😎 ไม่รู้ว่าเคยผ่านหูผ่านตา แนวคิดประมาณว่าพวกกล้ามใหญ่ จริงๆไม่ได้มีแรงเท่ากับพวกกล้ามเล็กๆหรอก ยกกระสอบข้าวสารสู้จับกังตัวผอมๆ ไม่ได้ ผมว่าผู้วิจัยงานนี้ น่าจะต้องเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนแน่ๆ ๕๕ เลยเป็นที่มาของคำถามงานวิจัยชิ้นนี้ ว่าเอ๊ะ พวกที่กล้ามใหญ่ มันมีแรงจริงรึเปล่า
🤣 หยอกๆนะ จริงๆเขาสนใจศึกษาว่า Body composition ที่วัดด้วยเครื่อง Bioelectrical impedance analysis (BIA) หรือเครื่องวัดมวลกายด้วยไฟฟ้าเนี่ย มันใช้วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscle strength) ที่ปกติจะใช้การประเมินด้วยการทดสอบ 1RM ได้ด้วยรึเปล่า เนื่องจาก BIA เนี่ยมันใช้งานง่ายสะดวกและปลอดภัย โดยเฉพาะถ้าใช้กับผู้สูงอายุได้ มันก็ไม่ต้องให้เขาไปยกน้ำหนักเพื่อประเมินความแข็งแรง ในบางคนมันอาจจะไม่ปลอดภัยนัก
🔎 งานนี้เขาก็เลยศึกษาความสัมพันธ์ของค่า มวลกล้ามเนื้อ (Skeletal muscle mass, SMM) ที่ได้จากเครื่อง BIA ว่ามันสัมพันธ์ยังไงกับความแข็งแรงบ้าง ซึ่ง BIA ที่เขาใช้ก็เป็นเครื่อง Inbody 430 ที่มีการศึกษาก่อนหน้านี้แล้วพบว่ามีความแม่นยำที่น่าเชื่อถือได้ เขาก็ได้กลุ่มตัวอย่างมา 35 คน ชาย 18 หญิง 17 อายุเฉลี่ย 28 ปี สูงเฉลี่ย 163 ซม. หนักเฉลี่ย 55 กิโลกรัมมาทำการศึกษา การประเมินความแข็งแรงเขาใช้ 1RM ของท่า Leg press เป็นตัวประเมิน
🤔 ผลที่พบก็คือมันมีความสัมพันธ์ของค่าสัมประสิทธิ์ระหว่าง 1RM ของท่า Leg press และตัว SMM ของกล้ามเนื้อขาและค่า Skeletal Muscle Index (SMI) ที่ได้จากเครื่อง BIA เป็นค่า 0.845 และ 0.910 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ถ้าแยกกลุ่มชายหญิง ผู้ชายจะมีค่าสัมประสิทธิ์ที่ว่า 0.527 และ 0.752 ส่วนผู้หญิง 0.310 และ 0.613
🧮 จากค่าสัมประสิทธิ์ที่ได้ เขาก็นำไปสร้างเป็น Model เพื่อคาดคะเนค่า 1RM ด้วยการคำนวณจาก SSM และ SMI ก็ได้สมการออกมาเมื่อนำไปพลอตเป็นกราฟก็ออกมาเพื่อดูค่า 1RM ที่คำนวณได้ ก็ได้หน้าตากราฟที่มันก็ค่อนข้างโอเค (หรือจริงๆอาจจะไม่แปลก เพราะว่ามันก็สร้างมาจากข้อมูลชุดเดียวกันมั้ย ?)
📌 ซึ่งจากข้อมูลตรงนี้ อาจจะช่วยให้สามารถนำข้อมูล SSM ของกล้ามเนื้อขา และ SMI ไปประเมิน 1RM เพื่อประโยชน์ในด้านการประหยัดเวลา และความปลอดภัยในการประเมินที่มากกว่าเมื่อเทียบกับการทำ 1RM Test หรืออาจจะใช้สำหรับงาน Rehab ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
😎 อย่างไรก็ตามข้อจำกัดในงานนี้ก็คือกลุ่มตัวอย่างยังน้อยอยู่ ก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แล้วก็กลุ่มตัวอย่างเป็นคนที่สุขภาพดี เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว ถ้ากับคนกลุ่มอื่นๆ หรือกลุ่มที่มีสภาวะสุขภาพแตกต่างออกไป ก็อาจจะให้ผลที่ต่างกันออกไปได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็น่าสนใจดีถ้ามีการศึกษากันเพิ่มเติมเข้าไปอีกนะครับ
📌 ก็สรุปได้ว่า 1RM สำหรับท่า Leg press และการประเมินค่า SMM , SMI ด้วยเครื่อง BIA มีความสัมพันธ์กันค่อนข้างมาก อาจจะใช้ค่า SMM และ SMI ในการคำนวณประเมินดู 1RM ได้ด้วยเช่นกัน ในอนาคตถ้ามีการศึกษาเพิ่มเติม ก็คงได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-10-19-bioelectrical-impedance-analysis-to-estimate-one-repetition-maximum-measurement-of-muscle-strength/
💪 พวกกล้ามใหญ่ๆ แข็งแรงจริงเท่ากล้ามที่เห็นรึเปล่า ?
🤣 หยอกๆนะ จริงๆเขาสนใจศึกษาว่า Body composition ที่วัดด้วยเครื่อง Bioelectrical impedance analysis (BIA) หรือเครื่องวัดมวลกายด้วยไฟฟ้าเนี่ย มันใช้วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscle strength) ที่ปกติจะใช้การประเมินด้วยการทดสอบ 1RM ได้ด้วยรึเปล่า เนื่องจาก BIA เนี่ยมันใช้งานง่ายสะดวกและปลอดภัย โดยเฉพาะถ้าใช้กับผู้สูงอายุได้ มันก็ไม่ต้องให้เขาไปยกน้ำหนักเพื่อประเมินความแข็งแรง ในบางคนมันอาจจะไม่ปลอดภัยนัก
🔎 งานนี้เขาก็เลยศึกษาความสัมพันธ์ของค่า มวลกล้ามเนื้อ (Skeletal muscle mass, SMM) ที่ได้จากเครื่อง BIA ว่ามันสัมพันธ์ยังไงกับความแข็งแรงบ้าง ซึ่ง BIA ที่เขาใช้ก็เป็นเครื่อง Inbody 430 ที่มีการศึกษาก่อนหน้านี้แล้วพบว่ามีความแม่นยำที่น่าเชื่อถือได้ เขาก็ได้กลุ่มตัวอย่างมา 35 คน ชาย 18 หญิง 17 อายุเฉลี่ย 28 ปี สูงเฉลี่ย 163 ซม. หนักเฉลี่ย 55 กิโลกรัมมาทำการศึกษา การประเมินความแข็งแรงเขาใช้ 1RM ของท่า Leg press เป็นตัวประเมิน
🤔 ผลที่พบก็คือมันมีความสัมพันธ์ของค่าสัมประสิทธิ์ระหว่าง 1RM ของท่า Leg press และตัว SMM ของกล้ามเนื้อขาและค่า Skeletal Muscle Index (SMI) ที่ได้จากเครื่อง BIA เป็นค่า 0.845 และ 0.910 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ถ้าแยกกลุ่มชายหญิง ผู้ชายจะมีค่าสัมประสิทธิ์ที่ว่า 0.527 และ 0.752 ส่วนผู้หญิง 0.310 และ 0.613
🧮 จากค่าสัมประสิทธิ์ที่ได้ เขาก็นำไปสร้างเป็น Model เพื่อคาดคะเนค่า 1RM ด้วยการคำนวณจาก SSM และ SMI ก็ได้สมการออกมาเมื่อนำไปพลอตเป็นกราฟก็ออกมาเพื่อดูค่า 1RM ที่คำนวณได้ ก็ได้หน้าตากราฟที่มันก็ค่อนข้างโอเค (หรือจริงๆอาจจะไม่แปลก เพราะว่ามันก็สร้างมาจากข้อมูลชุดเดียวกันมั้ย ?)
📌 ซึ่งจากข้อมูลตรงนี้ อาจจะช่วยให้สามารถนำข้อมูล SSM ของกล้ามเนื้อขา และ SMI ไปประเมิน 1RM เพื่อประโยชน์ในด้านการประหยัดเวลา และความปลอดภัยในการประเมินที่มากกว่าเมื่อเทียบกับการทำ 1RM Test หรืออาจจะใช้สำหรับงาน Rehab ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
😎 อย่างไรก็ตามข้อจำกัดในงานนี้ก็คือกลุ่มตัวอย่างยังน้อยอยู่ ก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แล้วก็กลุ่มตัวอย่างเป็นคนที่สุขภาพดี เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว ถ้ากับคนกลุ่มอื่นๆ หรือกลุ่มที่มีสภาวะสุขภาพแตกต่างออกไป ก็อาจจะให้ผลที่ต่างกันออกไปได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็น่าสนใจดีถ้ามีการศึกษากันเพิ่มเติมเข้าไปอีกนะครับ
📌 ก็สรุปได้ว่า 1RM สำหรับท่า Leg press และการประเมินค่า SMM , SMI ด้วยเครื่อง BIA มีความสัมพันธ์กันค่อนข้างมาก อาจจะใช้ค่า SMM และ SMI ในการคำนวณประเมินดู 1RM ได้ด้วยเช่นกัน ในอนาคตถ้ามีการศึกษาเพิ่มเติม ก็คงได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-10-19-bioelectrical-impedance-analysis-to-estimate-one-repetition-maximum-measurement-of-muscle-strength/