Nawa Thai Cuisine
รีวิวร้านนี้อาจจะเป็นหนึ่งในรีวิวที่ผมรู้สึกเขียนยากที่สุดอันนึงเพราะอาหารของที่นี้นั้นเรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายนั้นแฝงความซับซ้อนอยู่มากมาย
Nawa หรือ นว เป็นร้านอาหารล่าสุดของคู่เชฟสามีภรรยาอย่างเชฟโจ ณพล จันทรเกตุ และ เชฟ ซากิ โฮชิโนะ ที่เคยฝากผลงานกับการปั้นร้านมิชลินสตาร์มาแล้ว
ร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งที่Parklane เอกมัย ร้านนี้ถือเป็นการคัมเเบ๊คอย่างเต็มตัวของเชฟทั้งสองเข้าสู่โลก Fine dining
นว มีความหมายที่หลากหลายไม่ว่าจะ ใหม่ หรือ 9 ซึ่งพ้องเสียกับคำว่า ก้าว ซึ่งเป็น Key point ที่เชฟอยากนำเสนอ อาหารไทยเเท้ที่มีการพัฒนาไม่หยุดอยู่กับที่
ภายใต้อาหารที่ดูเข้าใจง่ายนั้นมันซ่อนอะไรที่น่าสนใจไว้อย่างมากมายไม่ใช่แค่เรื่องของการนำเทคนิคการทำอาหารทั้งของไทยหรือต่างชาติมาร้อยเรียง โดยมีจุดประสงค์เดียวคือให้อาหารไทยก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ยึดติด เเต่ยังคงรักษาแก่นของอาหารไทยได้อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้รวมทั้งแนวคิดต่างๆที่สอดแทรกได้อย่างมีสีสันต์
รวมๆแล้วอาหารในมื้อนี้นำเสนอเมนูที่เรียบง่าย ที่เราคุ้นเคยแต่ทำมาอย่างปราณีต แม้หน้าตาอาจจะดูไม่ใช่อาหารไทย ที่เรายังคงรู้สึกว่านี้คืออาหารไทยแท้ๆที่มีความแปลกใหม่และแตกต่างออกไปแต่รสชาตินั้นพูดได้เต็มปากว่า อร่อย และนี้คือรสอาหารไทยของคนไทย
โดยจานที่ผมประทับใจมากๆคือต้มยำกุ้ง มีไฟน์ไดน์หลายร้านที่พยายามจะนำเสนอต้มยำกุ้ง แม้กระทั่งหลีกหนีชื่นชอบ โดยการมีการใช้สต๊อคที่ต้มแบบ bisque ผสมผสานกับ esumaมันกุ้ง และ โฟมกระทิ ที่แม้พอฟังแล้วคงนึกว่าอาหารตะวันตกแน่ๆแต่พอทานแล้วนั้นมันมีรสชาติแบบไทยที่อร่อยน่าประทับใจจริงๆ นอกจากจานนี้แล้วนวยังมีเมนูบ้านๆที่ไม่บ้าน เช่นผัดผักน้ำมันหอย ปลาทอดกระเทียม หรือจะเป็นซีฟู้ดซอส ที่ล้วนแปลกตาแต่รสชาติกลับคุ้นเคย จึงทำให้มื้อนี้ออกมาสนุกสนานมากเป็นอย่างมากครับ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ามีหลายๆจานที่ผมยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ที่อาจจะยังไม่ค่อยชัดเจนนัก ส่วนนึงอาจจะเพราะสิ่งที่ร้านพยายามนำเสนอนั้นเป็นสิ่งที่ยาก อย่างไรก็ตามผมเป็นกำลังใจให้กับร้าน นว นะครับ
จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
Snack
“Ma-Horม้าฮ่อ” คำนี้ผมต้องบอกว่าสุดยอดครับ โดยเชฟตีความม้าฮ่อออกมาได้อย่างโก้เก๋ ออกมาในรูปแบบทาร์เลตใส่ส้มหกชนิด ทั้งส้มเขียวหวาน ส้มโอขาว ส้มโอทับทิมสยาม ส้มสายน้ำผึ้งและอื่นๆ ก่อนใส่เจลที่ทำจากน้ำส้ม และไส้เค็มหวานกับพริก
ไม่ใช่เเค่รสชาติที่หลากหลายแต่รวมถึงเท็กเจอร์ด้วยทำออกมาได้อย่างน่าทึ่งมีมิติมากกว่าม้าฮ่อแบบเดิมๆ ทั้งเท็กเจอร์ความกรอบ ความนุ่มลื่นของเจล ความหนึบของไส้
ส้มหลากชนิดนั้นให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวหรืออาจจะรวมถึงขมที่หลากหลายแต่ทว่ากลมกล่อม รสหวานของมันนั้นตัดกับรสเค็มมันของไส้ก่อนปิดท้ายด้วยความร้อนจากพริก อรอ่ยครับ
“Mor-Geang, หม้อแกง” คำนี้เป็นทาร์ตมะพร้าวขี้โล้ผสมหอมเจียวออนท็อปด้วยครีมเเมคคาเดเมียจากเชียงรายกับคาเวียรหัวหิน จานนี้เชฟบอกว่าขี้โล้นี้เคี่ยวกะทิกว่าสามชั่วโมงแบบไม่พัก
รสมันของถั่วในคำนี้ที่ช่วยดับความร้อนที่หลงเหลือในปากของคำแรก เมื่อเข้าปากรสความหวานมันของถั่วตัดด้วยรสเค็มอมหวานจากหอมเจียว
เราจะได้ความร่วนหวานหอมมะพร้าวคาราเมลไลซ์ในทาร์ต ซึ่งเข้ากลิ่นถั่วเเมคคาเดเมียได้อย่างลงตัว ก่อนจบด้วยรสเค็มละมุนของคาเวียร์ครับ
เมื่อทานแล้วรู้สึกได้ถึงความเป็นขนมหม้อแกงที่ถูกยกระดับขึ้นทั้งมิติเเละรสชาติไม่ดูแข็งทื้อแบบเดิมๆ ก่อนที่จะล้างปากด้วยชาอูหลงดอยจากภาคเหนือของไทยเพื่อลดมันครับ
“Khao Puk Nga, ข้าวปุกงา” ขนมคำสุดท้ายที่เสริฟ์นั้นเป็นข้าวปุกงาอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือ ออนท็อปด้วยเป็ดบ่มเกลือดรายเอจที่ใช้เทคนิคการทำแบบ prosciutto รับประทานกับแจ่วมะเขือ
คำนี้ผมชอบเท็กเจอร์ของตัวข้าวปุกงาด้านล่างมากที่มีทั้งความหอมข้าวและหนุบหนับเเต่ทว่าฟู มีเอกลักษณ์มากจะว่าเหมือนเค้กก็ไม่ใช่เเซมเบ้หรือโมจิก็ไม่เชิง ตัวเป็ดนั้นให้เท็กเจอร์ที่หนึบๆเค็มอ่อนๆ ตัดกับรสเเจ่วที่เปรี้ยวนำหวานเผ็ดอ่อนๆ เป็นการปิดท้าย snack และ introduce อาหารไทยที่มีความครบรสได้อย่างดี
"Ka-nom Bpang Nornnn Muu, ขนมปังน้อน..หมู” ความRefineของจานนี้นั้นอาจจะยังสู้สามคำก่อนหน้าไม่ได้ แต่ทว่าก็เป็นคำที่น่ารักและชวนยิ้มไปกับไอเดียไม่ได้
โดยเชฟนำเสนอขนมปังหน้าหมู ของทานเล่นที่ทุกคนรู้จักดีเชฟเสริฟ์ขนมปังมาเป็นสองเท็กเจอร์ เป็นบริออชแบบกรอบบางและเเบบนุ่มฟู ประกบกับไส้หมูผสมสามเกลอทำเป็นซานโดะหรือเเซนวิช แต่งรสด้วยแตงกวาสด อาจาดแตงกวาเจล และเบ่ค่อนทำเอง
ของจริงนี้ตะมุมตะมิกว่านี้นะ ผมดันถ่ายออกมาดูไม่ดีตัวไส้นั้นมีหอมกลิ่นสามเกลอรสเค็มหวานอ่อนๆร้อนพริกไทย ตัดกับรสเย็นเปรี้ยวหวานของอาจาด แต่สิ่งที่ทำให้คำนี้แตกต่างคือความเค็มสโม้คกี้ของแบค่อน ที่ช่วยสร้างมิติและเข้ากับอาจาดได้อย่างน่าสนใจมากๆครับ
Starter
“Mantis Shrimp Nam Jim Seafood, กั้งแช่น้ำปลา” ของNawa นั้นใช้กั้งเป็นๆจากสุราษฐานี มาใช่บ่มในน้ำปลาชั้นดีก่อนเสริฟ์มากับซีฟู้ดกรานิต้า เนมกับผักสดสารพัดชนิด อย่างชะคราม ชะมวง ผักกาดฮีน หอมแดง ดอกไม้กินได้ และอื่นๆ
จานนี้เป็นนึงในจานที่ผมประทับใจในวันนี้อย่างเเน่นอน เท็กเจอร์ของกั้งสดๆเป็นๆนั้นมีความกรอบเด้งหนึบอย่างมีเอกลักษณ์มากๆ ถ้าเดาไม่ผิดเชฟคงใช้เทคนิคการbrine แบบตะวันตกเข้าช่วย รสของน้ำปลาที่ใส่มาอย่างเหมาะสมนั้นช่วยขับรสหวานของกั้งออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
สารพัดผักที่ให้ลองนั้นมีความสนุกสนานดีที่ได้ลองเหมือนกันครับถ้ายังไม่เคยลองผมอยากแนะนำให้เปิดใจและสนุกไปกับมัน แต่แอบให้มาน้อยไปนิดเหมือนกันสำหรับปริมาณคน
การ์นิต้านั้นนอกจากให้ความเย็นสดชื่นเเล้ว ยังเพิ่มรสเผ็ดร้อนเเละเปรี้ยวที่เข้ากับกั้งได้ดี รสน้ำมันชะครามให้รสขมปมเค็มช่วยลดทอนความเข้มข้นของน้ำจิ้มซีฟู้ดไม่ให้กลบรสหวานเนื้อกั้ง
น้ำจิ้มซีฟู้ดเป็นของเด็ดของอร่อยที่คนบ้านเราชื่นชอบแต่หลายๆครั้งนั้นมันมักจะกลบเอกลักษณ์ของซีฟู้ดไปจนหมด จานนี้ที่นว ยกระดับการจับคู่ซีฟู้ดซอสแบบไทยกับซีฟู้ดได้อย่างน่าสนใจครับ
[SR] บอสพาชิม : Nawa Central Thai Cuisine
Nawa หรือ นว เป็นร้านอาหารล่าสุดของคู่เชฟสามีภรรยาอย่างเชฟโจ ณพล จันทรเกตุ และ เชฟ ซากิ โฮชิโนะ ที่เคยฝากผลงานกับการปั้นร้านมิชลินสตาร์มาแล้ว
ร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งที่Parklane เอกมัย ร้านนี้ถือเป็นการคัมเเบ๊คอย่างเต็มตัวของเชฟทั้งสองเข้าสู่โลก Fine dining
นว มีความหมายที่หลากหลายไม่ว่าจะ ใหม่ หรือ 9 ซึ่งพ้องเสียกับคำว่า ก้าว ซึ่งเป็น Key point ที่เชฟอยากนำเสนอ อาหารไทยเเท้ที่มีการพัฒนาไม่หยุดอยู่กับที่
ภายใต้อาหารที่ดูเข้าใจง่ายนั้นมันซ่อนอะไรที่น่าสนใจไว้อย่างมากมายไม่ใช่แค่เรื่องของการนำเทคนิคการทำอาหารทั้งของไทยหรือต่างชาติมาร้อยเรียง โดยมีจุดประสงค์เดียวคือให้อาหารไทยก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ยึดติด เเต่ยังคงรักษาแก่นของอาหารไทยได้อย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้รวมทั้งแนวคิดต่างๆที่สอดแทรกได้อย่างมีสีสันต์
รวมๆแล้วอาหารในมื้อนี้นำเสนอเมนูที่เรียบง่าย ที่เราคุ้นเคยแต่ทำมาอย่างปราณีต แม้หน้าตาอาจจะดูไม่ใช่อาหารไทย ที่เรายังคงรู้สึกว่านี้คืออาหารไทยแท้ๆที่มีความแปลกใหม่และแตกต่างออกไปแต่รสชาตินั้นพูดได้เต็มปากว่า อร่อย และนี้คือรสอาหารไทยของคนไทย
โดยจานที่ผมประทับใจมากๆคือต้มยำกุ้ง มีไฟน์ไดน์หลายร้านที่พยายามจะนำเสนอต้มยำกุ้ง แม้กระทั่งหลีกหนีชื่นชอบ โดยการมีการใช้สต๊อคที่ต้มแบบ bisque ผสมผสานกับ esumaมันกุ้ง และ โฟมกระทิ ที่แม้พอฟังแล้วคงนึกว่าอาหารตะวันตกแน่ๆแต่พอทานแล้วนั้นมันมีรสชาติแบบไทยที่อร่อยน่าประทับใจจริงๆ นอกจากจานนี้แล้วนวยังมีเมนูบ้านๆที่ไม่บ้าน เช่นผัดผักน้ำมันหอย ปลาทอดกระเทียม หรือจะเป็นซีฟู้ดซอส ที่ล้วนแปลกตาแต่รสชาติกลับคุ้นเคย จึงทำให้มื้อนี้ออกมาสนุกสนานมากเป็นอย่างมากครับ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ามีหลายๆจานที่ผมยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ที่อาจจะยังไม่ค่อยชัดเจนนัก ส่วนนึงอาจจะเพราะสิ่งที่ร้านพยายามนำเสนอนั้นเป็นสิ่งที่ยาก อย่างไรก็ตามผมเป็นกำลังใจให้กับร้าน นว นะครับ
จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
Snack
“Ma-Horม้าฮ่อ” คำนี้ผมต้องบอกว่าสุดยอดครับ โดยเชฟตีความม้าฮ่อออกมาได้อย่างโก้เก๋ ออกมาในรูปแบบทาร์เลตใส่ส้มหกชนิด ทั้งส้มเขียวหวาน ส้มโอขาว ส้มโอทับทิมสยาม ส้มสายน้ำผึ้งและอื่นๆ ก่อนใส่เจลที่ทำจากน้ำส้ม และไส้เค็มหวานกับพริก
ไม่ใช่เเค่รสชาติที่หลากหลายแต่รวมถึงเท็กเจอร์ด้วยทำออกมาได้อย่างน่าทึ่งมีมิติมากกว่าม้าฮ่อแบบเดิมๆ ทั้งเท็กเจอร์ความกรอบ ความนุ่มลื่นของเจล ความหนึบของไส้
ส้มหลากชนิดนั้นให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวหรืออาจจะรวมถึงขมที่หลากหลายแต่ทว่ากลมกล่อม รสหวานของมันนั้นตัดกับรสเค็มมันของไส้ก่อนปิดท้ายด้วยความร้อนจากพริก อรอ่ยครับ
“Mor-Geang, หม้อแกง” คำนี้เป็นทาร์ตมะพร้าวขี้โล้ผสมหอมเจียวออนท็อปด้วยครีมเเมคคาเดเมียจากเชียงรายกับคาเวียรหัวหิน จานนี้เชฟบอกว่าขี้โล้นี้เคี่ยวกะทิกว่าสามชั่วโมงแบบไม่พัก
รสมันของถั่วในคำนี้ที่ช่วยดับความร้อนที่หลงเหลือในปากของคำแรก เมื่อเข้าปากรสความหวานมันของถั่วตัดด้วยรสเค็มอมหวานจากหอมเจียว
เราจะได้ความร่วนหวานหอมมะพร้าวคาราเมลไลซ์ในทาร์ต ซึ่งเข้ากลิ่นถั่วเเมคคาเดเมียได้อย่างลงตัว ก่อนจบด้วยรสเค็มละมุนของคาเวียร์ครับ
เมื่อทานแล้วรู้สึกได้ถึงความเป็นขนมหม้อแกงที่ถูกยกระดับขึ้นทั้งมิติเเละรสชาติไม่ดูแข็งทื้อแบบเดิมๆ ก่อนที่จะล้างปากด้วยชาอูหลงดอยจากภาคเหนือของไทยเพื่อลดมันครับ
“Khao Puk Nga, ข้าวปุกงา” ขนมคำสุดท้ายที่เสริฟ์นั้นเป็นข้าวปุกงาอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือ ออนท็อปด้วยเป็ดบ่มเกลือดรายเอจที่ใช้เทคนิคการทำแบบ prosciutto รับประทานกับแจ่วมะเขือ
คำนี้ผมชอบเท็กเจอร์ของตัวข้าวปุกงาด้านล่างมากที่มีทั้งความหอมข้าวและหนุบหนับเเต่ทว่าฟู มีเอกลักษณ์มากจะว่าเหมือนเค้กก็ไม่ใช่เเซมเบ้หรือโมจิก็ไม่เชิง ตัวเป็ดนั้นให้เท็กเจอร์ที่หนึบๆเค็มอ่อนๆ ตัดกับรสเเจ่วที่เปรี้ยวนำหวานเผ็ดอ่อนๆ เป็นการปิดท้าย snack และ introduce อาหารไทยที่มีความครบรสได้อย่างดี
"Ka-nom Bpang Nornnn Muu, ขนมปังน้อน..หมู” ความRefineของจานนี้นั้นอาจจะยังสู้สามคำก่อนหน้าไม่ได้ แต่ทว่าก็เป็นคำที่น่ารักและชวนยิ้มไปกับไอเดียไม่ได้
โดยเชฟนำเสนอขนมปังหน้าหมู ของทานเล่นที่ทุกคนรู้จักดีเชฟเสริฟ์ขนมปังมาเป็นสองเท็กเจอร์ เป็นบริออชแบบกรอบบางและเเบบนุ่มฟู ประกบกับไส้หมูผสมสามเกลอทำเป็นซานโดะหรือเเซนวิช แต่งรสด้วยแตงกวาสด อาจาดแตงกวาเจล และเบ่ค่อนทำเอง
ของจริงนี้ตะมุมตะมิกว่านี้นะ ผมดันถ่ายออกมาดูไม่ดีตัวไส้นั้นมีหอมกลิ่นสามเกลอรสเค็มหวานอ่อนๆร้อนพริกไทย ตัดกับรสเย็นเปรี้ยวหวานของอาจาด แต่สิ่งที่ทำให้คำนี้แตกต่างคือความเค็มสโม้คกี้ของแบค่อน ที่ช่วยสร้างมิติและเข้ากับอาจาดได้อย่างน่าสนใจมากๆครับ
Starter
“Mantis Shrimp Nam Jim Seafood, กั้งแช่น้ำปลา” ของNawa นั้นใช้กั้งเป็นๆจากสุราษฐานี มาใช่บ่มในน้ำปลาชั้นดีก่อนเสริฟ์มากับซีฟู้ดกรานิต้า เนมกับผักสดสารพัดชนิด อย่างชะคราม ชะมวง ผักกาดฮีน หอมแดง ดอกไม้กินได้ และอื่นๆ
จานนี้เป็นนึงในจานที่ผมประทับใจในวันนี้อย่างเเน่นอน เท็กเจอร์ของกั้งสดๆเป็นๆนั้นมีความกรอบเด้งหนึบอย่างมีเอกลักษณ์มากๆ ถ้าเดาไม่ผิดเชฟคงใช้เทคนิคการbrine แบบตะวันตกเข้าช่วย รสของน้ำปลาที่ใส่มาอย่างเหมาะสมนั้นช่วยขับรสหวานของกั้งออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
สารพัดผักที่ให้ลองนั้นมีความสนุกสนานดีที่ได้ลองเหมือนกันครับถ้ายังไม่เคยลองผมอยากแนะนำให้เปิดใจและสนุกไปกับมัน แต่แอบให้มาน้อยไปนิดเหมือนกันสำหรับปริมาณคน
การ์นิต้านั้นนอกจากให้ความเย็นสดชื่นเเล้ว ยังเพิ่มรสเผ็ดร้อนเเละเปรี้ยวที่เข้ากับกั้งได้ดี รสน้ำมันชะครามให้รสขมปมเค็มช่วยลดทอนความเข้มข้นของน้ำจิ้มซีฟู้ดไม่ให้กลบรสหวานเนื้อกั้ง
น้ำจิ้มซีฟู้ดเป็นของเด็ดของอร่อยที่คนบ้านเราชื่นชอบแต่หลายๆครั้งนั้นมันมักจะกลบเอกลักษณ์ของซีฟู้ดไปจนหมด จานนี้ที่นว ยกระดับการจับคู่ซีฟู้ดซอสแบบไทยกับซีฟู้ดได้อย่างน่าสนใจครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้