วันหนึ่ง พระองคุลิมาลหลบอยู่ในที่เร้น เสวยวิมุตติสุขอยู่ ท่านเกิดปีติโสมนัส
ได้เปล่งอุทานว่า
"คนที่ประมาทมาก่อน ต่อมาภายหลังไม่ประมาท เขาย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสวได้
ประดุจดวงจันทร์พ้นจากเมฆ ฉะนั้น
คนที่ทำบาปกรรมแล้วปิดกั้นไว้ด้วยกุศล (กุศลในองค์มรรคทำให้บาปกรรมนั้นหยุด
ให้ผล) ย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสวได้ ประดุจดวงจันทร์ที่พ้นจากเมฆ ฉะนั้น
เช่นเดียวกับภิกษุที่ยังหนุ่มแน่น ขวนขวายอยู่ในพระพุทธศาสนา ก็ย่อมทำโลกนี้
ให้สว่างไสวได้ ก็เป็นประดุจดวงจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น
ขอศัตรูทั้งหลายของเราพึงฟังธรรมกถาเถิด ขอศัตรูของเราทั้งหลายจงขวนขวาย
ในพระพุทธศาสนาเถิด ขอมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นศัตรูของเรา จงคบสัตบุรุษผู้ชวนให้ยึดถือ
ธรรมเถิด
ขอศัตรูทั้งหลายของเราจงได้รับความผ่องแผ้ว คือ ขันติ และสรรเสริญความ
ไม่โกรธเถิด ขอจงฟังธรรมตามกาล และจงปฏิบัติตามธรรมนั้นเถิด
ผู้ที่เป็นศัตรูนั้น ไม่ควรเบียดเบียนเราหรือใครๆอื่นเลย ขอให้บรรลุความสงบอย่างยิ่ง
(พระนิพพาน) แล้วรักษาคุ้มครองผู้มีตัณหาและปราศจากตัณหา
ชาวนาที่ต้องการน้ำย่อมชักน้ำไป ช่างศรย่อมดัดศรให้ตรงได้ ช่างถากย่อมถากไม้
(ให้เป็นรูปต่างๆ) ได้ ฉันใด บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตนได้ ฉันนั้น
คนบางพวกย่อมฝึกสัตว์ ด้วยอาชญาบ้าง ด้วยขอบ้าง ด้วยแส้บ้าง เราเป็นผู้ที่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าผู้คงที่ ทรงไม่มีอาชญา ไม่มีศัตรา ฝึกแล้ว
เมื่อก่อนเรามีชื่อว่า อหิงสกะ (ผู้ไม่เบียดเบียน) แต่ยังเบียดเบียน (ผู้อื่น) อยู่ วันนี้
เรามีชื่อตรงความจริง เราำไม่เบียดเบียนใครๆแล้ว
เมื่อก่อนเราเป็นโจรปรากฏชื่อองคุลิมาล เรานั้นเมื่อถูกกิเลสดุจห้วงน้ำใหญ่พัดไปมา
จึงได้ถึงพระุพุทธเจ้าเป็นสรณะ
เมื่อก่อนเรามีมือเปื้อนเลือด ปรากฏชื่อองคุลิมาล ท่านจงดูการที่เราถึงพระพุทธเจ้า
ว่าเป็นสรณะ เราถอนตัณหาอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว
หลังจากทำกรรมอันเป็นเหตุให้ถึงทุคติเช่นนั้นไว้มากแล้ว เราได้รับวิบากกรรม
(หมายถึงการบรรลุมรรคเจตนาหยุดการเกิดในทุคติได้แล้ว) นั้นแล้ว จึงเป็นผู้ไม่มีหนี้
บริโภค (คือ บริโภคอย่างเจ้าของปัจจัย ๔ ไม่เป็นหนี้ก้อนข้าวของญาติโยม เป็น
เนื้อนาบุญที่ดีแล้ว)
พวกคนพาลมีปัญญทรามมัวแต่ประมาท ส่วนนักปราชญ์ทั้งหลายรักษาความไม่
ประมาทเหมือนรักษาทรัพย์อันประเสริฐ ฉะนั้น... "
(ม.ม.ข้อ ๕๓๔, ดู ขุ.เถร.ข้อ ๓๙๒)
" ...การที่เรามาสู่สำนักของพระศาสดา เป็นการมาดีแล้ว มิใช่ว่าเป็นการมาไม่ดี
การที่เราคิดจะบวชในสำนักของพระศาสดานี้ ไม่ใช่เป็นความคิดที่เลวเลย เพราะเป็นการ
เข้าถึงธรรมอันประเสริฐทั้งหลายที่พระศาสดาทรงจำแนกดีแล้ว... เราได้บรรลุวิชชา ๓
ตามลำดับ ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว
แต่ก่อนเราอยู่ในป่า โคนไม้ ภูเขา หรือในถ้ำทุกๆแห่ง มีใจหวาดเสียวเป็นนิตย์
เราเป็นผู้ที่พระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้ว ไม่ให้ตกไปในบ่วง จะยืน เดิน นั่ง นอนก็เป็นสุข
เมื่อก่อนเรามีเชื้อชาติพราหมณ์ มีครรภ์ที่ถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย บัดนี้ เรา
เป็นโอรสของพระสุคตศาสดา ผู้เป็นพระธรรมราชา เราเป็นผู้ปราศจากตัณหาแล้ว ไม่ถือมั่น
คุ้มครองทวาร สำรวมดีแล้ว
เราตัดรากเหง้าของทุกข์ได้แล้ว บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว
เรามีความคุ้นเคยกับพระศาสดา ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระ
อันหนักลงแล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพแล้ว"
(ขุ.เถร.ข้อ ๓๙๒)
ที่มา : ๘๐ พระอรหันต์ ฉบับสมบูรณ์ : พระอรหันต์องค์ที่ ๒๘ พระองคุลิมาลเถระ :
องคุลิมาลอุทาน; รวบรวมและเรียบเรียงโดย อ. ปัญญา ใช้บางยาง
องคุลิมาลอุทาน
ได้เปล่งอุทานว่า
"คนที่ประมาทมาก่อน ต่อมาภายหลังไม่ประมาท เขาย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสวได้
ประดุจดวงจันทร์พ้นจากเมฆ ฉะนั้น
คนที่ทำบาปกรรมแล้วปิดกั้นไว้ด้วยกุศล (กุศลในองค์มรรคทำให้บาปกรรมนั้นหยุด
ให้ผล) ย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสวได้ ประดุจดวงจันทร์ที่พ้นจากเมฆ ฉะนั้น
เช่นเดียวกับภิกษุที่ยังหนุ่มแน่น ขวนขวายอยู่ในพระพุทธศาสนา ก็ย่อมทำโลกนี้
ให้สว่างไสวได้ ก็เป็นประดุจดวงจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น
ขอศัตรูทั้งหลายของเราพึงฟังธรรมกถาเถิด ขอศัตรูของเราทั้งหลายจงขวนขวาย
ในพระพุทธศาสนาเถิด ขอมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นศัตรูของเรา จงคบสัตบุรุษผู้ชวนให้ยึดถือ
ธรรมเถิด
ขอศัตรูทั้งหลายของเราจงได้รับความผ่องแผ้ว คือ ขันติ และสรรเสริญความ
ไม่โกรธเถิด ขอจงฟังธรรมตามกาล และจงปฏิบัติตามธรรมนั้นเถิด
ผู้ที่เป็นศัตรูนั้น ไม่ควรเบียดเบียนเราหรือใครๆอื่นเลย ขอให้บรรลุความสงบอย่างยิ่ง
(พระนิพพาน) แล้วรักษาคุ้มครองผู้มีตัณหาและปราศจากตัณหา
ชาวนาที่ต้องการน้ำย่อมชักน้ำไป ช่างศรย่อมดัดศรให้ตรงได้ ช่างถากย่อมถากไม้
(ให้เป็นรูปต่างๆ) ได้ ฉันใด บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตนได้ ฉันนั้น
คนบางพวกย่อมฝึกสัตว์ ด้วยอาชญาบ้าง ด้วยขอบ้าง ด้วยแส้บ้าง เราเป็นผู้ที่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าผู้คงที่ ทรงไม่มีอาชญา ไม่มีศัตรา ฝึกแล้ว
เมื่อก่อนเรามีชื่อว่า อหิงสกะ (ผู้ไม่เบียดเบียน) แต่ยังเบียดเบียน (ผู้อื่น) อยู่ วันนี้
เรามีชื่อตรงความจริง เราำไม่เบียดเบียนใครๆแล้ว
เมื่อก่อนเราเป็นโจรปรากฏชื่อองคุลิมาล เรานั้นเมื่อถูกกิเลสดุจห้วงน้ำใหญ่พัดไปมา
จึงได้ถึงพระุพุทธเจ้าเป็นสรณะ
เมื่อก่อนเรามีมือเปื้อนเลือด ปรากฏชื่อองคุลิมาล ท่านจงดูการที่เราถึงพระพุทธเจ้า
ว่าเป็นสรณะ เราถอนตัณหาอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว
หลังจากทำกรรมอันเป็นเหตุให้ถึงทุคติเช่นนั้นไว้มากแล้ว เราได้รับวิบากกรรม
(หมายถึงการบรรลุมรรคเจตนาหยุดการเกิดในทุคติได้แล้ว) นั้นแล้ว จึงเป็นผู้ไม่มีหนี้
บริโภค (คือ บริโภคอย่างเจ้าของปัจจัย ๔ ไม่เป็นหนี้ก้อนข้าวของญาติโยม เป็น
เนื้อนาบุญที่ดีแล้ว)
พวกคนพาลมีปัญญทรามมัวแต่ประมาท ส่วนนักปราชญ์ทั้งหลายรักษาความไม่
ประมาทเหมือนรักษาทรัพย์อันประเสริฐ ฉะนั้น... "
(ม.ม.ข้อ ๕๓๔, ดู ขุ.เถร.ข้อ ๓๙๒)
" ...การที่เรามาสู่สำนักของพระศาสดา เป็นการมาดีแล้ว มิใช่ว่าเป็นการมาไม่ดี
การที่เราคิดจะบวชในสำนักของพระศาสดานี้ ไม่ใช่เป็นความคิดที่เลวเลย เพราะเป็นการ
เข้าถึงธรรมอันประเสริฐทั้งหลายที่พระศาสดาทรงจำแนกดีแล้ว... เราได้บรรลุวิชชา ๓
ตามลำดับ ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว
แต่ก่อนเราอยู่ในป่า โคนไม้ ภูเขา หรือในถ้ำทุกๆแห่ง มีใจหวาดเสียวเป็นนิตย์
เราเป็นผู้ที่พระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้ว ไม่ให้ตกไปในบ่วง จะยืน เดิน นั่ง นอนก็เป็นสุข
เมื่อก่อนเรามีเชื้อชาติพราหมณ์ มีครรภ์ที่ถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย บัดนี้ เรา
เป็นโอรสของพระสุคตศาสดา ผู้เป็นพระธรรมราชา เราเป็นผู้ปราศจากตัณหาแล้ว ไม่ถือมั่น
คุ้มครองทวาร สำรวมดีแล้ว
เราตัดรากเหง้าของทุกข์ได้แล้ว บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว
เรามีความคุ้นเคยกับพระศาสดา ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระ
อันหนักลงแล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพแล้ว"
(ขุ.เถร.ข้อ ๓๙๒)
ที่มา : ๘๐ พระอรหันต์ ฉบับสมบูรณ์ : พระอรหันต์องค์ที่ ๒๘ พระองคุลิมาลเถระ :
องคุลิมาลอุทาน; รวบรวมและเรียบเรียงโดย อ. ปัญญา ใช้บางยาง