“พท.” โหมโรง ซัด “ประยุทธ์” ก่อนศึกซักฟอก ยก “ทักษิณ” เกทับ ผลงานเหนือกว่า
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1052744
“รองโฆษกเพื่อไทย” โหมโรง อภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 ซัด “ประยุทธ์” เก่งแต่กู้ หนี้พอกหางหมู ทำประเทศสิ้นหวัง ได้เวลาเพื่อไทยเป็นรัฐบาลวิสัยทัศน์นำประเทศ
นาย
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นาย
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยากให้ประเทศจัดงบประมาณรายจ่ายสมดุลให้ได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2577 แต่ระหว่างนี้ต้องกู้ชดเชยการขาดดุลไปเรื่อยๆ ก่อน สะท้อนถึงความสิ้นหวัง ไม่เห็นหนทางการพลิกฟื้นประเทศไทยได้ การบริหารประเทศของพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตลอดกว่า 8 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่คนไทยอับจนหนทางทำมาหากินภาระหนี้สินพอกพูนไม่ต่างจากดินพอกหางหมู การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องกู้มาโปะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมียอดเงินกู้ชดเชยการขาดดุลปีงบประมาณล่าสุดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 695,000 ล้านบาท รวมวงเงินกู้ชดเชยการขาดดุลตลอด 9 ปีงบประมาณสูงราว 4.6 ล้านล้านบาท แต่กลับสร้างเศรษฐกิจไม่ได้ หารายได้เข้าประเทศไม่เป็น
ทั้งนี้ การจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่สะท้อนความสามารถของรัฐบาลได้อย่างดี ในสมัย นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยประกาศยุทธศาสตร์ “
4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” และ “
คิดใหม่ ทำใหม่” แก้ปัญหาหนี้สินและสร้างความเจริญให้ประเทศมากมาย จนสามารถจัดงบประมาณสมดุล คือไม่จำเป็นต้องกู้มาชดเชยค่าใช้จ่ายใดๆ ของภาครัฐได้อย่างต่อเนื่องในปี 2548 และ 2549 แตกต่างจากยุคพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับตั้งแต่เป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2557 หนี้สาธารณะเพิ่มจาก 5.69 ล้านบาท พุ่งไปเกือบ 10 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน หากต้องกู้แบบเศรษฐกิจไม่เติบโตเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆอีก 10 ปี ประเทศไทยอาจได้กลายเป็นประเทศที่มีหนี้ท่วมหัวสุดท้ายจะเอาตัวไม่รอดเป็นแน่
“
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเหมือนโรงงานล้าสมัย ผลาญเงินไปมากกับเครื่องจักรปะผุ คนงานคุณภาพไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย ประเทศเวลานี้ต้องการการพลิกโฉมครั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ ทำเป็นเพราะเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่จะผลักดันนโยบายดีๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง เหมือนที่เคยทำได้สำเร็จในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยและเพื่อไทยในอดีต ขอให้ประชาชนทุกคนอดกลั้น รอแสดงพลังร่วมกันเลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ในวันเลือกตั้งที่จะมาถึงและฝากติดตามการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ที่พรรคเพื่อไทยพร้อมกระชากหน้ากากคนดี สาวไส้ความล้มเหลวตลอดกว่า 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ให้ประชาชนได้เห็นในทุกด้าน” นาย
ชนินทร์ กล่าว
“ธีรัจชัย” อัด “ส.ว.” กำเริบเสิบสาน โพสต์ดับฝันแลนด์สไลด์ เชื่อไม่ต้องเล่นเกมกลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3819820
“ธีรัจชัย” รับไม่ได้อัด “ส.ว.” กำเริบเสิบสาน หลังโพสต์ดับฝันแลนด์สไลด์ เชื่อ ไม่ต้องเล่นเกมกลับ เสียงประชาชนจะทําให้เขาแพ้เอง
จากกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ระบุว่า หากพรรค พท.เลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องรวบรวมเสียงให้ได้ถึง 376 เสียง หากได้ไม่ถึง ส.ว. 250 เสียงก็อาจไม่โหวตให้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าส.ว.จะสามารถรวมเสียงเป็นหนึ่งเดียวกันหมดได้หรือไม่ เพราะมีทั้งฝั่งที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีรัจชัย กล่าวว่า อาจมองในมุมนั้นได้ แต่มองในมุมหนึ่ง เป็นการข้ามหัวประชาชนเกินไปหรือไม่ คิดว่าอำนาจที่ได้รับจากคณะรัฐประหาร ซึ่งแตกแยกกันแล้ว ยังมากำหนดตัวบุคคลเป็นผู้นำประเทศ โดยไม่สนใจอำนาจของประชาชน ดูเป็นการกำเริบเสิบสานไปหรือไม่ ตนไม่เห็นด้วยกับความคิดเช่นนี้ เป็นความคิดที่ถอยหลังลงคลองมาก
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ตอนที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ว. ก็ขัดขวางไม่ให้มีการแก้ไข โดยไม่มาเป็นองค์ประชุมให้ ใช้วิธีการไม่สะอาด มาตอนนี้ก็ใช้คําพูดว่าจะไม่สนใจเสียงประชาชน หากใครได้ไม่ถึง 376 เสียงก็ไม่มีสิทธิตั้งรัฐบาล ไม่คิดว่าคำพูดเช่นนี้ จะออกมาจากคนที่อยู่ในอำนาจรัฐ ยุคนี้ควรคืนอำนาจให้กับประชาชนได้แล้ว ตนไม่สบายใจกับผู้ที่มีความคิดแบบนี้
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองต่างๆ ควรหาวิธีรับมือเกมนี้ของ ส.ว.อย่างไร นายธีรัจชัย กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ต้องเล่นเกมอะไร เอาคะแนนเสียงให้มากที่สุด ขอให้ประชาชนเลือกเรามากที่สุด เชื่อว่าถ้าเป็นเช่นนี้ได้ เขาจะพ่ายแพ้ไปเอง แม้จะใช้วิธีสกปรกที่สุดเพื่อรักษาอำนาจตัวเองก็ตาม
นายธีรัจชัย ยังกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากประชาชนว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้แสดงพลังกันเยอะๆ ช่วยกันทำให้เขารู้ว่าประชาชนยังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
“ข้าวถุง”แผ่ว ราคาพุ่ง สวนทางคนรุ่นใหม่ บริโภคน้อย
https://www.thansettakij.com/business/marketing/555935
สถานการณ์ข้าวถุงไทยยังน่าวิตก เหตุคนรุ่นใหม่บริโภคลดลง ขณะที่ราคาข้าวถุงปรับตัวขึ้นแรง “ตราฉัตร-มาบุญครอง” หันสร้างความต่าง ผุดข้าวเพื่อสุขภาพรับเทรนด์ดูแลสุขภาพ-สังคมสูงวัย
นาย
ยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี.พี.ฟู้ดสไตร์ จํากัด (ข้าวตราฉัตร) เปิดเผยว่า ตลาดข้าวถุงในไทยยังเติบโตทุกปีเฉลี่ย 3-4% และแผ่วลงในช่วงโควิด แต่เชื่อว่าในปีนี้ไทยเริ่มเปิดประเทศและหลายๆประเทศเริ่มเปิดเมือง
ทำให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมา และเป็นปีที่ดีในเรื่องของกำลังซื้อและทำให้ตลาดข้าวถุงโดยรวมดีขึ้น โดยมูลค่าตลาดข้าวสารที่บริโภคภายในประเทศอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ส่วนตลาดข้าวถุงในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 6 หมื่นล้านบาทเติบโต 3-4% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดข้าวกระสอบลงมาเล่นในตลาดข้าวถุงด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันคนไทยมีอัตราการบริโภคข้าวลดลงจากที่เคยเฉลี่ย 100 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ลดลงเหลือเพียง 90 กิโลกรัมต่อคนต่อปี โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่เพราะมีอาหารทดแทนหลายชนิดเช่น สปาเก็ตตี้พิซซ่า แป้งสาลี เข้ามาทดแทน บวกกับความเรื่องบริโภคข้าวทำให้อ้วน ซึ่งไม่เป็นความจริง
ในส่วนของสมาคมมีการรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคข้าวมากขึ้นในหลายๆกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งผู้ประกอบการเริ่มศึกษาชนิดของข้าวที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยหรือเข้าไปทำตลาดในส่วนของ Personal Life ของลูกค้าให้มากขึ้น ส่วนความนิยมของการบริโภคข้าวจะแบ่งเป็นภูมิภาคซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมการกินของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ประกอบการจะสร้างตัวตนของข้าวแต่ละสายพันธุ์สำหรับเจาะตลาดแต่ละพื้นที่
ส่วนตลาดที่มีความน่าสนใจคือ “
ข้าวเพื่อสุขภาพ” ซึ่งมีระดับการเติบโตเกือบ 10% แต่ยังมีสัดส่วนในตลาดรวมน้อยโดยมีมูลค่าตลาดเพียง 2,000-3,000 ล้านบาท แต่ยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดีและข้าวไทยหลายสายพันธุ์ค่อนข้างเอื้อต่อพฤติกรรมผู้บริโภคเช่น ข้าวขาว กข. 43 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีน้ำตาลน้อยและมีความนุ่มคล้ายข้าวหอม
“
ราคาข้าวถุงปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น ข้าวหอมปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 19 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปีนี้ราคาเริ่มต้นที่ 25 บาทต่อกิโลกรัม ราคานี้ผู้ประกอบการไม่ได้ปรับขึ้นราคาตามต้นทุนวัตถุดิบแต่เป็นการปรับต่ำกว่าต้นทุน และในตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นในปีนี้ราคาข้าวถุงจะยังทรงๆในระดับนี้ ส่วนในอนาคตจะปรับเพิ่มหรือไม่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะข้าวเป็นสินค้าคอมมูนิตี้ ทำให้มีปัจจัยจากต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
ด้านนาย
สมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ข้าวมาบุญครอง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดข้าวเพื่อสุขภาพแม้จะยังมีสัดส่วนเพียง 1% ของตลาดรวมแต่เชื่อว่าจะขยับขึ้นมาได้อีกมาก เพราะผู้บริโภคหันมาดูแลรักษาสุขภาพ
โดยเฉพาะผู้หญิงรุ่นใหม่ ซึ่งข้าวมาบุญครองเป็นเบอร์ 1 ในตลาดนี้กินมาร์เก็ตแชร์ 50% โดยตลาดหลักเป็นตลาดส่งออกไปยังอเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย เวียดนาม 50-60% และในประเทศ 40-50% ในขณะที่ภาพรวมทั้งบริษัทเป็นการส่งออก 35% เติบโตขึ้น 10% และตลาดในประเทศ 65% โตขึ้น 1-2%
“
ไทยได้เปรียบตรงที่น่าจะเป็นประเทศเดียวที่มีการปลูกข้าวอินทรีย์ หรือทำข้าวออแกนิค รวมทั้งการเบลนด์ข้าวสายพันธุ์ต่างๆ เข้าด้วยกันเพราะคนไทยกินข้าวเก่งที่สุดในโลก และเลือกชนิดข้าวที่เหมาะกับตัวเองตลอดเวลา ดังนั้นมาบุญครองเริ่มทำข้าวเพื่อสุขภาพตามสไตล์ของผู้บริโภคในหลายรูปแบบ
ทั้งข้าว 100% ข้าวเบลนด์กับธัญพืช ข้าวเบลนด์กับข้าวหลายๆชนิด ข้าวเบลนด์กับธัญพืชที่มีคุณค่ามากขึ้น เช่นคีนัว เมล็ดเชีย เพราะเราต้องหาซิกเนเจอร์ของเรา ข้าวเพื่อสุขภาพเราเป็นเจ้าแรกที่ทำ และคาดว่าตลาดน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นและเราก็ครองตลาดมากที่สุด เพราะฉะนั้นปีนี้เราก็อยากจะขยายตลาดให้โตขึ้นอีก”
ในส่วนของการปรับราคาข้าว มาบุญครองยังคงล็อคราคาข้าวถุงตลอดทั้งปีนี้ โดยราคาข้าวสุขภาพเช่น ไรซ์เบอรี่ยังตรึงราคาอยู่ที่ระดับกิโลกรัมละ 70-80บาท/กก. ส่วนข้าวอินทรีย์ราคา 80-90 บาท/กก. ข้าวขาวหอมมะลิประมาณ 40 บาท/กก. ส่วนข้าวหอมทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 25 บาท/กก.และข้าวขาว 20 บาท/กก.
JJNY : “พท.” โหมโรง ซัด “ประยุทธ์”│“ธีรัจชัย”อัด “ส.ว.” กำเริบเสิบสาน│“ข้าวถุง”แผ่ว ราคาพุ่ง│นักวิชาการอัดรัฐบาล ปลดล็อก
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1052744
“รองโฆษกเพื่อไทย” โหมโรง อภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 ซัด “ประยุทธ์” เก่งแต่กู้ หนี้พอกหางหมู ทำประเทศสิ้นหวัง ได้เวลาเพื่อไทยเป็นรัฐบาลวิสัยทัศน์นำประเทศ
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยากให้ประเทศจัดงบประมาณรายจ่ายสมดุลให้ได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2577 แต่ระหว่างนี้ต้องกู้ชดเชยการขาดดุลไปเรื่อยๆ ก่อน สะท้อนถึงความสิ้นหวัง ไม่เห็นหนทางการพลิกฟื้นประเทศไทยได้ การบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตลอดกว่า 8 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่คนไทยอับจนหนทางทำมาหากินภาระหนี้สินพอกพูนไม่ต่างจากดินพอกหางหมู การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องกู้มาโปะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมียอดเงินกู้ชดเชยการขาดดุลปีงบประมาณล่าสุดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 695,000 ล้านบาท รวมวงเงินกู้ชดเชยการขาดดุลตลอด 9 ปีงบประมาณสูงราว 4.6 ล้านล้านบาท แต่กลับสร้างเศรษฐกิจไม่ได้ หารายได้เข้าประเทศไม่เป็น
ทั้งนี้ การจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่สะท้อนความสามารถของรัฐบาลได้อย่างดี ในสมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยประกาศยุทธศาสตร์ “4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” และ “คิดใหม่ ทำใหม่” แก้ปัญหาหนี้สินและสร้างความเจริญให้ประเทศมากมาย จนสามารถจัดงบประมาณสมดุล คือไม่จำเป็นต้องกู้มาชดเชยค่าใช้จ่ายใดๆ ของภาครัฐได้อย่างต่อเนื่องในปี 2548 และ 2549 แตกต่างจากยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับตั้งแต่เป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2557 หนี้สาธารณะเพิ่มจาก 5.69 ล้านบาท พุ่งไปเกือบ 10 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน หากต้องกู้แบบเศรษฐกิจไม่เติบโตเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆอีก 10 ปี ประเทศไทยอาจได้กลายเป็นประเทศที่มีหนี้ท่วมหัวสุดท้ายจะเอาตัวไม่รอดเป็นแน่
“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเหมือนโรงงานล้าสมัย ผลาญเงินไปมากกับเครื่องจักรปะผุ คนงานคุณภาพไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย ประเทศเวลานี้ต้องการการพลิกโฉมครั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ ทำเป็นเพราะเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่จะผลักดันนโยบายดีๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง เหมือนที่เคยทำได้สำเร็จในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยและเพื่อไทยในอดีต ขอให้ประชาชนทุกคนอดกลั้น รอแสดงพลังร่วมกันเลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ในวันเลือกตั้งที่จะมาถึงและฝากติดตามการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ที่พรรคเพื่อไทยพร้อมกระชากหน้ากากคนดี สาวไส้ความล้มเหลวตลอดกว่า 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ให้ประชาชนได้เห็นในทุกด้าน” นายชนินทร์ กล่าว
“ธีรัจชัย” อัด “ส.ว.” กำเริบเสิบสาน โพสต์ดับฝันแลนด์สไลด์ เชื่อไม่ต้องเล่นเกมกลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3819820
“ธีรัจชัย” รับไม่ได้อัด “ส.ว.” กำเริบเสิบสาน หลังโพสต์ดับฝันแลนด์สไลด์ เชื่อ ไม่ต้องเล่นเกมกลับ เสียงประชาชนจะทําให้เขาแพ้เอง
จากกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ระบุว่า หากพรรค พท.เลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องรวบรวมเสียงให้ได้ถึง 376 เสียง หากได้ไม่ถึง ส.ว. 250 เสียงก็อาจไม่โหวตให้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าส.ว.จะสามารถรวมเสียงเป็นหนึ่งเดียวกันหมดได้หรือไม่ เพราะมีทั้งฝั่งที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีรัจชัย กล่าวว่า อาจมองในมุมนั้นได้ แต่มองในมุมหนึ่ง เป็นการข้ามหัวประชาชนเกินไปหรือไม่ คิดว่าอำนาจที่ได้รับจากคณะรัฐประหาร ซึ่งแตกแยกกันแล้ว ยังมากำหนดตัวบุคคลเป็นผู้นำประเทศ โดยไม่สนใจอำนาจของประชาชน ดูเป็นการกำเริบเสิบสานไปหรือไม่ ตนไม่เห็นด้วยกับความคิดเช่นนี้ เป็นความคิดที่ถอยหลังลงคลองมาก
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ตอนที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ว. ก็ขัดขวางไม่ให้มีการแก้ไข โดยไม่มาเป็นองค์ประชุมให้ ใช้วิธีการไม่สะอาด มาตอนนี้ก็ใช้คําพูดว่าจะไม่สนใจเสียงประชาชน หากใครได้ไม่ถึง 376 เสียงก็ไม่มีสิทธิตั้งรัฐบาล ไม่คิดว่าคำพูดเช่นนี้ จะออกมาจากคนที่อยู่ในอำนาจรัฐ ยุคนี้ควรคืนอำนาจให้กับประชาชนได้แล้ว ตนไม่สบายใจกับผู้ที่มีความคิดแบบนี้
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองต่างๆ ควรหาวิธีรับมือเกมนี้ของ ส.ว.อย่างไร นายธีรัจชัย กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ต้องเล่นเกมอะไร เอาคะแนนเสียงให้มากที่สุด ขอให้ประชาชนเลือกเรามากที่สุด เชื่อว่าถ้าเป็นเช่นนี้ได้ เขาจะพ่ายแพ้ไปเอง แม้จะใช้วิธีสกปรกที่สุดเพื่อรักษาอำนาจตัวเองก็ตาม
นายธีรัจชัย ยังกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากประชาชนว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้แสดงพลังกันเยอะๆ ช่วยกันทำให้เขารู้ว่าประชาชนยังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
“ข้าวถุง”แผ่ว ราคาพุ่ง สวนทางคนรุ่นใหม่ บริโภคน้อย
https://www.thansettakij.com/business/marketing/555935
สถานการณ์ข้าวถุงไทยยังน่าวิตก เหตุคนรุ่นใหม่บริโภคลดลง ขณะที่ราคาข้าวถุงปรับตัวขึ้นแรง “ตราฉัตร-มาบุญครอง” หันสร้างความต่าง ผุดข้าวเพื่อสุขภาพรับเทรนด์ดูแลสุขภาพ-สังคมสูงวัย
นายยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี.พี.ฟู้ดสไตร์ จํากัด (ข้าวตราฉัตร) เปิดเผยว่า ตลาดข้าวถุงในไทยยังเติบโตทุกปีเฉลี่ย 3-4% และแผ่วลงในช่วงโควิด แต่เชื่อว่าในปีนี้ไทยเริ่มเปิดประเทศและหลายๆประเทศเริ่มเปิดเมือง
ทำให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมา และเป็นปีที่ดีในเรื่องของกำลังซื้อและทำให้ตลาดข้าวถุงโดยรวมดีขึ้น โดยมูลค่าตลาดข้าวสารที่บริโภคภายในประเทศอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ส่วนตลาดข้าวถุงในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 6 หมื่นล้านบาทเติบโต 3-4% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดข้าวกระสอบลงมาเล่นในตลาดข้าวถุงด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันคนไทยมีอัตราการบริโภคข้าวลดลงจากที่เคยเฉลี่ย 100 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ลดลงเหลือเพียง 90 กิโลกรัมต่อคนต่อปี โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่เพราะมีอาหารทดแทนหลายชนิดเช่น สปาเก็ตตี้พิซซ่า แป้งสาลี เข้ามาทดแทน บวกกับความเรื่องบริโภคข้าวทำให้อ้วน ซึ่งไม่เป็นความจริง
ในส่วนของสมาคมมีการรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคข้าวมากขึ้นในหลายๆกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งผู้ประกอบการเริ่มศึกษาชนิดของข้าวที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยหรือเข้าไปทำตลาดในส่วนของ Personal Life ของลูกค้าให้มากขึ้น ส่วนความนิยมของการบริโภคข้าวจะแบ่งเป็นภูมิภาคซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมการกินของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ประกอบการจะสร้างตัวตนของข้าวแต่ละสายพันธุ์สำหรับเจาะตลาดแต่ละพื้นที่
ส่วนตลาดที่มีความน่าสนใจคือ “ข้าวเพื่อสุขภาพ” ซึ่งมีระดับการเติบโตเกือบ 10% แต่ยังมีสัดส่วนในตลาดรวมน้อยโดยมีมูลค่าตลาดเพียง 2,000-3,000 ล้านบาท แต่ยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดีและข้าวไทยหลายสายพันธุ์ค่อนข้างเอื้อต่อพฤติกรรมผู้บริโภคเช่น ข้าวขาว กข. 43 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีน้ำตาลน้อยและมีความนุ่มคล้ายข้าวหอม
“ราคาข้าวถุงปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น ข้าวหอมปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 19 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปีนี้ราคาเริ่มต้นที่ 25 บาทต่อกิโลกรัม ราคานี้ผู้ประกอบการไม่ได้ปรับขึ้นราคาตามต้นทุนวัตถุดิบแต่เป็นการปรับต่ำกว่าต้นทุน และในตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นในปีนี้ราคาข้าวถุงจะยังทรงๆในระดับนี้ ส่วนในอนาคตจะปรับเพิ่มหรือไม่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะข้าวเป็นสินค้าคอมมูนิตี้ ทำให้มีปัจจัยจากต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
ด้านนายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ข้าวมาบุญครอง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดข้าวเพื่อสุขภาพแม้จะยังมีสัดส่วนเพียง 1% ของตลาดรวมแต่เชื่อว่าจะขยับขึ้นมาได้อีกมาก เพราะผู้บริโภคหันมาดูแลรักษาสุขภาพ
โดยเฉพาะผู้หญิงรุ่นใหม่ ซึ่งข้าวมาบุญครองเป็นเบอร์ 1 ในตลาดนี้กินมาร์เก็ตแชร์ 50% โดยตลาดหลักเป็นตลาดส่งออกไปยังอเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย เวียดนาม 50-60% และในประเทศ 40-50% ในขณะที่ภาพรวมทั้งบริษัทเป็นการส่งออก 35% เติบโตขึ้น 10% และตลาดในประเทศ 65% โตขึ้น 1-2%
“ไทยได้เปรียบตรงที่น่าจะเป็นประเทศเดียวที่มีการปลูกข้าวอินทรีย์ หรือทำข้าวออแกนิค รวมทั้งการเบลนด์ข้าวสายพันธุ์ต่างๆ เข้าด้วยกันเพราะคนไทยกินข้าวเก่งที่สุดในโลก และเลือกชนิดข้าวที่เหมาะกับตัวเองตลอดเวลา ดังนั้นมาบุญครองเริ่มทำข้าวเพื่อสุขภาพตามสไตล์ของผู้บริโภคในหลายรูปแบบ
ทั้งข้าว 100% ข้าวเบลนด์กับธัญพืช ข้าวเบลนด์กับข้าวหลายๆชนิด ข้าวเบลนด์กับธัญพืชที่มีคุณค่ามากขึ้น เช่นคีนัว เมล็ดเชีย เพราะเราต้องหาซิกเนเจอร์ของเรา ข้าวเพื่อสุขภาพเราเป็นเจ้าแรกที่ทำ และคาดว่าตลาดน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นและเราก็ครองตลาดมากที่สุด เพราะฉะนั้นปีนี้เราก็อยากจะขยายตลาดให้โตขึ้นอีก”
ในส่วนของการปรับราคาข้าว มาบุญครองยังคงล็อคราคาข้าวถุงตลอดทั้งปีนี้ โดยราคาข้าวสุขภาพเช่น ไรซ์เบอรี่ยังตรึงราคาอยู่ที่ระดับกิโลกรัมละ 70-80บาท/กก. ส่วนข้าวอินทรีย์ราคา 80-90 บาท/กก. ข้าวขาวหอมมะลิประมาณ 40 บาท/กก. ส่วนข้าวหอมทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 25 บาท/กก.และข้าวขาว 20 บาท/กก.