"เพนกวิน พริษฐ์" แจงได้ทุนเรียน ป.โท-เอก แต่ต้องเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ร่ำลาเพราะสถานการณ์การปราบปรามคนเห็นต่าง ย้ำสังคมอารยะประเทศไม่ได้มองว่าเขาเป็นอาชญากรจากคดีการเมือง แต่คนที่ใช้กฎหมายอย่าง ม.112 เพื่อปราบปรามทางการเมืองต่างหากที่เป็นอาชญากร
1 ต.ค.2567 พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน โพสต์ทางเพจเฟซบุ๊กของตนแจ้งถึงเรื่องที่เขาเดินทางออกนอกประเทศไทยแล้วเพราะได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวนทั้งในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ที่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบและร่ำลาเพราะว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญกับคดีความกว่า 30 คดี
พริษฐ์ชี้แจงถึงเหตุผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของเขาว่าจากสถานกการณ์การใช้กฎหมายปิดกั้นเสรีภาพและปราบปรามผู้เห็นต่างที่รุนแรงขึ้น รวมถึงคดีที่เขาเผชิญอยู่นั้นสังคมนานาชาติต่างก็เห็นว่าเป็นการดำเนินคดีความทางการเมืองโดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทำให้เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นอาชญากรในสังคมอารยะประเทศ
“บุคคลและระบอบที่ใช้กฎหมายป่าเถื่อนล้าหลังดำเนินคดีผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อปราบปรามทางการเมืองต่างหากที่จะถูกถือว่าเป็นอาชญากร” พริษฐ์ระบุ
นอกจากนั้นพริษฐ์ยังได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ยังเชื่อมั่นและให้ให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมอุดมการณ์และผู้ต้องขังคดีการเมืองทั้ง 40 กว่าคน
“ผมขอให้คำมั่นว่าไม่ว่าตัวผมจะอยู่อยู่แห่งหนตำบลใดหรือในสถานการณ์ใด ผมก็ยังคงเป็นผมคนเดิมที่ทุกท่านรู้จัก หัวใจของผมยังคงอยู่กับสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และประชาธิปไตยของประชาชนไทย รวมถึงความก้าวหน้าของประเทศชาติเราเหมือนที่เป็นตลอดมา” พริษฐ์กล่าว
ข้อมูลสถิติคดีจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่าเฉพาะในส่วนคดีมาตรา 112 พริษฐ์มีอยู่ทั้งหมด 25 คดี ถ้าหากรวมคดีข้อหาอื่นๆ ทั้งหมดนับตั้งแต่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมีทั้งหมด 57 คดี แต่มีคดี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ และพ.ร.บ.ความสะอาดฯ ที่เสียค่าปรับแล้วทำให้คดีจบไป
https://prachatai.com/journal/2024/10/110897
จดหมายจากคุณเพนกวิน/ คุณเก็ท โสภณ ฝากจดหมายจากห้องขัง (หงส์เหนือมังกร)
1 ต.ค.2567 พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน โพสต์ทางเพจเฟซบุ๊กของตนแจ้งถึงเรื่องที่เขาเดินทางออกนอกประเทศไทยแล้วเพราะได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวนทั้งในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ที่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบและร่ำลาเพราะว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญกับคดีความกว่า 30 คดี
พริษฐ์ชี้แจงถึงเหตุผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของเขาว่าจากสถานกการณ์การใช้กฎหมายปิดกั้นเสรีภาพและปราบปรามผู้เห็นต่างที่รุนแรงขึ้น รวมถึงคดีที่เขาเผชิญอยู่นั้นสังคมนานาชาติต่างก็เห็นว่าเป็นการดำเนินคดีความทางการเมืองโดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทำให้เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นอาชญากรในสังคมอารยะประเทศ
“บุคคลและระบอบที่ใช้กฎหมายป่าเถื่อนล้าหลังดำเนินคดีผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อปราบปรามทางการเมืองต่างหากที่จะถูกถือว่าเป็นอาชญากร” พริษฐ์ระบุ
นอกจากนั้นพริษฐ์ยังได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ยังเชื่อมั่นและให้ให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมอุดมการณ์และผู้ต้องขังคดีการเมืองทั้ง 40 กว่าคน
“ผมขอให้คำมั่นว่าไม่ว่าตัวผมจะอยู่อยู่แห่งหนตำบลใดหรือในสถานการณ์ใด ผมก็ยังคงเป็นผมคนเดิมที่ทุกท่านรู้จัก หัวใจของผมยังคงอยู่กับสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และประชาธิปไตยของประชาชนไทย รวมถึงความก้าวหน้าของประเทศชาติเราเหมือนที่เป็นตลอดมา” พริษฐ์กล่าว
ข้อมูลสถิติคดีจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่าเฉพาะในส่วนคดีมาตรา 112 พริษฐ์มีอยู่ทั้งหมด 25 คดี ถ้าหากรวมคดีข้อหาอื่นๆ ทั้งหมดนับตั้งแต่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมีทั้งหมด 57 คดี แต่มีคดี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ และพ.ร.บ.ความสะอาดฯ ที่เสียค่าปรับแล้วทำให้คดีจบไป
https://prachatai.com/journal/2024/10/110897