นี่คือเรื่องราวของโจรคนหนึ่งที่ได้ก่อคดีอุจฉกรรจ์ร้ายแรงที่จังหวัดพังงาไว้หลายคดีไม่ว่าจะเป็นปล้น ฆ่า ข่มขืน ไว้หลายคดีในเขตจังหวัดพังงา โดยชายคนดังกล่าวอายุเพียง 25 ปี เท่านั้น ถึงอายุยังน้อยแต่ก็ร้อยคดี คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญชาวพังงา ถึงกับทางจังหวัดขอให้นำมาประหารในจังหวัดท้องที่เกิดเหตุ
โฉมหน้าของวิเชียร ชูทอง
&
คดีนี้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 47 ปี ที่แล้วที่จังหวัดพังงา
มีชายคนหนึ่งชื่อวิเชียร ชูทอง เขาน่าจะเกิดปี 2495 เพราะในปี 2520 และมียศเป็นพลทหาร(น่าจะถูกเกณฑ์) เขาอายุ 25 ปี เขาเป็นโจรปล้นฆ่า(เสือ)ที่ได้ก่อคดีอุจฉกรรจ์ร้ายแรงไว้หลายคดีทั้ง ปล้นฆ่า ข่มขืน และยังทำงานเป็นมือปืนรับจ้าง โดยมีผู้หญิงตกเป็นเหยื่อข่มขืนหลายราย แต่ที่แน่ๆพฤติกรรมของวิเชียรเป็นที่หวาดกลัวของคนพังงา
คดีสุดท้าย
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2520 วิเชียรได้ถูกจ้างให้ไปฆ่านายนิพนธ์ หรือไข่ วรรณการณ์ ผู้ใหญ่บ้าน ในตำบลนบปริง ซึ่งวิเชียรก็มีบ้านอยู่ในหมู่ที่ 4 ตำบลนบปริง
เขาจึงฆ่านิพนธ์(ในข่าวไม่ได้บอกว่าฆ่ายังไง ในความคิดส่วนตัวคาดว่าจะเป็นยิงเพราะมีความผิดตามพรบ.ปืน) หลังจากฆ่าเสร็จ ถ้ามือปืนทั่วไปคงจะรีบหลบหนีแล้วสินะ แต่ไม่สำหรับทรชนหนุ่มอย่างวิเชียรคนนี้ เขาลงมือฉุดนางอุบล ภรรยาของนิพนธ์มาข่มขืนที่หน้าบ้าน ทั้งๆที่ลูกของเหยื่อที่เพิ่งฆ่าไปหยกๆยังอยู่ในบ้าน เมื่อเสร็จกิจแล้วจึงหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามจับวิเชียรได้ ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านเพราะทุกคนรู้ชื่อเสียงในทางลบของวิเชียรดี
นายเชาวน์วัตถ์(ภาพซ้าย)
&
นายเชาว์วัตถ์ สุดลาภา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้เสนอสำนวนต่อคณะปฎิวัติเพื่อใช้อำนาจมาตรา21 สั่งยิงเป้าวิเชียรในเรือนจำจังหวัดท้องที่เกิดเหตุ
แต่จนแล้วจนรอด คดีก็ถูกพิจารณาและส่งพิจารณาคดีต่อศาลจังหวัดพังงา แต่เป็นศาลทหารรูปแบบดังกล่าวจำเลยไม่มีอุทธรณ์และฎีกา ถ้าเรียกก็น่าจะเป็นศาลทหารทำหน้าที่เป็นศาลพลเรือน ถ้าถูกตัดสินประหารทำหนังสือถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ ซึงศาลรูปแบบนี้ยังดำเนินจนถึงประมาณปี 2539 เนื่องจากประเทศไทยลงนามในกติกาสิทธิมนุษย์ชนระหว่างประเทศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตจากศาลทหารรูปแบบนี้คือสมโภชน์ ชื่นชม หรือไข่สมโภชน์ อายุ 32 ปี ถูกประหารเมื่อวันที 16 กันยายน พ.ศ. 2530 โดยเป็นหนึ่งในสี่รายที่ถูกประหารในวันนั้นก่อนจะว่างเว้นไป 8 ปี (คดีของสมโภชน์ผมไม่มีข้อมูลแค่รู้ว่าตัดสินโดยศาลทหาร(ศาลจังหวัดไชยา)และเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าคนตายและพยายามฆ่าโดยมีเหตุฉกรรจ์)
เกร็ดเสริมอีกเล็กน้อยอยู่ในสปอย
ศาลได้สืบพยานโจทก์และจำเลยจนเสร็จสิ้น โดยในคดีอื่นๆเขาถูกพิพากษาจำคุก 45 ปี
ศาลจังหวัดพังงา
วันที่ 25 เมษายน 2520 ศาลมณฑลทหารบกที่ 5 (ศาลจังหวัดพังงา) ได้พิพากษา ประหารบวกจำคุกตลอดชีวิตชีวิตวิเชียร โดยศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ชิงทรัพย์,ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นความผิดตามมาตรา 276 วรรค 2, 288, 340 ตรี และวรรคสุดท้าย, ประกาศคณะปฎิวัติฉบับ 14,15 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2514 โดยให้นับโทษต่อจากคดีแดงที่ 38/2520 ของศาลจังหวัดพังงา
ทางจังหวัดพังงาพิจารณาว่าชายคนนี้ทำให้ประชาชนขวัญเสียมากจากความโหดเหี้ยมที่ได้กระทำไป ทางจังหวัดพังงาจึงเสนอให้ยิงเป้าวิเชียรในท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาอยู่เพราะตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์การประหารชีวิตจะต้องดำเนินการที่เรือนจำกลางบางขวาง นายทวี ชูทรัพย์อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่าการประหารชีวิตในที่เกิดเหตุอาจกระทำได้เพราะอยู่ภายใต้อำนาจของปลัดหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เรื่องดังกล่าวยังมาไม่ถึงเขา คาดว่าทางสำนักปลัดกำลังพิจารณา
ต่อมาหนังสือถวายฎีกาทูลเกล้าของวิเชียรได้ถูกยก แต่การประหารชีวิตก็เกิดขึ้นที่คุกบางขวางอยู่ดี
ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่เรือนจำได้เบิกตัวนช.วิเชียร ออกจากห้องขังเพื่อดำเนินตามขั้นตอนต่างๆการประหารชีวิตเริ่มจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ เมื่อเจ้าหน้าที่อ่านคำพิพากษาศาลให้ฟังวิเชียรถึงกับหน้าถอดสี
พาวิเชียรไปสถานที่ประหาร
&
หลังจากอ่านคำสั่งได้นำตัวไปฟังเทศน์กับพระมหาเจียมซึ่งเทศน์เรื่องบาปบุญ โดยเขานั่งฟังอย่างสงบ หลังจากนั้นเขาได้ทำบุญเป็นครั้งสุดท้ายคือการยินยอมที่จะบริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย ถัดจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำวิเชียรไปยังสถานที่ประหารชีวิต โดยวิเชียรใส่ชุดนักโทษและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่นำวิเชียรที่ผูกตาเข้าห้องประหาร เขาถึงกับเขาอ่อน โดยเจ้าหน้าที่ผูกมัดวิเชียรกับหลักประหารหลักที่ 1 ซึ่งช่วงเช้าได้มีการประหารชีวิตตามคำสั่งหัวหน้าคณะปฎิวัติคือนช.เล่าฝั่น แซ่ย่าง หรือ ฝั่น ชูเสียง กับ นช.ชาญ ศรีผดุงกรุง ทั้งสองเป็นนักค้าเฮโรอีนที่ติด 1 ใน 12 ที่ถูกระบุกลางรัฐสภาสหรัฐ ส่วนแว่นโค แซ่แว่น หรือเล่าซู แหกโรงพยาบาลตำรวจหนีเข้ากลีบเมฆไป
วิเชียรถูกมัดกับหลักประหารเมื่อเวลา 17.03 นายธิญโญ จันทร์โอทาน เพชฌฆาตได้ลั่นกระสุนแบล็คมั่น 10 นัดเมื่อเวลา 17.04 น. ั้กระสุนได้ตัดขั้วหัวใจปลิดชีวิตทรชนหนุ่มไป โดยเขาเสียชีวิตในทันทีไม่ต้องมีการยิงซ้ำซึ่งกระสุนได้เจาะร่างทุกนัด ในวันถัดมานักโทษซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานได้ตัดตรวนสองชั้นที่ขาของเขาออกแล้วอาบน้ำกับเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนบรรจุลงไปในโลงศพ แล้วนำศพออกไปทางประตูเเดงของวัดบางแพรกใต้ ก่อนนำศพไปเก็บที่ช่องเก็บศพนักโทษประหาร แล้วโบกปูนและเขียนชื่อของนักโทษที่ถูกประหารชีวิตไว้ด้านหน้าของช่องเก็บศพ
ถือว่าเป็นจุดจบที่สาสมต่อทรชนหนุ่มที่สร้างความหวาดกลัวให้ชาวพังงา
มีเกร็ดน่ารู้คือการประหารชีวิตช่วงรัฐบาลธานินทร์ไปจนถึงเกรียงศักดิ์ นักโทษทุกคนที่ถูกประหารจะถูกประหารตามคำสั่งพิเศษ(ม.21,ม. 27,200) ยกเว้นแค่วิเชียรเพียงคนเดียว
ที่มาของภาพศาลจังหวัดพังงา(หลังที่สร้างปี 14)
ภาพหนังสือพิมพ์อ้างอิง
&
ภาพขยาย
&
ในเดลินิวส์พาดหัวบนที่ยิงเป้าฆาตกรโหดในที่เกิดเหตุหมายถึงสมปอง พุ่มวงศ์ ก่อคดีที่นครนายก
&
ส่วนคดีวิเชียรคือพาดหัว
ผู้ว่าขอไม่ส่งตัวมาไม่ส่งตัวมาปุปุที่บางขวาง
&
วิเชียร ชูทอง มือปืนโหดพังงา สู่นักโทษประหาร
คดีนี้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 47 ปี ที่แล้วที่จังหวัดพังงา
มีชายคนหนึ่งชื่อวิเชียร ชูทอง เขาน่าจะเกิดปี 2495 เพราะในปี 2520 และมียศเป็นพลทหาร(น่าจะถูกเกณฑ์) เขาอายุ 25 ปี เขาเป็นโจรปล้นฆ่า(เสือ)ที่ได้ก่อคดีอุจฉกรรจ์ร้ายแรงไว้หลายคดีทั้ง ปล้นฆ่า ข่มขืน และยังทำงานเป็นมือปืนรับจ้าง โดยมีผู้หญิงตกเป็นเหยื่อข่มขืนหลายราย แต่ที่แน่ๆพฤติกรรมของวิเชียรเป็นที่หวาดกลัวของคนพังงา
คดีสุดท้าย
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2520 วิเชียรได้ถูกจ้างให้ไปฆ่านายนิพนธ์ หรือไข่ วรรณการณ์ ผู้ใหญ่บ้าน ในตำบลนบปริง ซึ่งวิเชียรก็มีบ้านอยู่ในหมู่ที่ 4 ตำบลนบปริง
เขาจึงฆ่านิพนธ์(ในข่าวไม่ได้บอกว่าฆ่ายังไง ในความคิดส่วนตัวคาดว่าจะเป็นยิงเพราะมีความผิดตามพรบ.ปืน) หลังจากฆ่าเสร็จ ถ้ามือปืนทั่วไปคงจะรีบหลบหนีแล้วสินะ แต่ไม่สำหรับทรชนหนุ่มอย่างวิเชียรคนนี้ เขาลงมือฉุดนางอุบล ภรรยาของนิพนธ์มาข่มขืนที่หน้าบ้าน ทั้งๆที่ลูกของเหยื่อที่เพิ่งฆ่าไปหยกๆยังอยู่ในบ้าน เมื่อเสร็จกิจแล้วจึงหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามจับวิเชียรได้ ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านเพราะทุกคนรู้ชื่อเสียงในทางลบของวิเชียรดี
นายเชาวน์วัตถ์(ภาพซ้าย)
&
นายเชาว์วัตถ์ สุดลาภา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้เสนอสำนวนต่อคณะปฎิวัติเพื่อใช้อำนาจมาตรา21 สั่งยิงเป้าวิเชียรในเรือนจำจังหวัดท้องที่เกิดเหตุ
เกร็ดเสริมอีกเล็กน้อยอยู่ในสปอย
ศาลได้สืบพยานโจทก์และจำเลยจนเสร็จสิ้น โดยในคดีอื่นๆเขาถูกพิพากษาจำคุก 45 ปี
ทางจังหวัดพังงาพิจารณาว่าชายคนนี้ทำให้ประชาชนขวัญเสียมากจากความโหดเหี้ยมที่ได้กระทำไป ทางจังหวัดพังงาจึงเสนอให้ยิงเป้าวิเชียรในท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาอยู่เพราะตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์การประหารชีวิตจะต้องดำเนินการที่เรือนจำกลางบางขวาง นายทวี ชูทรัพย์อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่าการประหารชีวิตในที่เกิดเหตุอาจกระทำได้เพราะอยู่ภายใต้อำนาจของปลัดหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เรื่องดังกล่าวยังมาไม่ถึงเขา คาดว่าทางสำนักปลัดกำลังพิจารณา
ต่อมาหนังสือถวายฎีกาทูลเกล้าของวิเชียรได้ถูกยก แต่การประหารชีวิตก็เกิดขึ้นที่คุกบางขวางอยู่ดี
ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่เรือนจำได้เบิกตัวนช.วิเชียร ออกจากห้องขังเพื่อดำเนินตามขั้นตอนต่างๆการประหารชีวิตเริ่มจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ เมื่อเจ้าหน้าที่อ่านคำพิพากษาศาลให้ฟังวิเชียรถึงกับหน้าถอดสี
พาวิเชียรไปสถานที่ประหาร
&
หลังจากอ่านคำสั่งได้นำตัวไปฟังเทศน์กับพระมหาเจียมซึ่งเทศน์เรื่องบาปบุญ โดยเขานั่งฟังอย่างสงบ หลังจากนั้นเขาได้ทำบุญเป็นครั้งสุดท้ายคือการยินยอมที่จะบริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย ถัดจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำวิเชียรไปยังสถานที่ประหารชีวิต โดยวิเชียรใส่ชุดนักโทษและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่นำวิเชียรที่ผูกตาเข้าห้องประหาร เขาถึงกับเขาอ่อน โดยเจ้าหน้าที่ผูกมัดวิเชียรกับหลักประหารหลักที่ 1 ซึ่งช่วงเช้าได้มีการประหารชีวิตตามคำสั่งหัวหน้าคณะปฎิวัติคือนช.เล่าฝั่น แซ่ย่าง หรือ ฝั่น ชูเสียง กับ นช.ชาญ ศรีผดุงกรุง ทั้งสองเป็นนักค้าเฮโรอีนที่ติด 1 ใน 12 ที่ถูกระบุกลางรัฐสภาสหรัฐ ส่วนแว่นโค แซ่แว่น หรือเล่าซู แหกโรงพยาบาลตำรวจหนีเข้ากลีบเมฆไป
วิเชียรถูกมัดกับหลักประหารเมื่อเวลา 17.03 นายธิญโญ จันทร์โอทาน เพชฌฆาตได้ลั่นกระสุนแบล็คมั่น 10 นัดเมื่อเวลา 17.04 น. ั้กระสุนได้ตัดขั้วหัวใจปลิดชีวิตทรชนหนุ่มไป โดยเขาเสียชีวิตในทันทีไม่ต้องมีการยิงซ้ำซึ่งกระสุนได้เจาะร่างทุกนัด ในวันถัดมานักโทษซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานได้ตัดตรวนสองชั้นที่ขาของเขาออกแล้วอาบน้ำกับเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนบรรจุลงไปในโลงศพ แล้วนำศพออกไปทางประตูเเดงของวัดบางแพรกใต้ ก่อนนำศพไปเก็บที่ช่องเก็บศพนักโทษประหาร แล้วโบกปูนและเขียนชื่อของนักโทษที่ถูกประหารชีวิตไว้ด้านหน้าของช่องเก็บศพ
ถือว่าเป็นจุดจบที่สาสมต่อทรชนหนุ่มที่สร้างความหวาดกลัวให้ชาวพังงา
มีเกร็ดน่ารู้คือการประหารชีวิตช่วงรัฐบาลธานินทร์ไปจนถึงเกรียงศักดิ์ นักโทษทุกคนที่ถูกประหารจะถูกประหารตามคำสั่งพิเศษ(ม.21,ม. 27,200) ยกเว้นแค่วิเชียรเพียงคนเดียว
ที่มาของภาพศาลจังหวัดพังงา(หลังที่สร้างปี 14)
&
ภาพขยาย
&
ในเดลินิวส์พาดหัวบนที่ยิงเป้าฆาตกรโหดในที่เกิดเหตุหมายถึงสมปอง พุ่มวงศ์ ก่อคดีที่นครนายก
&
ส่วนคดีวิเชียรคือพาดหัว ผู้ว่าขอไม่ส่งตัวมาไม่ส่งตัวมาปุปุที่บางขวาง
&