'ชูวิทย์'ชี้จุดเปลี่ยน'คดีตู้ห่าว' ถึงวันนี้ใกล้เป้าหมายแล้ว
12 ม.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังคงเดินหน้าเขย่าคดีแก๊งนายทุนจีนสีเทา"ตู้ห่าว" ล่าสุดได้โพสต์ในประเด็น“จุดเปลี่ยน คดีตู้ห่าว” โดยระบุว่า หลังจากประชาชนอย่างผมได้โอกาสพบนายกฯ ประยุทธ์เพียง 3 วัน เรื่องราวจีนเทาก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ
ผบ.ตร. ที่ดูเหมือนภายนอกอ่อน เริ่มแข็งเด้งรับทันควัน ตั้งแต่สั่งคดีฟอกเงินกับ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ภรรยาของตู้ห่าว และให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ส่วนคดีที่เรียกรับสินบน มีตำรวจ 5 นาย เป็นผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น. 6 พร้อมพลขับ, รอง ผกก.จราจร สน.ลาดพร้าว, พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา อีก 2 นาย ได้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และส่งสำนวนการดำเนินคดีไปที่ ป.ป.ช. ขณะที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็มีคำสั่งให้ ตำรวจทั้ง 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน
ส่วนเรื่องหลานนายกฯ ประยุทธ์ ไปพัวพันกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว ผบ.ตร สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อมูลจาก ป.ป.ส. รถที่หลานนายกฯ ไปทำธุรกรรมเช่าซื้อกับตู้ห่าวมี 33 คัน กำลังประสานข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนคดีจินหลิง ผบ.ตร. ยืนยันว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร กระทำการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
มีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพเคยเตือนผมแล้วว่า ระบบราชการไทยนั้น หากต้องการให้ได้ผลแน่นอน ต้องไปที่จุดสูงสุดขององคาพยพหน่วยงานรัฐ คือ นายกรัฐมนตรี
ตอนนั้นผมได้แต่นึกในใจว่า ประชาชนอย่างผมจะไปพบนายกฯ ประยุทธ์ได้ด้วยวิธีไหน? ผมจึงไปนั่งอยู่ข้างถนนจนนายกฯ ให้เข้าพบ หลังจากนั้นทุกอย่างมันเดินหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 3 วัน นับจากวันจันทร์ที่ 9 มาถึงวันนี้ พฤหัสที่ 12 เท่านั้น
ใครจะว่า ผมยังไงก็ช่าง “ชูวิทย์จะหาทางลง ชูวิทย์เปลี่ยนไป ชูวิทย์ถูกนายกฯ เป่ากระหม่อม” ผมไม่ได้โกธร เพราะคนอย่างผมไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่คิดเล่นการเมือง ไม่ได้หวังเติบโตใดๆ
แต่ผมได้พูดประโยคหนึ่งที่ทำให้นายกฯ เข้าใจ “ท่านควรสั่งการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะท่านเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว และสิ่งนี้จะพิสูจน์ถึงความจริงว่าท่านได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา”
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ชูวิทย์ได้พิสูจน์ในนามประชาชนว่า ผมทำได้ดีที่สุดแล้ว ต่อแต่นี้ไปถึงตา “ผู้แทน” ปวงชนชาวไทยได้ทำงาน เพราะกินเงินเดือนภาษีอากร เสนอตัวรับใช้ประชาชน เรื่อง “จีนเทา” จึงดำเนินการไปสู่สภา ล้มกระดานนับ 1 ใหม่ เป็นเป้าหมายที่ผมว่าไว้ตั้งแต่ต้น ถึงวันนี้ใกล้เป้าหมายแล้ว
https://www.naewna.com/local/703906
ดร.วิรไท สันติประภพ
Veerathai@post.harvard.edu
ผมเขียนบทความนี้ไม่ใช่ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ แต่เขียนในฐานะคนไทยที่กังวลว่า จริยธรรมของผู้มีอำนาจรัฐและของสังคมไทยกำลังไหลลงรวดเร็ว และถ้าเราปล่อยไหลลงไปเรื่อยๆ แล้ว ผมสงสัยว่าสังคมไทยจะอยู่อย่างไรในอนาคต
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเวลานี้ คงหนีไม่พ้นกรณีการขายข้าวของรัฐบาลแบบ G to G หรือแบบ (ที่ทำให้เชื่อว่า) เป็นการขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ ในวันนี้รัฐบาลมีข้าวที่ซื้อจากชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวมาอยู่ในความดูแลของรัฐแล้วเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาท และในปีใหม่นี้ก็จะเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาทเช่นกัน นักเศรษฐศาสตร์และผู้รู้เรื่องข้าว ได้ชี้ให้เห็นผลเสียของโครงการนี้มาตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดความเสียหายมากมาย โดยเฉพาะโอกาสที่จะรั่วไหลได้ง่ายในทุกขั้นตอน
ผมพยายามฟังฝ่ายรัฐบาลชี้แจงแล้วหงุดหงิดว่า ทำไมผู้มีอำนาจรัฐในประเทศไทยไม่พูดอะไรตรงๆ
คำอธิบายของรัฐบาลส่วนใหญ่อาจอุปมาได้เหมือนกับกรณีที่เด็กถูกกล่าวหาด้วยหลักฐานแน่นหนาว่าขโมยของเพื่อนและโกงข้อสอบ แต่เด็กกลับตอบว่า หนูไม่ทำเด็ดขาดเพราะหนูใส่กระโปรงถูกระเบียบมาโรงเรียนทุกวัน
ถ้าผู้มีอำนาจรัฐคิดว่าจะเอาตัวรอดได้ด้วยวิธีแบบนี้แล้ว เราคงต้องกังวลมากขึ้นไปอีก เพราะเท่ากับรัฐบาลเชื่อว่าวิจารณญาณของประชาชนต่ำมาก ไม่สามารถติดตามหาข้อเท็จจริงและวิเคราะห์พิจารณาได้ด้วยตนเอง
ผมคาดเดาไม่ถูกว่า กรณีการขายข้าวแบบ G to G นี้จะจบลงอย่างไร แต่ถ้าพิสูจน์แล้วปรากฏว่าผู้มีอำนาจรัฐทั้งโกหกทั้งโกงจริง แต่ยังคงบริหารประเทศต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นิสัยขี้โกหกและขี้โกงของผู้มีอำนาจรัฐอาจทำให้ประเทศไทยเจ๊งกับเจ๊งได้เร็วกว่าที่คิด
https://thaipublica.org/2012/12/g-to-g-and-lie-to-cheat/
นายกฯลุงตู่คือผู้นำคนเดียวที่จะสู้กับพวกทุจริตผิดกฎหมายได้
ท่านต้องใช้ความดีของท่านสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ท่านไม่มีแผลให้สะกิด
ตำรวจมะเขือเทศ ทหารแตงโมยังมี นักการเมืองอิทธิพลยังอยู่ ต้องเข้าใจท่านบ้าง คดีอาจช้าได้เร็วได้ แต่มีจุดหมายปลายทาง
ชูวิทย์ก็ได้พิสูจน์การทำงานและคำพูดของนายกฯลุงตู่แล้ว
ยังพอใจ
สมัยยล.ใครพูดก็ไม่ฟังอ้างแต่นโยบายดีทั้งๆที่มีการโกง รู้เห็นกันไปทั่ว
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลาเวลาพิสูจน์คน
ผู้นำอย่างลุงตู่ หาได้ยากมากเป็นที่ต้องการของประเทศไทยในปัจจุบันนี้อย่างยิ่งค่ะ
❄️มาลาริน❄️ชูวิทย์พอใจการทำงานของนายกฯลุงตู่ตรงไปตรงมา..ชี้'คดีตู้ห่าว'วันนี้ใกล้เป้าหมายแล้ว/สมัยยล.ไม่เคยตรงไปตรงมา
12 ม.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังคงเดินหน้าเขย่าคดีแก๊งนายทุนจีนสีเทา"ตู้ห่าว" ล่าสุดได้โพสต์ในประเด็น“จุดเปลี่ยน คดีตู้ห่าว” โดยระบุว่า หลังจากประชาชนอย่างผมได้โอกาสพบนายกฯ ประยุทธ์เพียง 3 วัน เรื่องราวจีนเทาก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ
ผบ.ตร. ที่ดูเหมือนภายนอกอ่อน เริ่มแข็งเด้งรับทันควัน ตั้งแต่สั่งคดีฟอกเงินกับ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ภรรยาของตู้ห่าว และให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ส่วนคดีที่เรียกรับสินบน มีตำรวจ 5 นาย เป็นผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น. 6 พร้อมพลขับ, รอง ผกก.จราจร สน.ลาดพร้าว, พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา อีก 2 นาย ได้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และส่งสำนวนการดำเนินคดีไปที่ ป.ป.ช. ขณะที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็มีคำสั่งให้ ตำรวจทั้ง 5 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน
ส่วนเรื่องหลานนายกฯ ประยุทธ์ ไปพัวพันกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว ผบ.ตร สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อมูลจาก ป.ป.ส. รถที่หลานนายกฯ ไปทำธุรกรรมเช่าซื้อกับตู้ห่าวมี 33 คัน กำลังประสานข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนคดีจินหลิง ผบ.ตร. ยืนยันว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร กระทำการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
มีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพเคยเตือนผมแล้วว่า ระบบราชการไทยนั้น หากต้องการให้ได้ผลแน่นอน ต้องไปที่จุดสูงสุดขององคาพยพหน่วยงานรัฐ คือ นายกรัฐมนตรี
ตอนนั้นผมได้แต่นึกในใจว่า ประชาชนอย่างผมจะไปพบนายกฯ ประยุทธ์ได้ด้วยวิธีไหน? ผมจึงไปนั่งอยู่ข้างถนนจนนายกฯ ให้เข้าพบ หลังจากนั้นทุกอย่างมันเดินหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 3 วัน นับจากวันจันทร์ที่ 9 มาถึงวันนี้ พฤหัสที่ 12 เท่านั้น
ใครจะว่า ผมยังไงก็ช่าง “ชูวิทย์จะหาทางลง ชูวิทย์เปลี่ยนไป ชูวิทย์ถูกนายกฯ เป่ากระหม่อม” ผมไม่ได้โกธร เพราะคนอย่างผมไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่คิดเล่นการเมือง ไม่ได้หวังเติบโตใดๆ
แต่ผมได้พูดประโยคหนึ่งที่ทำให้นายกฯ เข้าใจ “ท่านควรสั่งการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะท่านเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว และสิ่งนี้จะพิสูจน์ถึงความจริงว่าท่านได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา”
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ชูวิทย์ได้พิสูจน์ในนามประชาชนว่า ผมทำได้ดีที่สุดแล้ว ต่อแต่นี้ไปถึงตา “ผู้แทน” ปวงชนชาวไทยได้ทำงาน เพราะกินเงินเดือนภาษีอากร เสนอตัวรับใช้ประชาชน เรื่อง “จีนเทา” จึงดำเนินการไปสู่สภา ล้มกระดานนับ 1 ใหม่ เป็นเป้าหมายที่ผมว่าไว้ตั้งแต่ต้น ถึงวันนี้ใกล้เป้าหมายแล้ว
https://www.naewna.com/local/703906
ดร.วิรไท สันติประภพ
Veerathai@post.harvard.edu
ผมเขียนบทความนี้ไม่ใช่ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ แต่เขียนในฐานะคนไทยที่กังวลว่า จริยธรรมของผู้มีอำนาจรัฐและของสังคมไทยกำลังไหลลงรวดเร็ว และถ้าเราปล่อยไหลลงไปเรื่อยๆ แล้ว ผมสงสัยว่าสังคมไทยจะอยู่อย่างไรในอนาคต
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเวลานี้ คงหนีไม่พ้นกรณีการขายข้าวของรัฐบาลแบบ G to G หรือแบบ (ที่ทำให้เชื่อว่า) เป็นการขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ ในวันนี้รัฐบาลมีข้าวที่ซื้อจากชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวมาอยู่ในความดูแลของรัฐแล้วเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาท และในปีใหม่นี้ก็จะเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาทเช่นกัน นักเศรษฐศาสตร์และผู้รู้เรื่องข้าว ได้ชี้ให้เห็นผลเสียของโครงการนี้มาตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดความเสียหายมากมาย โดยเฉพาะโอกาสที่จะรั่วไหลได้ง่ายในทุกขั้นตอน
ผมพยายามฟังฝ่ายรัฐบาลชี้แจงแล้วหงุดหงิดว่า ทำไมผู้มีอำนาจรัฐในประเทศไทยไม่พูดอะไรตรงๆ คำอธิบายของรัฐบาลส่วนใหญ่อาจอุปมาได้เหมือนกับกรณีที่เด็กถูกกล่าวหาด้วยหลักฐานแน่นหนาว่าขโมยของเพื่อนและโกงข้อสอบ แต่เด็กกลับตอบว่า หนูไม่ทำเด็ดขาดเพราะหนูใส่กระโปรงถูกระเบียบมาโรงเรียนทุกวัน
https://thaipublica.org/2012/12/g-to-g-and-lie-to-cheat/