โลกย่อมเป็นไปเพราะกรรม ...

หมู่สัตว์ ย่อมเป็นไปเพราะกรรม  สัตว์ทั้งหลายมีกรรม
            เป็นเครื่องผูกพัน    เปรียบเหมือนหมุดแห่ง
            รถที่แล่นไปอยู่  ฉะนั้น.
             บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะกรรมอัน
            ประเสริฐนี้   คือ   ตบะ  สัญญมะ  พรหมจรรย์
            และทมะ   กรรมนี้    นำความเป็นพราหมณ์ที่ 
            สูงสุดมาให้.

            แม้ข้ออื่นอีก  พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสไว้ว่า 
                        เพศย่อมเป็นไปเพราะกรรม   สัญญา 
             ย่อมเป็นไปเพราะเพศ    สัตว์ทั้งหลายย่อมลง 
             ความต่างกันเพราะสัญญาว่า นี้เป็นหญิงหรือ 
             เป็นชาย           สัตวโลกย่อมเป็นไปตามกรรม 
             หมู่สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม     สัตว์ทั้งหลาย 
              มีกรรมเป็นเครื่องผูกพัน      ดุจลิ่มสลักเพลารถ 
              ที่ไปอยู่        บุคคลย่อมได้เกียรติ          ได้การ 
             สรรเสริญก็เพราะกรรม         ย่อมได้ความเสื่อม 
              การถูกประหาร             และการจองจำก็เพราะ 
              กรรม           บุคคลรู้ความต่างกันแห่งกรรมนั้น 
             แล้ว      ไฉนเล่าจึงพูดว่ากรรมไม่มีในโลก. 

         ดูก่อนมาณพ  สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน  เป็นทายาทแห่งกรรม 
มีกรรมเป็นกำเนิด  มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์  มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย  กรรมย่อมจำแนก 
สัตว์ทั้งหลายโดยให้เลวและประณีต     บัณฑิตพึงทราบความที่จิตเป็นธรรมชาติ 
วิจิตร  เพราะความวิจิตรด้วยการกระทำดังพรรณนามาฉะนี้. 

         จริงอยู่    ความวิจิตรเหล่านี้แม้ทั้งหมด อันจิตนั่นแหละกระทำแล้ว 
ก็จิตเท่านั้น  เป็นธรรมชาติ   วิจิตรกว่าความวิจิตรอันใดที่เป็นไปภายในอันจิต 
กระทำแล้วที่กล่าวแล้วนั้น เพราะความที่จิตไม่ได้โอกาส ไม่มีการกระทำความ 
วิจิตรบางอย่าง  หรือว่าเพราะความมีจิตบกพร่องด้วยปัจจัยที่เหลือก็ไม่มีการ 
กระทำให้วิจิตรในบางอย่าง  เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า 

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    เราไม่พิจารณาเห็นสัตว์หมู่อื่นแม้สักหมู่หนึ่ง    ที่วิจิตร 
เหมือนสัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายนี้เลย    

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    จิตนั่นแหละ
เป็นธรรมชาติวิจิตรกว่าสัตว์เดียรัจฉานแม้เหล่านั้นแล  ดังนี้.  



.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่