แรกๆก็นึกไม่ออกมา ทำไมรู้สึกเฉยๆ ?
พอดีอ่านเจอคนตอบกระทู้ว่า เมื่อก่อนค่าคอมมิชชั่นซื้อขายอยู่ที่
0.5% (รวมค่า vat 7 %)
เลยยอมคันมือ ไปรื้อค้นเอกสารซื้อขายหุ้นแบบกระดาษมาดู
จริงด้วยแฮะ เมื่อก่อนค่าคอมมิชชั่นแพงกว่าตอนนี้เท่าตัว
จำได้ว่า พอการแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์มีมากถึงขึ้น ตัดราคาค่าคอมฯกัน เพื่อแย่งลูกค้า
ลงท้าย กลต.ต้องออกข้อกำหนดค่าคอมมิชชั่นหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "ค่าต๋ง" สูงสุดไม่เกิน 0.25 % ไม่รวม vat 7 %
เอกสารที่ค้นมาได้ อยู่ในภาพประกอบ
ต่างคนต่างวิถีการลงทุน ต้องเลือกทางกันเอาเอง
คือผมเคยถูกเก็บแพงมาก่อน ทั้งด้านซื้อและขาย
พอมันถูกลง ก็เลยเฉยๆถ้ามันจะแพงขึ้นมาอีก (ยังไม่แพงเท่าเดิม)
ส่วนคนที่เข้าตลาดมาหลังยุคค่าคอมฯ 0.25 % เขาก็จะรู้สึกว่ามันแพงขึ้น
อันนี้ก็ต้องหาทางปรับตัว ถ้าเคยเดย์เทรดสองสามช่องออก
ก็ต้องขยายให้เป็น หกเจ็ดช่องแทนครับ
ถ้ารู้สึกว่า ถูกเอาเปรียบ ก็ต้องหยุดเล่น ออกจากตลาดหุ้นไทย ไปลงทุนตลาดหุ้นต่างประทศ
หรือไม่ก็ ยอมหาวิธีในการเดินทางแสวงหาเงินแบบใหม่ๆ
สำหรับตัวเอง เนื่องจากไม่เคยซื้อขายกินส่วนเกินทุนแค่ ช่อง สองช่อง
ก็เลยไม่รู้สึกอะไร เพราะจริงๆแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหุ้น ยังถูกกว่าของเดิมที่เคยเสีย
และเนื่องจาก ไม่ได้เอากำไรส่วนเกินทุนแค่ช่องสองช่อง ก็เลยรุ้สึกว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีขายหุ้น
ตัวล่าสุดที่ขาย ยังได้กำไรมา 26 ช่อง หักค่าใช้จ่ายซัก สองช่อง ก็ยังเหลืออีก 24 ช่อง
* มีประเด็นเกี่ยวกับภาษีขายหุ้นที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งคือ
การยกเว้นให้ market maker (รอข่าวยืนยันจากกระทรวงการคลัง)
นอกนั้น ยอมรับได้
*ช้อมูลจากคุณรีสตาร์ท เรื่อง market maker
💚💚💚..... ๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ทำไมรู้สึกเฉยๆ กับภาษีขายหุ้น...💔💔💔
พอดีอ่านเจอคนตอบกระทู้ว่า เมื่อก่อนค่าคอมมิชชั่นซื้อขายอยู่ที่
จริงด้วยแฮะ เมื่อก่อนค่าคอมมิชชั่นแพงกว่าตอนนี้เท่าตัว
จำได้ว่า พอการแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์มีมากถึงขึ้น ตัดราคาค่าคอมฯกัน เพื่อแย่งลูกค้า
ลงท้าย กลต.ต้องออกข้อกำหนดค่าคอมมิชชั่นหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "ค่าต๋ง" สูงสุดไม่เกิน 0.25 % ไม่รวม vat 7 %
เอกสารที่ค้นมาได้ อยู่ในภาพประกอบ
ต่างคนต่างวิถีการลงทุน ต้องเลือกทางกันเอาเอง
คือผมเคยถูกเก็บแพงมาก่อน ทั้งด้านซื้อและขาย
พอมันถูกลง ก็เลยเฉยๆถ้ามันจะแพงขึ้นมาอีก (ยังไม่แพงเท่าเดิม)
หรือไม่ก็ ยอมหาวิธีในการเดินทางแสวงหาเงินแบบใหม่ๆ
สำหรับตัวเอง เนื่องจากไม่เคยซื้อขายกินส่วนเกินทุนแค่ ช่อง สองช่อง
ก็เลยไม่รู้สึกอะไร เพราะจริงๆแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหุ้น ยังถูกกว่าของเดิมที่เคยเสีย
และเนื่องจาก ไม่ได้เอากำไรส่วนเกินทุนแค่ช่องสองช่อง ก็เลยรุ้สึกว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีขายหุ้น
ตัวล่าสุดที่ขาย ยังได้กำไรมา 26 ช่อง หักค่าใช้จ่ายซัก สองช่อง ก็ยังเหลืออีก 24 ช่อง
* มีประเด็นเกี่ยวกับภาษีขายหุ้นที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งคือ
การยกเว้นให้ market maker (รอข่าวยืนยันจากกระทรวงการคลัง)
นอกนั้น ยอมรับได้
*ช้อมูลจากคุณรีสตาร์ท เรื่อง market maker