๒๕๖] สาวตฺถี ฯ อาราเม ฯ อนมตคฺคายํ ๑ ภิกฺขเว สํสาโร ปุพฺพา โกฏิ น ปญฺญายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสญฺโญชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํ ฯ โหติ โส ภิกฺขเว สมโย ยํมหาสมุทฺโท อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ น ภวติ ฯ น เตฺววาหํ ภิกฺขเว อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสญฺโญชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ ฯ โหติ โส ภิกฺขเว สมโย ยํสิเนรุ ปพฺพตราชา ฑยฺหติ ๒ วินสฺสติ น ภวติ ฯ น เตฺววาหํ ภิกฺขเว อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสญฺโญชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ ฯ โหติ โส ภิกฺขเวสมโย ยํ มหาปฐวี ฑยฺหติ วินสฺสติ น ภวติ ฯ น เตฺววาหํ ภิกฺขเว อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํตณฺหาสญฺโญชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ ฯ
#๑ โป. ม. อนมตคฺโคยํ ฯ ๒ สี. อุฑฺฑยฺหติ ฯ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้ มีที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายตามไปรู้ไม่ได้แล้ว เงื่อนต้น (ของสงสาร) ย่อมไม่ปรากฏ
สำหรับสัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ท่องเที่ยวไปมาอยู่.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่มหาสมุทรเหือดแห้งไม่มีน้ำยังมีอยู่ แต่เราตถาคต ไม่กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ จะกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เลย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ภูเขาสิเนรุราช ถูกไฟไหม้พินาศไป
ไม่ปรากฏ ยังมีอยู่. แต่เราตถาคตไม่กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลาย
ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด ท่องเที่ยวไปมาอยู่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เลย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ผืนแผ่นดินใหญ่ ถูกไฟไหม้พินาศไปไม่ปรากฏ ยังมีอยู่.
แต่เราตถาคตไม่กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีอวิชชา
อวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เลย.
เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว สา คทฺทูลพนฺโธ ๑ ทฬฺเห ขีเล วา ถมฺเภ วา อุปนิพนฺโธ ๒ ตเมว ขีลํ วา ถมฺภํ วา อนุปริธาวติ อนุปริวตฺตติ ฯ ....
#๑ ม. ยุ. พทฺทูลพทฺโธ ฯ ๒ โป. อุปริพนฺโธ ฯ ม. ยุ. อุปนิพทฺโธ ฯ
[๒๕๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สุนัขที่เขาล่ามเชือกแล้ว ถูกล่ามไว้ที่เสาอันมั่นคง
ย่อมวิ่งวนเวียนหลักหรือเสาอยู่นั้นเอง ....
สงสารนี้ มีที่สุด เบื้องต้นเบื้องปลายรู้
ไม่ได้แล้ว ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ ....
หรือว่าไม่ทราบมีใครรู้บ้างไหม ?
.
เจ้าสุนัขที่ถูกลามเชือกไว้กับเสา....
#๑ โป. ม. อนมตคฺโคยํ ฯ ๒ สี. อุฑฺฑยฺหติ ฯ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้ มีที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายตามไปรู้ไม่ได้แล้ว เงื่อนต้น (ของสงสาร) ย่อมไม่ปรากฏ
สำหรับสัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ท่องเที่ยวไปมาอยู่.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่มหาสมุทรเหือดแห้งไม่มีน้ำยังมีอยู่ แต่เราตถาคต ไม่กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ จะกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เลย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ภูเขาสิเนรุราช ถูกไฟไหม้พินาศไป
ไม่ปรากฏ ยังมีอยู่. แต่เราตถาคตไม่กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลาย
ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัด ท่องเที่ยวไปมาอยู่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เลย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ผืนแผ่นดินใหญ่ ถูกไฟไหม้พินาศไปไม่ปรากฏ ยังมีอยู่.
แต่เราตถาคตไม่กล่าวว่า สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีอวิชชา
อวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เลย.
เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว สา คทฺทูลพนฺโธ ๑ ทฬฺเห ขีเล วา ถมฺเภ วา อุปนิพนฺโธ ๒ ตเมว ขีลํ วา ถมฺภํ วา อนุปริธาวติ อนุปริวตฺตติ ฯ ....
#๑ ม. ยุ. พทฺทูลพทฺโธ ฯ ๒ โป. อุปริพนฺโธ ฯ ม. ยุ. อุปนิพทฺโธ ฯ
[๒๕๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สุนัขที่เขาล่ามเชือกแล้ว ถูกล่ามไว้ที่เสาอันมั่นคง
ย่อมวิ่งวนเวียนหลักหรือเสาอยู่นั้นเอง ....
สงสารนี้ มีที่สุด เบื้องต้นเบื้องปลายรู้
ไม่ได้แล้ว ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ ....
หรือว่าไม่ทราบมีใครรู้บ้างไหม ?
.