามารถถ่ายทอดความเหลื่อมล้ำสังคมที่แสดงถึงความไม่แยแสของมนุษย์ได้อย่างดิบดี จึงไม่แปลกใจเลยว่าระบบโครงสร้างทางชนชั้นมีส่วนสำคัญทำให้กฎหมายถได้รับการยืดหยุ่นจนมีช่องโหว่ง่ายต่อการฉกฉวยผลประโยชน์จากอำนาจด้วยความไม่ชอบธรรมของพวกอีลิทเหล่าก่อ ซึ่งเรื่องนี้ได้เล่าผ่านตัวแทนของ Connie ที่เปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตตัวเล็กกระจี๊ดที่ดันเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ไม่เคยหยุดนิ่งทำตัวเหมือนกิ้งก้าคอยเปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อมเพื่อเอาตัวรอด ผลประโยชน์ หรือ ความจำเป็นก็ตาม ดั่งสุภาษิตไทยได้กล่าวว่า ด้านได้ อายอด ก็สามารถใช้ได้ดีในสังคมยิ้มปัจจุบัน


ผู้กำกับคู่พี่น้อง Benny และ Josh Safdie ที่ผ่านงานกำกับหนังอินดี้แต่น่าสนใจมาแล้ว จาก Heaven knows what (2014) และ ผลงานล่าสุดอย่าง Uncut Gems (2019) พวกเขาเป็นคนทำหนังสนุกมาก สามารถดึงศักยภาพนักแสดงออกมาได้หมดจด อะไรที่ไม่เคยเราได้เห็นหมด แถมทำให้เราจูนติดกับเรื่องราวได้ตั้งแต่ต้นจนจบจนไม่ต้องดูนาฬิกา ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง 42 นาทีสนุก คุ้มค่า บ้าดีเดือด บวกกับซาวด์ประกอบสไตบล์เกม Home Family ยุค 80 – 90 ที่ใส่เข้ามาถูกจังหวะ ช่วยกระตุ้นอะดรี่นาลีนพลุกพล่านวัยว้าวุ้นให้ลุกฮื้อขึ้นไปอีก นักแสดงนำอย่าง Robert Pattinson จาก Twilight saga (2008 - 2012) และ Tenet (2020) พรี่แกแสดงดีมาก  ทุ่มสุดชีวิตจนลบภาพเดิมจากแวมไพร์เอ็ดเวิร์ดไปหมดสิ้น ไม่เสียแรงที่สะสมวิชาฝีมือในการเล่นหนังอินดี้มาหลายเรื่อง จึงพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาคือนักแสดงมากฝีมือของวงการอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนนักแสดงอื่นอย่าง Benny Safdie รับบทเป็น น้องชาย Robert เป็นผู้กำกับว่าเก่งแล้วยังแสดงดีด้วย แต่โดนพลังความหล่อของพี่โรเบิร์ตกลบไปซะหน่อยจนเวลาโผล่ฉากออกมาน้อยพอสมควร Jennifer Jason Leigh จาก The Machinist (2004) และ The Hateful Eight (2015) , Barkhad Abdi จาก Captain Phillips (2013) และ  Blade Runner (2017) แสดงได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้แต่ละคนจะโผล่ไม่มากเรียกว่าแขกรับเชิญคนละเล็กละน้อยล่ะกัน ไม่ว่าจะยังไง ณ เวลานี้ให้พี่ Robert เขาเดินสะดวกเถอะ ออร่าฉายแสงความเดือดระห่ำซะขนาดนั้น ถือว่าพี่ขอ
ประเด็นของหนังที่ได้รับคือ การสะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคมปัจจุบันโดยการสำรวจถึงด้านมืดที่เหมือนเป็นมะเร็งร้ายอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ตรงไปตรงมาทุกช่วงตัว แม้ว่าภายนอกจะมีความทันสมัยของเทคโนโลยี มีระบบการคมนาคมที่เจริญก้าวหน้ารองรับ  แต่สภาพแวดล้อมภายในดันกลับสวนทางความฉาบฉวยต่อความเป็นจริงเหล่านั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ยังไงมนุษย์ยังมีความเห็นแก่ตัว ยังต้องดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอดในสังคมนี้ต่อไปตามสถานะของตนเองที่เป็นอยู่ บางคนไม่ได้มีต้นทุนชีวิตเหมือนคนอื่น บางคนบ้านรวยชิปหาย การศึกษาดี มีเงินทองใช้ไม่หมด แต่บางคนโคตรลำบาก บ้านจน ไร้การศึกษา อยากได้อะไรก็ต้องแสวงหาเอา เพื่อแลกกับเงินเพื่อนำเอาไปใช้จ่าย แลกกับโอกาสการเจริญก้าวหน้าที่ดีกว่า แต่กิเลสอยู่ในจิตสำนึกมันก่ำกึ่งความหยั่งรู้ผิดชอบชั่วดี การกระทำสามารถเปลี่ยนรูปแบบหนึ่งไปอีกอย่างที่มันส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น  แม้ในขณะนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ตาม แต่เมื่อความรู้สึกผลักดันให้เราเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นคือทางออกที่ดีแล้วที่จะช่วยทำให้ปลดปล่อยจากความกดดันต่อสิ่งรอบข้างในสังคมที่ไร้ศีลธรรม ปราศจากความยุติธรรมกันแล้ว จงทำต่อไปให้บรรลุถึงความต้องการที่แท้จริงของเรา และ  คำนึงว่าชีวิตนี้เกิดมาต้องสู้ถึงจะอยู่รอดได้จะดีกว่า

สรุป ชอบมาก เดือดมาก กล้ามาก แต่ไม่ต้องขอบใจอะไร แค่ชอบความเป็นหนังอินดี้ที่เล่าง่าย จังหวะเด็กแนวย้อนยุค ตรงประเด็นที่สื่อออกมา ไม่ข้างแวะทางหาประเด็นอื่นมายัดให้ปวดหัวด้วยภาพนามธรรมใด ๆ ให้รกรุงรัง เมื่อรู้ใจความสำคัญของเรื่องแล้วคุณจะรู้สึกของขึ้นอยากจะทำอะไรเสี่ยง ๆ ชวนหาตีนขึ้นมาทันที (ไม่ใช่ของขึ้นจากเวทย์มนต์คาถาอะไรนะ) รวมถึงถ้าใครเป็น FC ค่าย A24 และ พรี่ Robert Pattinson และ 2 พี่น้อง Safdie แล้ว เรื่องนี้ห้ามพลาดอย่างด่วนครับ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านรับชมแล้ว สามารถกด Like กด Share ได้ที่เพจ True id Intrend ของผมชื่อ EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่