JJNY : 5in1 “ชูวิทย์” บุกทำเนียบ│พิชัยขยี้ บริหารศก.เหลว│โรมท้า‘ตู่’│เชื่อมั่นเอสเอ็มอีชะลอตัว│‘ปูติน’ ลั่นลุยยูเครนต่อ

“ชูวิทย์” บุกทำเนียบขอพบ “ลุงตู่” ยื่นข้อมูลแฉขบวนการทุจริตในกระทรวงฯ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2635446
 
 
โบกธงชาติ บุกทำเนียบฯ “ชูวิทย์” ขอเข้าพบนายกฯ เปิดประเด็นแฉขบวนการทุจริตในกระทรวงฯ เอื้อเป็นทุนพรรคการเมืองหมื่นล้าน แย้มเลือกตั้งมีพรรคชะตาขาด ไม่ตอบ มาเพิ่มคะแนนให้ “ประยุทธ์” และ รทสช.
 
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ช่วงบ่ายวันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำข้อมูลการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐในหลายกระทรวง เข้าร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมเปิดโปงการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงขบวนการเว็บไซต์การพนันออนไลน์
 
โดยเมื่อมาถึง นายชูวิทย์ นำแว่นส่องขยายและเสื่อมาปูนั่งพื้นเพื่อตรวจชะตาบ้านเมือง จากนั้นนายชูวิทย์ กล่าวว่า บ้านเมืองขณะนี้มาถึงกลียุค มีการทุจริตในแวดวงข้าราชการและนักการเมือง ตนจะตรวจชะตาบ้านเมือง โดยนำข้อมูลด้านการทุจริตมาเปิดเผย ซึ่งมีพรรคการเมืองที่ชะตาดับถึงฆาต คือกลุ่มพรรคขนาดเล็กที่จะดับทั้งหมด ไม่เหลือใคร ชะตาสีเทาไม่ต้องพูดถึง ส่วนชะตาทัณฑ์ที่จะติดคุกทั้งหมด ที่เหลือเป็นกลุ่มชะตาพัง ชะตาค้าน และชะตาจ่าย
 
ซึ่งเรื่องการทุจริต การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เริ่มจากการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ TOR ทั้งที่ปิดการซื้อขายไปแล้ว ทำให้จากเดิมที่รัฐต้องจ่ายเงิน 7,000 ล้านบาท รัฐกลับต้องจ่ายเป็น 70,000 ล้านบาท ถัดมาเป็นการทุจริตที่มีการฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยศาลชั้นต้นไม่ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ แต่กลับมีการวิ่งเต้นทำให้ที่ประชุมมีมติเปลี่ยนหลักเกณฑ์ นำมาสู่การฮั้วให้บริษัทเพียงแห่งเดียวที่เข้าหลักเกณฑ์ ต่อมาเป็นการทอนเงิน มีการโอนเงินนับหมื่นล้านบาทที่ประเทศสิงคโปร์ ท้ายสุดเป็นการเปิดประมูลรอบ 2 และกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ลดสเปกต่างๆ จนเหลือบริษัทแห่งเดียวที่สามารถประมูลได้
   
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ถัดมาเป็นการทุจริตภายในกรมอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ควรลดขนาดอุทยาน เพราะจะทำให้ที่ดินกว่า 2 แสนไร่ต้องหายไป ทั้งที่ระบุว่าเป็นป่าเสื่อมโทรม โดยพื้นที่รอบอุทยาน ยังมีทั้งรีสอร์ต ที่ดินชาวบ้าน และที่ดิน สปก.
 
สำหรับเรื่องการพนันออนไลน์ มีหลายกลุ่ม จัดประเภทเป็นกลุ่มไซส์เอส มีวงเงิน 5,000 ล้านบาท คือ กลุ่ม 4 บ., มาเก๊า 888 ไซส์เอ็ม 10,000 ล้านบาท มีนายโจ๊ก เวกัส 168 คบหากับดารา ทำสปา ธุรกิจร้านอาหาร มีหลานเป็นนักการเมืองนามสกุลรอดรัศมี ไซส์แอล 20,000 ล้านบาท คือสารวัตรซัว และดี้ ยูฟ่า สำหรับเอ็กซ์แอล 30,000 ล้านบาทขึ้นไป คือ เว็บตี๋น้อยร้อยล้าน
 
“การเลือกตั้งเร็วๆ นี้เป็นเกมหลอกประชาชน หากเป็นประชาธิปไตยแท้จริง ต้องบอกมาเลยว่า จะตั้งรัฐบาลผสมกับใครอย่างไร เพราะหลังเลือกตั้งก็มารวมกันอยู่ดี”
   
ทั้งนี้นายชูวิทย์ ระบุว่าเรื่องการทุจริตที่ตนกล่าวมาทั้งหมดนั้น ขอให้มองไปในอนาคตข้างหน้า เพราะเราจะต้องร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต ยืนยันตนมีหลักฐานครบทุกอย่างแต่บางอย่างก็บอกสื่อไม่ได้ สื่อจะต้องทำหน้าที่ขุดคุ้ยต่อ ข้าราชการขอให้จับตาไปยังการประชุมคณะรัฐมนตรีในนัดสุดท้าย  เรื่องการทุจริตของกระทรวงต่างๆ จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมครม. ในวันนั้นแน่นอน
 
นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย ก่อนโทรศัพท์หา พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอเข้าพบที่ทำเนียบ แต่ไม่มีผู้รับสาย จากนั้นนายชูวิทย์ จึงเดินชูธงชาติข้ามไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยมีตำรวจ สน.ดุสิต ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (กก.สส.บก.น.1) ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยรอบนอกพื้นที่ทำเนียบ ก่อนจะมีตัวแทนเจ้าหน้าที่จากทำเนียบ มาเชิญนายชูวิทย์ เข้าไปภายใน
   
จากนั้นเวลา 14.05 น. นายชูวิทย์ได้เดินเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล โดยมีทีมงานของเลขาธิการ เดินคู่กับนายชูวิทย์เพื่อที่จะเชิญให้นายชูวิทย์มาพบกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่นายชูวิทย์เดินผู้สื่อข่าวได้พยายามถามนายชูวิทย์ว่า ได้เข้ามาพบกับนายกฯ และนำหลักฐานการทุจริต ของบุคคลรอบตัวนายกฯ ในรัฐบาล หากนายกฯ ปราบปรามเรื่องเหล่านี้ได้จะเป็นการเพิ่มคะแนนนิยมให้กับตัวพลเอกประยุทธ์และพรรคการเมืองที่พลเอกประยุทธ์สังกัดหรือไม่ โดยนายชูวิทย์ไม่ตอบเพียงแต่บอกว่า วัตถุประสงค์ในวันนี้ต้องการที่จะส่งต่อข้อมูลให้นายกฯ แต่หากพลเอกประยุทธ์ทำสำเร็จแน่นอน ประชาชนจะต้องเชื่อมั่นและหากพลเอกประยุทธ์อยากจะเป็นรัฐบาลและเป็นนายกฯ ต่ออีกสองปีต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จ
 
ทันทีที่นายชูวิทย์เดินมาถึงตึกบัญชาการหนึ่งนายพีระพันธุ์ได้ยืนต้อนรับพร้อมกับให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปหารือร่วมกันว่าพร้อมที่จะรับฟังข้อมูลที่นายชูวิทย์จะนำมาบอกในวันนี้ที่ผ่านมาได้ติดตามการทำงานของนายชูวิทย์มาตลอดโดยเฉพาะเรื่องทุนจีนสีเทา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ติดตามและรายงานความคืบหน้าทุก 15 วัน จากนั้นนายพีระพันธุ์ได้เชิญนายชูวิทย์ขึ้นไปพูดคุยที่ห้องทำงานชั้นสาม.



พิชัย ขยี้รัฐบาล บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ชี้ไม่เปลี่ยนทีมบริหาร ไทยจะยิ่งทรุดหนัก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7522067
 
พิชัย ติงเศรษฐกิจไทยปลายปี 65 ขยายแค่ 1.4% ต่ำที่สุด ชี้ส่งออกติดลบ เงินเฟ้อยังสูง รายได้ต่อหัวลดลง แนะไม่เปลี่ยนการบริหาร ไทยจะยิ่งทรุดหนัก ต้องปรับนโยบาย
 
วันที่ 21 ก.พ.2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา “คำถามที่ประยุทธ์ตอบไม่ได้ ทำไมถึงอยากไปต่อ” ว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ซึ่งได้เปิดเผยปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลที่สร้างขึ้นตลอด 8 ปี แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบไม่ตรงกับที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเรื่อง การทุจริตที่กระจาย เรื่องทุนจีนสีเทา รวมถึงความพัวพันในธุรกิจของเครือญาติพล.อ.ประยุทธ์กับทุนจีนสีเทานี้ พฤติกรรมของตำรวจภายใต้การกำกับดูแล และความล้มเหลวในการบริหารประเทศในทุกด้าน
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับเองว่าไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้ ล่าสุด สภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4  ปี 2565 ขยายตัวได้เพียง 1.4% ถือว่าต่ำมาก ทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2565 ทั้งปี ขยายได้เพียง 2.6% ต่ำกว่าที่คาดประมาณอย่างมาก สาเหตุหลักน่าจะมาจากการส่งออกที่ติดลบถึง 10.5% ในไตรมาสที่ 4 ทั้งที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้ว
 
สภาพัฒน์ ยังเตือนว่าการส่งออกในปี 2566 นี้จะติดลบ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และสภาพัฒน์ยังลดการคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้เหลือเพียง 3.2% หรืออาจต่ำกว่านึ้ก็เป็นได้ อีกทั้งคนไทยยังมีรายได้ต่อหัวต่อคนลดลงในรูปดอลล่าร์ โดยตลอด 8 ปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์มาตลอด และ ขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาก ดังนั้น ที่อ้างว่าเศรษฐกิจดีจนมีคนชมเชยนั้นจึงไม่เป็นความจริง
 
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน จะพบว่าเศรษฐกิจไทยปี 65 ที่ขยายได้เพียง 2.6% ต่ำกว่าประเทศในอาเซียนมาก โดยเศรษฐกิจมาเลเซียที่เป็นประเทศรายได้สูงแล้วยังขยายได้ถึง 8.7% เวียดนามขยายได้ 8.0% ฟิลิปปินส์ 7.8% อินโดนิเซีย 5.3% แม้กระทั่งสิงคโปร์ยังขยายได้ 3.8% เท่ากับไทยขยายตัวได้ต่ำที่สุด และเป็นแบบนี้มาตลอด 8 ปี ไม่ใช่เพียงปีนี้
 
ทั้งนี้ 5 ปัจจัยเสี่ยงที่พรรคเพื่อไทย เตือนเริ่มเป็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดโดยเฉพาะหนึ้เสียในภาคธนาคาร เศรษฐกิจโลกที่ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้นที่เพิ่มภาระประชาชนทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอึดจากเดือนมกราคมที่ยังพุ่งต่ออีก 5.02%  หลังปีที่แล้วเงินเฟ้อพุ่งไป 6.08% และ ปัญหาราคาพลังงานที่ราคาในตลาดโลกลดแล้ว แต่ไทยกลับไม่ยอมลด แถมก๊าซหุงต้มยังจะยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างความลำบากอย่างมาก
 
ปัญหาเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบไม่ได้ แต่ทำไมจึงอยากจะไปต่อ หากปล่อยให้รัฐบาลนี้บริหารต่อไป เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงไปอีก จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนการบริหารและต้องปรับเปลี่ยนนโยบายทั้งหมดเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งเรื่องราคาพลังงานที่จะต้องลดลง การสร้างรายได้ใหม่ การลงทุนและสร้างธุรกิจ สมัยใหม่ เป็นต้น การปรับเปลี่ยนประเทศในหลายๆด้านไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ก้าวหน้าทันประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนที่จะสายเกินไป



โรม อัด อย่าเบี่ยงประเด็น ท้า ‘บิ๊กตู่’ เอาจริงทุนสีเทา ทวงคำตอบ ตึก รทสช.ต้องถูกอายัดไหม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3835608

‘โรม’ ท้า ‘ประยุทธ์’ เอาจริงจัดการทุนสีเทา ทวงคำตอบ ปม ‘ส.ว.ทรงเอ’ ตึกพรรค รทสช.จะถูกอายัดหรือไม่
 
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้ประเด็น ‘ส.ว.ทรงเอ’ ที่นายรังสิมันต์เปิดเผย เป็นเพียงการดิสเครดิตทางการเมือง และยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับทุนสีเทาอย่างเด็ดขาด ว่า ก่อนอื่นต้องตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนแต่งตั้ง ส.ว.ทรงเอ ใครคือคนที่ได้ประโยชน์จากการโหวตนายกฯ ของ ส.ว.ทรงเอ และใครที่ตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของ ส.ว.ทรงเอ คำตอบคือ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการได้รับผลประโยชน์ที่ ส.ว.ทรงเอ ตอบแทน แลกเปลี่ยนกับการได้รับตำแหน่ง ส.ว. และได้รับความคุ้มครองไม่ถูกตรวจสอบโดยตำรวจหรือผู้มีอำนาจได้เลย
 
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ตอนที่ตนอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 พล.อ.ประยุทธ์ไม่พูดแม้แต่จะตรวจสอบเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ทำราวกับตนไม่ได้อภิปราย ส่วนนายธนกรที่มักออกมาชี้แจงตอบโต้แทน ก็พูดราวกับว่าหลักฐานที่ตนแสดงไม่มีอยู่จริง ทั้งที่ตนมีเอกสารหลักฐาน ที่สามารถแสดงให้เห็นว่า พ่อค้าอาวุธและพ่อค้ายาเสพติดชาวเมียนมาที่ชื่อทุนมินลัต มีความเกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทรงเอ อย่างไร อีกทั้งถ้าดูเอกสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ จะเห็นหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่สามารถมัดตัว ส.ว.คนนี้ได้แน่นอน
 
อย่าใช้วาทกรรมเรื่องการดิสเครดิต เพราะปัจจุบันท่านเองยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกฯ กินเงินเดือนภาษีประชาชน ท่านมีหน้าที่ต้องจัดการให้ถูกต้องตามหน้าที่ เรื่องนี้จึงไม่ใช่การดิสเครดิตทางการเมือง แต่คือความจริงทางการเมืองที่เกิดขึ้นแล้ว” นายรังสิมันต์กล่าว
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า คำถามสำคัญตอนนี้คือ หาก ส.ว.ทรงเอ ถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกอายัดยึดทรัพย์สิน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของเขา ซึ่งอาจถูกสงสัยหรือเชื่อได้ว่าได้มาจากการค้ายาเสพติด ที่รวมถึงที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะถูกยึดอายัดด้วยหรือไม่ ดังนั้น ขออย่าเบี่ยงเบนประเด็น หากต้องการปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ทำเลย หรืออย่างน้อยช่วยเสแสร้งว่าตั้งใจจะทำก็ยังดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่