เราจบปริญญาตรีค่ะ
แต่ช่วงโควิดไม่ได้ทำงานประจำ เพราะมีงานเสริมเป็นการแต่งนิยายอยู่บ้านค่ะ (รายได้ค่อนข้างดี) ก็เลยทำงานที่บ้านมาตลอด แต่ช่วงนี้รายได้ลดเลยต้องหางานประจำทำ แต่แถวบ้านเราเป็นต่างจังหวัดค่ะ งานใกล้บ้านที่เป็นงานออฟฟิตจะหายากกว่าในกรุงเทพมากๆ เราเลยได้งานเป็นแคชเชียร์ในร้านอาหารใกล้บ้านแห่งหนึ่งค่ะ
ข้อดี
- ใกล้บ้านมาก แค่ 1 ก.ม. ขับรถไป-กลับสบายๆ ค่าน้ำมันก็แทบไม่เปลืองเลยค่ะ เวลาเดินทางใช้เวลา 5 นาที
- อาหารฟรี 2 มื้อ
- เจ้านายใจดี เอ็นดูเรามาก ขออะไรก็ให้หมด
- เรารู้สึกผูกพันกับที่นี่มากค่ะ เพราะเจ้านายใจดีจริงๆ อยู่กันแบบสบายๆ ไม่กดดัน
- เวลาว่างเยอะ ลูกค้าจะยุ่งแค่ช่วง 12.00 - 15.00 น. และมาอีกทีตอนเย็น 19.00 - 20.00 น.
ข้อเสีย
- เงินเดือน 12,000 บาท
- เป็นพนักงานรายวัน ได้วันละ 400 แต่จ่ายเงินเป็นรายเดือน ถ้าหยุด 1 วันก็โดนหักเงิน 400 ถ้าทำงานวันนักขัตฤกษ์ก็ไม่ได้ค่าแรงเพิ่ม
- ทำงาน 10 ชม. ตั้งแต่ 11.00 น. - 21.00 น.
- ได้หยุดแค่วัน พุธ วันเดียว วันนักขัตฤกษ์ไม่ได้หยุด แถมเหนื่อยกว่าเดิมเพราะลูกค้าเข้าร้านเยอะ (อย่างปีใหม่ ตรุษจีนนี่เหนื่อยมากค่ะ)
- ไม่มีเวลาพัก 1 ชม. ชัดเจน เพราะต้องกินข้าวเร็วๆ แล้วรีบไปทำงาน เพราะเราทำหน้าที่แคชเชียร์คนเดียวไม่มีใครสลับด้วยค่ะ
- งานจับฉ่าย เจ้านายเห็นเราจบปริญญาตรี ทำนั่นทำนี่ได้ก็ป้อนงานเพิ่มบ้าง แต่เราก็ยินดีช่วยเพราะงานไม่ได้ยากมาก แค่มันจับฉ่ายทำเยอะไปหมดน่ะค่ะ แม้กระทั่งห้องที่เราทำงานอยู่คนเดียว เราก็ต้องกวาดห้อง ถูพื้น เช็ดกระจกเอง เพราะแม่บ้านมีคนเดียว และแม่บ้านก็ไปช่วยในครัวทำให้ไม่ยอมมาทำความสะอาดห้องที่เราทำงานให้ค่ะ
- สังคมการทำงานไม่ดี คือเจ้านายกับ เด็กเสริฟน่ะดีมากค่ะ แต่คนในครัว+แม่บ้านไม่ดีเลยค่ะ toxic มากจริงๆ แล้วห้องเราติดกับครัว ได้ยินคำด่าตะโกนทุกวัน ในครัวก็ขี้อิจฉามาก เห็นเด็กใหม่นั่งสบายไม่ได้ เราก็จะถูกเพ่งเล็งตลอดเวลา โดนก้าวก่ายหน้าที่ นั่งพักไม่ได้เลย ต้องไปฟ้องเจ้านายว่าเราอยู่สบายเกินไป เจ้านายก็ใจดีเกินไปคุมคนไม่ได้ และเจ้านายยังต้องง้อพ่อครัว ก็จะมาป้อนงานเราเพิ่ม เพื่อตัดปัญหาให้เราไม่ถูกคนในครัวว่าว่าอยู่สบายเกินไป ขนาดเจ้านายติดแอร์ให้เรา เพราะห้องที่เราอยู่ร้อนอบอ้าวมาก เรายังเปิดแอร์ทุกวันไม่ได้เลยค่ะ เพราะคนในครัวจะแซะมาแล้วว่าอยู่ห้องแอร์สบาย บลาๆๆ
- เหตุผลที่เราตัดสินใจลาออก เพราะไอ้ข้อเสียข้อสุดท้ายนี่แหละค่ะ คนในครัวจะ toxic ยังไงเราทนได้ค่ะ แต่ที่ทนไม่ได้คือเจ้านายรู้ว่าเราทำงานตลอด ไม่ได้นั่งสบายเลย แต่เจ้านายก็ยังเพิ่มงานให้เราตามที่คนในครัวบอก ไม่ได้ปกป้องเรา เพราะเจ้านายเราเค้าไม่ใช่สายปะทะน่ะค่ะ พูดง่ายๆ คือ ยังต้องง้อคนในครัว ไอ้เราที่ทำงานแทบตาย เป็นทั้งแคชเชียร์+เลขา+ธุรการ เรื่องส่วนตัวของเจ้านายอย่างจ่ายบิลค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต เรายังทำให้ แต่เจ้านายก็ไม่ปกป้องเราเลย บอกให้เราอดทน เป็นการฝึกจิตอย่างเดียว
หลังจากวันนั้น โชคดีที่มีบริษัทหนึ่งติดต่อมาพอดี เป็นพนักงานประจำวุฒิ ป.ตรี ค่ะ ด้วยความที่เราน้อยใจเจ้าของร้านเลยขอออกวันนั้นเลยค่ะ (ก่อนหน้านี้มีบริษัทอื่นติดต่อเข้ามาแต่เราปฏิเสธหมด เพราะเรารู้สึกผูกพันกับที่ร้านนี้มาก และใกล้บ้าน งานก็ไม่หนักด้วย (ุถ้าไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ นักขัตฤกษ์)
ที่ใหม่ (ยังไม่เริ่มงานนะคะ)
- เงินเดือน 17,000 บาท
- ทำงาน 8 ชม. 8.00 - 17.00 น. หยุดเสาร์-อาทิตย์
- งานห้องแอร์ ทำบัญชี-ธุรการ พี่เค้าบอกว่างานสบาย (เราได้ไปดูออฟฟิตแล้วคิดว่างานน่าจะสบายจริงๆ ค่ะ)
- บริษัทเล็ก มีไม่กี่คน ในห้องทำงานเรามีอยู่ 2 คน คือเรา กับหัวหน้าอีก 1 คน โอกาสที่จะปวดหัวเรื่องคนจะน้อยกว่าที่เก่า
- ไกลบ้าน ไป 20 กิโล กลับ 20 กิโล ต้องฝ่ารถติด เราลองขับรถดูแล้วใช้เวลา 1 ชม. ในการเดินทางขาไปค่ะ ขากลับยังไม่ได้ลอง
ที่ใหม่เราจะเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้เราเลยลองขับรถไปที่ทำงานในชั่วโมงเร่งด่วนดู บอกตามตรงว่าเริ่มลังเลค่ะ เพราะที่เก่าใช้เวลา 5 นาทีก็ถึง ขับรถสบาย ค่าน้ำมันก็ไม่แพงด้วยค่ะ ข้าวก็ฟรี 2 มื้อ ถึงจะทำงาน 10 ชม. แต่ก็แลกกับเวลาเดินทางที่น้อยลง หักลบแล้วก็พอๆ กับที่ใหม่เลยค่ะ ส่วนเงินเดือนถ้าเอามาหักกับค่าน้ำมัน ค่ากิน ก็อาจจะได้เท่า 12,000 แบบที่แรกก็ได้ ข้อดีของที่ใหม่ที่เด่นชัดคือ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี่แหละค่ะ แต่ส่วนอื่นเรารู้สึกว่าจะคุ้มกับการต้องขับรถเหนื่อยไหมเนี่ย นี่เราตัดสินใจผิดพลาดหรือเปล่า เริ่มเครียดค่ะ
*ต้องบอกก่อนว่า เราไม่ได้แคร์ว่าหน้าที่การงานต้องก้าวหน้า เพราะเรากะจะทำงานประจำแค่ 2 ปี แค่ผ่อนรถหมดพอค่ะ หลังจากนั้นเราจะลาออกมาเขียนนิยายที่บ้านเหมือนเดิมอยู่แล้ว ที่ต้องมาหางานประจำ เพราะค่าใช้จ่ายไม่พอค่าผ่อนรถเฉยๆ ถ้าหมดแล้วเราก็ออก ณ ตอนนี้เรายังนอนคิดถึงที่ทำงานเก่าอยู่เลยค่ะเพราะเจ้านายเค้าดีกับเรามากจริงๆ เสียแต่เพื่อนร่วมงานนี่แหละค่ะที่ทำเราเครียดจนเหนื่อย และเจ้านายก็ไม่มีอำนาจอะไรเลย*
เพื่อนๆ ว่าเราควรจะกลับไปทำที่เก่าดีไหมคะ ถ้าลองขอร้องดูเจ้าของร้านอาจจะให้กลับไปทำ เพราะเค้าบอกว่าเราทำงานดี ไม่อยากเสียเราไปค่ะ แต่ก็กลัวอนาคตว่าจะต้องอดทนเสียสุขภาพจิตกับเพื่อนร่วมงาน สังคมเค้าจะอีกแบบกับ ป.ตรีเลยค่ะ มีทั้งขี้อิจฉา ขโมย ขี้ฟ้อง บลาๆ แต่เจ้านายก็ไล่ออกไม่ได้เพราะยังต้องง้อพ่อครัว เราลังเลมากเลยค่ะ
เครียดเรื่องการเปลี่ยนงาน ไม่รู้คิดถูกหรือเปล่าที่ลาออกค่ะ
แต่ช่วงโควิดไม่ได้ทำงานประจำ เพราะมีงานเสริมเป็นการแต่งนิยายอยู่บ้านค่ะ (รายได้ค่อนข้างดี) ก็เลยทำงานที่บ้านมาตลอด แต่ช่วงนี้รายได้ลดเลยต้องหางานประจำทำ แต่แถวบ้านเราเป็นต่างจังหวัดค่ะ งานใกล้บ้านที่เป็นงานออฟฟิตจะหายากกว่าในกรุงเทพมากๆ เราเลยได้งานเป็นแคชเชียร์ในร้านอาหารใกล้บ้านแห่งหนึ่งค่ะ
ข้อดี
- ใกล้บ้านมาก แค่ 1 ก.ม. ขับรถไป-กลับสบายๆ ค่าน้ำมันก็แทบไม่เปลืองเลยค่ะ เวลาเดินทางใช้เวลา 5 นาที
- อาหารฟรี 2 มื้อ
- เจ้านายใจดี เอ็นดูเรามาก ขออะไรก็ให้หมด
- เรารู้สึกผูกพันกับที่นี่มากค่ะ เพราะเจ้านายใจดีจริงๆ อยู่กันแบบสบายๆ ไม่กดดัน
- เวลาว่างเยอะ ลูกค้าจะยุ่งแค่ช่วง 12.00 - 15.00 น. และมาอีกทีตอนเย็น 19.00 - 20.00 น.
ข้อเสีย
- เงินเดือน 12,000 บาท
- เป็นพนักงานรายวัน ได้วันละ 400 แต่จ่ายเงินเป็นรายเดือน ถ้าหยุด 1 วันก็โดนหักเงิน 400 ถ้าทำงานวันนักขัตฤกษ์ก็ไม่ได้ค่าแรงเพิ่ม
- ทำงาน 10 ชม. ตั้งแต่ 11.00 น. - 21.00 น.
- ได้หยุดแค่วัน พุธ วันเดียว วันนักขัตฤกษ์ไม่ได้หยุด แถมเหนื่อยกว่าเดิมเพราะลูกค้าเข้าร้านเยอะ (อย่างปีใหม่ ตรุษจีนนี่เหนื่อยมากค่ะ)
- ไม่มีเวลาพัก 1 ชม. ชัดเจน เพราะต้องกินข้าวเร็วๆ แล้วรีบไปทำงาน เพราะเราทำหน้าที่แคชเชียร์คนเดียวไม่มีใครสลับด้วยค่ะ
- งานจับฉ่าย เจ้านายเห็นเราจบปริญญาตรี ทำนั่นทำนี่ได้ก็ป้อนงานเพิ่มบ้าง แต่เราก็ยินดีช่วยเพราะงานไม่ได้ยากมาก แค่มันจับฉ่ายทำเยอะไปหมดน่ะค่ะ แม้กระทั่งห้องที่เราทำงานอยู่คนเดียว เราก็ต้องกวาดห้อง ถูพื้น เช็ดกระจกเอง เพราะแม่บ้านมีคนเดียว และแม่บ้านก็ไปช่วยในครัวทำให้ไม่ยอมมาทำความสะอาดห้องที่เราทำงานให้ค่ะ
- สังคมการทำงานไม่ดี คือเจ้านายกับ เด็กเสริฟน่ะดีมากค่ะ แต่คนในครัว+แม่บ้านไม่ดีเลยค่ะ toxic มากจริงๆ แล้วห้องเราติดกับครัว ได้ยินคำด่าตะโกนทุกวัน ในครัวก็ขี้อิจฉามาก เห็นเด็กใหม่นั่งสบายไม่ได้ เราก็จะถูกเพ่งเล็งตลอดเวลา โดนก้าวก่ายหน้าที่ นั่งพักไม่ได้เลย ต้องไปฟ้องเจ้านายว่าเราอยู่สบายเกินไป เจ้านายก็ใจดีเกินไปคุมคนไม่ได้ และเจ้านายยังต้องง้อพ่อครัว ก็จะมาป้อนงานเราเพิ่ม เพื่อตัดปัญหาให้เราไม่ถูกคนในครัวว่าว่าอยู่สบายเกินไป ขนาดเจ้านายติดแอร์ให้เรา เพราะห้องที่เราอยู่ร้อนอบอ้าวมาก เรายังเปิดแอร์ทุกวันไม่ได้เลยค่ะ เพราะคนในครัวจะแซะมาแล้วว่าอยู่ห้องแอร์สบาย บลาๆๆ
- เหตุผลที่เราตัดสินใจลาออก เพราะไอ้ข้อเสียข้อสุดท้ายนี่แหละค่ะ คนในครัวจะ toxic ยังไงเราทนได้ค่ะ แต่ที่ทนไม่ได้คือเจ้านายรู้ว่าเราทำงานตลอด ไม่ได้นั่งสบายเลย แต่เจ้านายก็ยังเพิ่มงานให้เราตามที่คนในครัวบอก ไม่ได้ปกป้องเรา เพราะเจ้านายเราเค้าไม่ใช่สายปะทะน่ะค่ะ พูดง่ายๆ คือ ยังต้องง้อคนในครัว ไอ้เราที่ทำงานแทบตาย เป็นทั้งแคชเชียร์+เลขา+ธุรการ เรื่องส่วนตัวของเจ้านายอย่างจ่ายบิลค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต เรายังทำให้ แต่เจ้านายก็ไม่ปกป้องเราเลย บอกให้เราอดทน เป็นการฝึกจิตอย่างเดียว
หลังจากวันนั้น โชคดีที่มีบริษัทหนึ่งติดต่อมาพอดี เป็นพนักงานประจำวุฒิ ป.ตรี ค่ะ ด้วยความที่เราน้อยใจเจ้าของร้านเลยขอออกวันนั้นเลยค่ะ (ก่อนหน้านี้มีบริษัทอื่นติดต่อเข้ามาแต่เราปฏิเสธหมด เพราะเรารู้สึกผูกพันกับที่ร้านนี้มาก และใกล้บ้าน งานก็ไม่หนักด้วย (ุถ้าไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ นักขัตฤกษ์)
ที่ใหม่ (ยังไม่เริ่มงานนะคะ)
- เงินเดือน 17,000 บาท
- ทำงาน 8 ชม. 8.00 - 17.00 น. หยุดเสาร์-อาทิตย์
- งานห้องแอร์ ทำบัญชี-ธุรการ พี่เค้าบอกว่างานสบาย (เราได้ไปดูออฟฟิตแล้วคิดว่างานน่าจะสบายจริงๆ ค่ะ)
- บริษัทเล็ก มีไม่กี่คน ในห้องทำงานเรามีอยู่ 2 คน คือเรา กับหัวหน้าอีก 1 คน โอกาสที่จะปวดหัวเรื่องคนจะน้อยกว่าที่เก่า
- ไกลบ้าน ไป 20 กิโล กลับ 20 กิโล ต้องฝ่ารถติด เราลองขับรถดูแล้วใช้เวลา 1 ชม. ในการเดินทางขาไปค่ะ ขากลับยังไม่ได้ลอง
ที่ใหม่เราจะเริ่มงานพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้เราเลยลองขับรถไปที่ทำงานในชั่วโมงเร่งด่วนดู บอกตามตรงว่าเริ่มลังเลค่ะ เพราะที่เก่าใช้เวลา 5 นาทีก็ถึง ขับรถสบาย ค่าน้ำมันก็ไม่แพงด้วยค่ะ ข้าวก็ฟรี 2 มื้อ ถึงจะทำงาน 10 ชม. แต่ก็แลกกับเวลาเดินทางที่น้อยลง หักลบแล้วก็พอๆ กับที่ใหม่เลยค่ะ ส่วนเงินเดือนถ้าเอามาหักกับค่าน้ำมัน ค่ากิน ก็อาจจะได้เท่า 12,000 แบบที่แรกก็ได้ ข้อดีของที่ใหม่ที่เด่นชัดคือ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี่แหละค่ะ แต่ส่วนอื่นเรารู้สึกว่าจะคุ้มกับการต้องขับรถเหนื่อยไหมเนี่ย นี่เราตัดสินใจผิดพลาดหรือเปล่า เริ่มเครียดค่ะ
*ต้องบอกก่อนว่า เราไม่ได้แคร์ว่าหน้าที่การงานต้องก้าวหน้า เพราะเรากะจะทำงานประจำแค่ 2 ปี แค่ผ่อนรถหมดพอค่ะ หลังจากนั้นเราจะลาออกมาเขียนนิยายที่บ้านเหมือนเดิมอยู่แล้ว ที่ต้องมาหางานประจำ เพราะค่าใช้จ่ายไม่พอค่าผ่อนรถเฉยๆ ถ้าหมดแล้วเราก็ออก ณ ตอนนี้เรายังนอนคิดถึงที่ทำงานเก่าอยู่เลยค่ะเพราะเจ้านายเค้าดีกับเรามากจริงๆ เสียแต่เพื่อนร่วมงานนี่แหละค่ะที่ทำเราเครียดจนเหนื่อย และเจ้านายก็ไม่มีอำนาจอะไรเลย*
เพื่อนๆ ว่าเราควรจะกลับไปทำที่เก่าดีไหมคะ ถ้าลองขอร้องดูเจ้าของร้านอาจจะให้กลับไปทำ เพราะเค้าบอกว่าเราทำงานดี ไม่อยากเสียเราไปค่ะ แต่ก็กลัวอนาคตว่าจะต้องอดทนเสียสุขภาพจิตกับเพื่อนร่วมงาน สังคมเค้าจะอีกแบบกับ ป.ตรีเลยค่ะ มีทั้งขี้อิจฉา ขโมย ขี้ฟ้อง บลาๆ แต่เจ้านายก็ไล่ออกไม่ได้เพราะยังต้องง้อพ่อครัว เราลังเลมากเลยค่ะ