JJNY : อ.ปริญญาชี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย| ทนายอานนท์จ่อบุกแจ้งจับคฝ.| โรมซัดแรง มือถิอสากปากถิอศึล| ค่าเงินบาทแข็งค่าสุดรอบ3ด.

อ.ปริญญา ชี้ สลายการชุมนุม กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7373006
 
 
อ.ปริญญา โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้ ตำรวจสลายการชุมนุม กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค บริเวณถนนดินสอ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซัดปมใช้กระสุนยาง ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

วันที่ 19 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า 

#การสลายการชุมนุม ที่แยกถนนดินสอในวันนี้ #ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ #ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยกเลิกไปแล้ว การสลายการชุมนุมในช่วงมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยต้องทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เลย เนื่องจากมาตรา 3(6) บัญญัติยกเว้นไว้ว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่ใช้บังคับกับ “การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุต่อว่า แต่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ยกเลิกไปแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งจะสลายการชุมนุมได้ จะต้องดำเนินการตามมาตรา 21, มาตรา 22, มาตรา 23 และมาตรา 24 จนครบถ้วนก่อน ซึ่งสรุปขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้
 
ผศ.ดร.ปริญญา ระบุอีกว่า #หนึ่ง ต้องแจ้งผู้ชุมนุมให้เลิกชุมนุมก่อน (ม.21 วรรคหนึ่ง) #สอง ถ้าผู้ชุมนุมไม่เลิกชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องไปร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกการชุมนุม (ม.21 วรรคสอง) #สาม ถ้าศาลเห็นว่าเป็นการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และสั่งให้เลิกชุมนุม ก็ต้องไปปิดคำสั่งศาลและแจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบ (ม.22 วรรคสี่)
 
ผศ.ดร.ปริญญา ระบุว่า #สี่ ถ้าผู้ชุมนุมไม่เลิกชุมนุมก็ให้ประกาศเป็น “พื้นที่ควบคุม” และกำหนดเวลาให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ (ม.23) #ห้า เมื่อกำหนดเวลาครบแล้วจึงจะถือว่าผู้ชุมนุม “กระทำผิดซึ่งหน้า” แล้วถึงจะดำเนินการจับกุมผู้ชุมนุมได้ (ม.24)

ผศ.ดร.ปริญญา ระบุด้วยว่า ดังนั้น แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอ้างว่า ผู้ชุมนุมขออนุญาตใช้สถานที่ชุมนุมเฉพาะที่ลานคนเมือง การเดินไปสถานที่อื่นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้มีการแจ้งให้เลิกชุมนุมแล้ว แต่การจะการสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมได้ จะต้อง #ไปขอคำสั่งศาลให้สั่งเลิกการชุมนุม จึงจะดำเนินการสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมได้
 
การสลายการชุมนุมที่แยกถนนดินสอในวันนี้ จึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยังมีการ #ยิงกระสุนยางโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่สหประชาชาติกำหนดไว้ว่า #ต้องยิงต่ำเท่านั้น ไม่ใช่ยิงตัว หรือยิงตาเช่นนี้ แล้วก็ยังมีการ #ทำร้ายสื่อมวลชนที่ไปรายงานข่าวบาดเจ็บไปหลายคน ทั้ง ๆ ที่สื่อมวลชนที่ไปทำหน้าที่ได้ใส่ปลอกแขนสื่อและแสดงตนว่าเป็นสื่อมวลชนแล้ว
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจลืมไปว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินถูกยกเลิกไปแล้ว และดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ จะไปสลายการชุมนุม หรือจับกุมผู้ชุมนุมโดยไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะไม่ได้ ที่จับกุมไปก็ต้องปล่อยตัว จะอ้างเหตุว่าดูแลความปลอดภัยผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่มา #ประชุมเอเปค ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะ #สถานที่จัดประชุมอยู่ห่างไปเป็นสิบกิโลเมตร
 
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า การสลายการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในวันนี้ ผมเห็นว่าควรจะต้องมีการดำเนินคดีให้เป็นคดีตัวอย่าง เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แล้วควรต้องฟ้องนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะนายกรัฐมนตรี #เป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และเชื่อได้ว่ารู้เห็นหรืออาจจะเป็นผู้สั่งการด้วยซ้ำ
 
เพราะ #การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายกรัฐมนตรีจะต้องเคารพ หากมีอะไรที่เกินเลยไปกว่ากฎหมาย ก็ต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมตามกฎหมาย #มิใช่ใช้กำลังโดยผิดกฎหมายและเกินเลยไปเช่นนี้”
 
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/5848544591856097


  
ทนายอานนท์ จ่อบุกแจ้งจับคฝ. สลายม็อบเอเปคเกินเหตุ ทำผู้ชุมนุม ลูกตาแตกละเอียด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3682915
 
ทนายอานนท์ จ่อบุกสน.สำราญราษฎร์ เอาผิดคฝ. สลายม็อบเอเปค ทำผู้ชุมนุม ลูกตาแตกละเอียด
 
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของกลุ่ม ราษฎรหยุดเอเปค 2022 หลังเดินขบวนจากลานคนเมือง มุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดที่หัวมุมถนนดินสอ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการยิงกระสุนยาง และ แก๊สน้ำตา ทำให้เกิดการปะทะระหว่าง 2 ฝ่าย โดยมีการจับกุมบุคคลอย่างน้อย 25 ราย และ บาดเจ็บจำนวนมาก

ล่าสุด (19 พ.ย.) นายอานนท์ นำภา ทนายความนักสิทธิมนุษยชน แนวร่วมราษฎร ได้โพสต์เผยว่า จะเข้าแจ้งความเอาผิดกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
“19 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. ผมกับพวกพร้อมทนายความจะเดินทางไปกล่าวโทษ เอาผิดเจ้าหน้าควบคุมฝูงชนทุกระดับชั้นที่มีส่วนใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอวันนี้ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ในทุกมาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนเราต้องไม่เจ็บฟรี คนผิดต้องถูกลงโทษ !!!
14.00 น.เจอกันที่ สน.สำราญราษฎร์ (พื้นที่เกิดเหตุ)”
  
ทั้งนี้ นายอานนท์ ยังได้อัพเดตอาการของ พายุ ดาวดิน ผู้ชุมนุม 1 ในผู้บาดเจ็บระหว่างการสลายการชุมนุมดังกล่าว โดยระบุ 

“ร่วมกันส่งกำลังใจครับ
 
“อัพเดต อาการพายุ ดาวดิน 1.หมอผ่าตัดดวงตาแจ้งว่า ลูกตาทั้งลูกแตกละเอียด วุ้นตา เลนส์ตา จอตาเสียหายทั้งหมด การรักษา ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดเย็บดวงตาให้เป็นลูกตากลมเหมือนเดิม แต่โอกาสกลับมาใช้งานได้ปกติต่ำกว่า 1 % ตอนนี้ต้องให้ยาฆ่าเชื้อต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อ 2-3 วัน หากมีอาการติดเชื้อต้องกลับมาพิจารณาการควักลูกตาออกเพื่อป้องกันติดเชื้อที่อาจจะลามไปสมอง
 
2.หมอศัลยกรรม ในส่วนของแผลภายนอกคือ กล้ามเนื้อหนังตาขาด เสียหายมาก มีผลต่อการลืมตา กระดูกจมูกแตก ตอนนี้หมอศัลยกรรมกำลังผ่าตัดตกแต่งหนังตาที่ฉีกขาด และกระดูกจมูกแตก ”



โรม ซัดแรง ประยุทธ์ มือถือสากปากถือศีล บอกรับฟังเยาวชน แต่ตร.ยิงกระสุนยาง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7373044

น่าอับอาย! โรม ซัดแรง ประยุทธ์ มือถือสากปากถือศีล บอกรับฟังเยาวชน แต่เอาตำรวจไปไล่ยิงกระสุนยาง ชี้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ไม่ห้ามเดินขบวนไปสถานที่ประชุมเอเปค
 
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ส่วนตัว ถึงกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค ที่บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ระบุข้อความว่า “ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ไม่มีตรงไหนเลยที่ห้ามมิให้ประชาชนเดินขบวนไปยังสถานที่จัดประชุม APEC”

“แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดให้ศูนย์ประชุมสิริกิติ์เป็นสถานที่ตามความในมาตรา 8 ของพ.ร.บ.ชุมนุม แต่มาตรา 8 กำหนดแค่ว่า การชุมนุมต้องไม่ขวางทางเข้าออกหรือทำให้ไม่สามารถใช้งานสถานที่ได้ ดังนั้น ต่อให้ประชาชนเดินขบวนไปถึงหน้าศูนย์ประชุมฯ ถ้ายังจัดการให้การประชุมดำเนินต่อไปได้ ประชาชนก็ย่อมมีสิทธิชุมนุมได้ ซึ่งในความเป็นจริงกำลังตำรวจที่มีสามารถบริหารจัดการได้แน่ๆ”
 
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ #ม็อบ18พฤศจิกา65 คือ ตำรวจไปตั้งแนวขวางและสลายการชุมนุม ตั้งแต่บริเวณลานคนเมืองและถนนราชดำเนิน ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์ประชุมฯ เกือบ 10 กิโลเมตร ผู้ชุมนุม ณ ตอนนั้นไม่ได้มีความใกล้เคียงกับการจะทำให้การประชุมจัดต่อไม่ได้เลย ทั้งยังปรากฏภาพตำรวจเตะผู้ชุมนุม ใช้ปืนกระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมระยะประชิด โดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า”
 
“สิ่งที่สร้างความอับอายขายหน้าต่อชาวโลกมากที่สุด จึงไม่ใช่การที่มีประชาชนออกมาชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนในนานาอารยประเทศเขาทำกันได้ แต่คือการใช้อำนาจอย่างล้นเกินของรัฐบาลเพื่อกดขี่ผู้เห็นต่างนั่นเอง” นายรังสิมันต์ ระบุ
  
นายรังสิมันต์ ระบุอีกว่า สิ่งที่น่าขายหน้าชาวโลกที่สุด ไม่ใช่มีคนมาลงถนนประท้วง แต่คือผู้นำประเทศปากบอกจะรับฟังเยาวชน คิดสโลแกนราวกับเปิดรับทุกภาคส่วน เอาป้ายไวนิลสวยๆ ไปบังตู้คอนเทนเนอร์ แล้วเอาตำรวจไปไล่ยิงกระสุนยางใส่ประชาชน กระทืบสื่อ ทั้งที่ไม่มีแนวโน้มใกล้เคียงว่าจะทำประชุมล่มได้เลย
  
“สิ่งที่คนไทยควรอับอายที่สุด คือการที่ประเทศนี้มีผู้นำมือถือสากปากถือศีลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายรังสิมันต์ ระบุ

https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid0SKVRXFJMmoqd8JsQkiAN1KxEQDA8a1qrx6SK3rkaigEuyJr1bR8cxd245wQHLCr4l

https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid0ptGK423VMVLRNYXkU5kcHx2e5Lb12VP13RqYRQ9jf1MvoLZyv9n5ebhjvinP4pQjl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่