(ความทะยานอยาก)
คาถาธรรมบท:-
ตัณหาย่อมเจริญแก่มนุษย์ผู้ประพฤติประมาท (หมายถึงผู้มีความเป็นอยู่ด้วยความประมาท ปราศจากสติ ไม่เจริญฌาน วิปัสสนา มรรค และผล (ขุ.ธ.อ. ๘/๖) .
ดุจเคลือเถาย่านทราย
ฉะนั้น บุคคลนั้นย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยใหญ่ ดังวานรที่ปรารถนาผลไม้
เที่ยวเร่ร่อนไปมาในป่า ฉะนั้น ตัณหานี้ลามกซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลก
ย่อมครอบงำบุคคลใดความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ดุจ
หญ้าคมบางอันฝนตกเชยแล้วงอกงามอยู่ในป่า ฉะนั้น บุคคลใดแล
ย่อมครอบงำตัณหาอันลามก ล่วงไปได้โดยยากในโลกความโศก
ทั้งหลายย่อมตกไปจากบุคคลนั้น เหมือนหยาดน้ำกลิ้งตกไปจากใบบัว
ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น เราจึงขอเตือนท่านทั้งหลายผู้มาประชุมกันในที่นี้ จงมีความเจริญ
ขอท่านทั้งหลายจงขุดรากเหง้าแห่งตัณหาเสีย (ด้วยญาณอันสัมปยุตด้วยอรหัตตมรรค (ขุ.ธ.อ. ๘/๗).
ดุจบุรุษต้องการหญ้าแฝกขุดหญ้าแฝก
ฉะนั้นมารอย่าระรานท่านทั้งหลายอยู่รำ่ไป ดุจกระแสน้ำระรานไม้อ้อ
ฉะนั้น ต้นไม้ เมื่อรากหาอันตรายมิได้ มั่นคงอยู่ แม้ถูกตัดแล้วก็
กลับงอกขึ้นได้ ฉันใด ทุกข์นี้ เมื่อบุคคลยังถอนเชื้อตัณหาขึ้นไม่ได้
แล้ว ย่อมเกิดขึ้นเรื่อย ๆ แม้ฉันนั้นความดำริทั้งหลายที่อาศัยราคะ
เป็นของใหญ่ ย่อมนำบุคคลผู้มีตัณหาดังกระแส ๓๖ สาย๑- อันไหลไปในอารมณ์อันน่าพอใจ
ซึ่งทำให้ใจเอิบอาบ เป็นของกล้า ไปสู่ทิฐิชั่ว กระแสตัณหาย่อม
ไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง ตัณหาดังเครือเถาวัลย์เกิดขึ้นแล้วย่อมตั้งอยู่ ก็
ท่านทั้งหลายเห็นตัณหาดังเครือเถาวัลย์นั้นอันเกิดแล้ว จงตัดรากเสียด้วย
ปัญญา โสมนัสที่ซ่านไปแล้วด้วยเสน่หา
และที่เป็นไปกับด้วยความเยื่อใย ย่อมมีแก่สัตว์
สัตว์เหล่านั้นมัวแต่จะแสวงหาความสุข อาศัยความสำราญกันอยู่ นรชนเหล่านั้น
แลเป็นผู้เข้าถึงชาติและชราร่ำไป หมู่สัตว์ถูกตัณหาอันทำความสะดุ้งห้อม
ล้อมแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย ดุจกระต่ายติดแร้วกระสับกระส่ายจึงดิ้นรนอยู่
ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ข้องแล้วด้วยสังโยชน์และกิเลสเป็นเครื่อง
ข้องผูกไว้แน่น ย่อมเข้าถึงทุกข์อยู่ร่ำไปชั่วกาลนาน หมู่สัตว์ถูกตัณหาอันทำความ
สะดุ้งห้อมล้อมแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย ดุจกระต่ายติดแร้วกระสับ
กระส่ายจึงดิ้นรนอยู่ ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น ภิกษุเมื่อหวังวิราคธรรมแก่ตน
พึงบรรเทาตัณหาที่ทำความสะดุ้งเสีย
@๑ ตัณหา ๓๖ สาย ได้แก่ ตัณหา ๓ (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา) อาศัยอายตนะภายใน ๖
@(๓ x ๖ = ๑๘) อาศัยอายตนะภายนอก ๖ (๓ x ๖ = ๑๘) ได้กระแส ๓๖ สายที่ไหลไปในอารมณ์มีรูป
@เป็นต้นที่น่าชอบใจ (ขุ.ธ.อ. ๘/๑๐)
.
ว่าด้วยตัณหา...
คาถาธรรมบท:-
ตัณหาย่อมเจริญแก่มนุษย์ผู้ประพฤติประมาท (หมายถึงผู้มีความเป็นอยู่ด้วยความประมาท ปราศจากสติ ไม่เจริญฌาน วิปัสสนา มรรค และผล (ขุ.ธ.อ. ๘/๖) .
ดุจเคลือเถาย่านทราย
ฉะนั้น บุคคลนั้นย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยใหญ่ ดังวานรที่ปรารถนาผลไม้
เที่ยวเร่ร่อนไปมาในป่า ฉะนั้น ตัณหานี้ลามกซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลก
ย่อมครอบงำบุคคลใดความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ดุจ
หญ้าคมบางอันฝนตกเชยแล้วงอกงามอยู่ในป่า ฉะนั้น บุคคลใดแล
ย่อมครอบงำตัณหาอันลามก ล่วงไปได้โดยยากในโลกความโศก
ทั้งหลายย่อมตกไปจากบุคคลนั้น เหมือนหยาดน้ำกลิ้งตกไปจากใบบัว
ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น เราจึงขอเตือนท่านทั้งหลายผู้มาประชุมกันในที่นี้ จงมีความเจริญ
ขอท่านทั้งหลายจงขุดรากเหง้าแห่งตัณหาเสีย (ด้วยญาณอันสัมปยุตด้วยอรหัตตมรรค (ขุ.ธ.อ. ๘/๗).
ดุจบุรุษต้องการหญ้าแฝกขุดหญ้าแฝก
ฉะนั้นมารอย่าระรานท่านทั้งหลายอยู่รำ่ไป ดุจกระแสน้ำระรานไม้อ้อ
ฉะนั้น ต้นไม้ เมื่อรากหาอันตรายมิได้ มั่นคงอยู่ แม้ถูกตัดแล้วก็
กลับงอกขึ้นได้ ฉันใด ทุกข์นี้ เมื่อบุคคลยังถอนเชื้อตัณหาขึ้นไม่ได้
แล้ว ย่อมเกิดขึ้นเรื่อย ๆ แม้ฉันนั้นความดำริทั้งหลายที่อาศัยราคะ
เป็นของใหญ่ ย่อมนำบุคคลผู้มีตัณหาดังกระแส ๓๖ สาย๑- อันไหลไปในอารมณ์อันน่าพอใจ
ซึ่งทำให้ใจเอิบอาบ เป็นของกล้า ไปสู่ทิฐิชั่ว กระแสตัณหาย่อม
ไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง ตัณหาดังเครือเถาวัลย์เกิดขึ้นแล้วย่อมตั้งอยู่ ก็
ท่านทั้งหลายเห็นตัณหาดังเครือเถาวัลย์นั้นอันเกิดแล้ว จงตัดรากเสียด้วย
ปัญญา โสมนัสที่ซ่านไปแล้วด้วยเสน่หา
และที่เป็นไปกับด้วยความเยื่อใย ย่อมมีแก่สัตว์
สัตว์เหล่านั้นมัวแต่จะแสวงหาความสุข อาศัยความสำราญกันอยู่ นรชนเหล่านั้น
แลเป็นผู้เข้าถึงชาติและชราร่ำไป หมู่สัตว์ถูกตัณหาอันทำความสะดุ้งห้อม
ล้อมแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย ดุจกระต่ายติดแร้วกระสับกระส่ายจึงดิ้นรนอยู่
ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ข้องแล้วด้วยสังโยชน์และกิเลสเป็นเครื่อง
ข้องผูกไว้แน่น ย่อมเข้าถึงทุกข์อยู่ร่ำไปชั่วกาลนาน หมู่สัตว์ถูกตัณหาอันทำความ
สะดุ้งห้อมล้อมแล้ว ย่อมกระสับกระส่าย ดุจกระต่ายติดแร้วกระสับ
กระส่ายจึงดิ้นรนอยู่ ฉะนั้น เพราะเหตุนั้น ภิกษุเมื่อหวังวิราคธรรมแก่ตน
พึงบรรเทาตัณหาที่ทำความสะดุ้งเสีย
@๑ ตัณหา ๓๖ สาย ได้แก่ ตัณหา ๓ (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา) อาศัยอายตนะภายใน ๖
@(๓ x ๖ = ๑๘) อาศัยอายตนะภายนอก ๖ (๓ x ๖ = ๑๘) ได้กระแส ๓๖ สายที่ไหลไปในอารมณ์มีรูป
@เป็นต้นที่น่าชอบใจ (ขุ.ธ.อ. ๘/๑๐)
.