อดีตหลอน ซ่อนอำมหิต (บทที่13)






 บทที่13 บทสรุป  (ตอนจบ)

         ผมขับรถถึงหมู่บ้านในเช้าวันต่อมา แต่แทนที่จะเข้าบ้านผมก็เลือกที่จะแวะเข้าโรงพักเสียก่อน 

         "เรื่องปืนนั้นน่ะ เรารู้ตัวเจ้าของแล้วนะ มันเป็นของทางราชการ"

         "อ้อ นั่นไม่สำคัญแล้วละครับ เพราะผมได้ปืนที่ถูกใจแลัว ที่สำคัญมันถูกกฏหมายเสียด้วย ที่ผมมานี่ก็เพราะอยากจะขอใช้โทรศัพท์หน่อยน่ะครับ"

         "อยู่ทางซ้ายมือนั้นไง ใช้ได้ตามสบายเลย ว่าแต่นายไม่พกมือถือหรือไง"

         "ไม่ครับ ผมไม่เคยพก"

         "ว้า นายนี่มันคนหลงยุคหรือยังไงกัน"

         ผู้หมวดบ่นพึมพำอยู่คนเดียว จนผมมองแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ ก่อนที่จะรีบยกหูโทรศัพท์แล้วต่อสายไปที่บ้านทันที 

         "ป้าสุ่ยเหรอ นี่ผมทีเองนะ แม่อยู่ไหม เหรอแล้วน้าเอ้ล่ะ อืมๆ คืองี้ผมอยากให้ป้าพาแม่ออกไปอยู่ที่บ้านน้าดาสักพักก่อน เดี้ยวนี้เลย ถ้าแกถามก็บอกไปว่าเป็นคำสั่งของผม"

         หลังจากวางหู ผมก็หันไปคุยกับผู้หมวดต่อ 

         "หมวดครับ อีกสัก 30 นาทีช่วยนำกำลังไปที่บ้านตามที่อยู่นี้ด้วย"

         "เกิดอะไรขึ้น"

         "ตอนนี้ยังหรอกครับ อีกไม่นานจะต้องมีแน่ ขอให้เชื่อใจผมเถอะนะครับ"

         ผู้หมวดได้แต่พยักหน้างงๆ ส่วนผมก็รีบกลับไปที่รถแล้วขับมันกลับไปที่บ้านทันที เมื่อรถแล่นมาจนถึงหน้าบ้านผมหยิบปืนพกออกมาเหน็บไว้ที่เอว และไม่ลืมที่จะหยิบกระสุนสำรองติดมือมาด้วย ในที่สุดผมก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านในท่าเตรียมพร้อมอย่างระมัดระวัง 
     
 
         " น้าเอ้ ๆ ๆ ๆ ! " 

         ผมตะโกนเรียกซ้ำๆจนสุดเสียง แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน ผมจึงตัดสินใจถีบประตูเข้าไป 

         "มีอะไรกันเหรอ เสียงดังเอะอะโวยวาย"

 
         เสียงของน้าเอ้ดังออกมาจากห้องนอนของแม่ ก่อนที่เขาจะค่อยๆเปิดประตูออกมาในชุดผู้ใหญ่บ้านเต็มยศ 

         "อ้าว ไอ้หนู มีอะไรงั้นเหรอ เรียกน้าซะเสียงดังลั่นบ้านเชียว"
 
         "เรามีเรื่องต้องคุยกัน"

         "ใจเย็นๆ วางปืนนั้นลงซะก่อนไม่ดีหรือเจ้าหนู" 

         ผมเอื้อมมือหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดมานั่ง โดยไม่ละสายตาที่คอยจับจ้องเขาอยู่ตลอด แล้วค่อยๆนั่งลงอย่างระมัดระวัง
 
         "ตำรวจจะมาที่นี่ในอีกครึ่งชั่วโมง ยอมมอบตัวเสียดีกว่า อย่าทำให้แม่ต้องเดือดร้อนไปกว่านี้เลย"

         "แกรู้ไหมทำไมฉันถึงไม่ฆ่าแกซะในป่านั้น ทั้งๆที่ปืนไรเฟิลของฉันสามารถยิงทะลุต้นตะแบกนั่นได้สบายๆ" 

         เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากผม เขาจึงพูดต่อไปเรื่อยๆ

        "ก็เพราะว่าแกคือคนในครอบครัวไงไอ้หนู ทุกสิ่งที่ฉันทำลงไปก็เพื่อครอบครัวเพื่อความสุขสบายของพวกเรา แกรู้ไหมว่าเงินที่แม่แกใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้มันมาจากไหน มันก็มาจากไอ้ยาสกปรกนี่ทั้งนั้นแหละวะ แล้วดูสิ่งที่แกตอบแทนฉันสิ แกกำลังจะทำให้ชีวิตฉันพัง และฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ๆ" 

         ปัง ! เขายิงมาที่ผมหนึ่งนัดด้วยปืนที่เหน็บอยู่ข้างลำตัว ผมที่คอยระวังตัวอยู่แล้วฉากแว็บเข้าไปหลบที่ข้างผนังด้านซ้ายมืออย่างหวุดหวิด 

         "แกยอมฆ่าลูกน้องคนสนิทเพื่อยานรกนั้น และยังฆ่ามิ้น หลานสาวที่อุตส่าห์หวังดีกับแก อย่างนี้ยังจะเรียกว่าทำเพื่อครอบครัวอีกเหรอ"
 
         เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับบ ผมจึงลองยิงสวนไปที่ด้านหลังสองนัด ปัง ปัง ! ก็เห็นว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว ผมจึงพูดต่อ
 
         "เท่านั้นไม่พอ แกกลัวว่าความลับจะแตกเพราะรู้ว่านิษาจะต้องขุดขุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาแน่ถ้ารู้ว่ามิ้นตาย หลังจากฆ่ามิ้นเสร็จแล้วแกก็เลยเอาโทรศัพท์ของเธอส่งข้อความไปหานิษา แล้วหลอกให้เธอกลับมาที่บ้านเพื่อฆ่าปิดปากนิษาอีกคน ในขณะที่พ่อแม่ของนิษากำลังวุ่นวายอยู่กับงานศพของมิ้น แกก็เลยสบโอกาสเหมาะที่จะฆ่าเธอในบ้านของเธอเอง นี่ฉันพูดถูกใช่ไหม"

         ปัง ปัง ปัง ปัง ! แทนคำตอบ เสียงปืนก็ดังขึ้นสี่นัดซ้อนๆ ความแรงของกระสุนฉีกพนังห้องเป็นรูโบ๋ มันเฉียดหัวผมไปนิดเดียว ผมหมอบจนหัวติดกับพื้น แต่ปากก็ยังพูดไม่หยุด
 
         "ผ่านไปได้ไม่ถึงปี เรื่องที่แกแน่ใจว่าไม่มีใครรู้มันก็ไม่แน่เสียแล้ว เมื่ออมรชัยแฟนของนิษาได้กลิ่นไม่ค่อยดีจากงานที่เธอทำ เขาเลยต้องกลับมาเพื่อสืบหาความจริงเรื่องนี้ แล้วนายทำไง เข้าไปตีสนิทกับหมอนั้นแล้วแสร้งทำเป็นผู้หวังดีอย่างนั้นเหรอ"

        "เปล่าเลย มันเป็นคนมาหาฉันเอง มาขอให้ฉันช่วยสืบเรื่องมิ้นและนิษา แกคิดว่าฉันควรจะทำยังไง ปล่อยให้มันสืบเรื่องนี้จนสาวมาถึงตัวฉันงั้นเหรอ ไม่ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก ฉันหลอกให้มันไปที่บ้านร้างของนิษา เสร็จแล้วก็ฆ่ามันทิ้งซะ ว่าแต่อกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง" 

         "นาฬิกาที่แกใส่อยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ ไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอที่ทั้งรุ่นและยี่ห้อดันไปตรงกับของอมรชัยพอดิบพอดี แต่มีอีกอย่างที่แกยังพลาดไป แกไม่ได้ฆ่าคนที่แกควรจะฆ่าตั้งแต่แรก คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดตั้งแต่ต้น นิกแฟนของมิ้นยังไงล่ะ"

         "อ้อ แกคงไปหามันมาสินะ ถูกของแกฉันจะต้องฆ่ามันแน่ ถ้าตอนนั้นมันไม่ได้ทำงานให้ฉันอะนะ"

         "หมายความว่าไง"

         "นี่แกไม่รู้จริงๆเหรอ มันน่ะทำงานให้กับฉันมาตั้งแต่ต้น ทุกอย่างเป็นความคิดของมันทั้งหมด ตั้งแต่ล่อให้ตำรวจลงไปที่หุบนั่น และคนที่บอกให้ฉันฆ่าไอ้เกี้ยมก็คือมันนั้นแหละ อ้อ และมันก็ยังเป็นคนรายงานข่าวเรื่องมิ้นและนิษาให้กับฉันมาตลอด" 

         "คงจะเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว เลยทำให้แกกับคู่หูต้องมาขัดใจกันงั้นสินะ"

         "ก็มันคิดจะฮุบเอายาทั้งหมดเป็นของมันคนเดียว ใครจะไปยอมวะ เดี้ยวหลังจากจัดการกับแกเสร็จแล้ว ฉันก็จะไปคิดบัญชีกับมัน"

         เงียบไปสักครู่ เมื่อสิ้นเสียงพูดผมก็เงยหน้าขึ้นมาดู แต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นน้าเอ้ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้า ห่างจากผมไม่ถึงเมตร ในมือกำมีดโบวี่สำหรับเดินป่าเอาไว้แน่น และก่อนที่ผมจะทันได้ทำอะไร น้าเอ้ก็เข้ามาประชิดตัวแล้วใช้มีดที่อยู่ในมือจ้วงแทงมาที่สีข้างของผมโดนที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะจับตัวผมโยนออกไปที่นอกชานหน้าบ้าน ผมขยับมือจะหยิบปืนที่ตกอยู่ต่อหน้า แต่ยังไม่ทันจะถึงเขาก็เตะมันออกไปเสียก่อน 

         "ยังจำได้ไหม ก่อนที่แกจะออกไปจากบ้าน แกซัดฉันเสียหมอบไปเลย คราวนี้ฉันจะเอาคืนบ้างล่ะ"

         เขาแสยะยิ้ม นัยตาเหลือกโปน อา มันช่างเหมือนกับความฝันของผมเหลือเกิน แล้วเขาก็ยกปืนขึ้นแล้วเล็งมันมาที่ผม ตาของผมมันมัวไปหมดแล้วในขณะนั้น คงเป็นเพราะอาการเสียเลือดมากนั้นเอง ในตอนนั้นผมคิดแต่เพียงว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเหมือนไม้กระทบกับของแข็ง โป๊ก ! ผมลืมตาขึ้นมาดู แม่ผมนั่นเอง น้าเอ้ทรุดลงไปนั่งกุมขมับ แต่ก็เป็นเพียงครู่เดียวเท่านั้น ทันทีที่รู้สึกตัวเขาก็หันไปบีบคอแม่จนล้มลง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้ชุลมุลกันอยู่ ผมก็เหลือบไปเห็นกล่องยาที่เคยตั้งอยู่ฝาผนัง ตอนนี้มันหล่นลงมาจนฝาเปิดออก ผมมองเห็นกรรไกรเล่มใหญ่โผล่ด้ามออกมา ผมจึงรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย คลานไปหยิบกรรไกรแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วพุ่งไปที่ตัวน้าเอ้กำลังนั่งหันหลังคล่อมอยู่บนตัวแม่ ผมจ้วงแทงไปที่คอของเขานับครั้งไม่ถ้วน แทงอยู่อย่างนั้นจนเขาล้มลง เมื่อแน่ใจว่าสิ้นลมแล้วจึงพลักร่างเขาออก เลือดเปอะเปื้อนเต็มหน้าแม่ไปหมด รวมทั้งผมเองก็ด้วย หลังจากนั้นผมก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้น หมดสติไป 

ชิตชัย   "สรุปแล้วพ่อเลี้ยงของคุณก็คือฆาตกร กับใครอีกคนนะที่ดูเหมือนจะร่วมมือกัน"

ชลนที   "นิกแฟนของมิ้น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกจับ ตำรวจสืบเรื่องนี้ได้ไม่นานก็ตามยึดของกลางได้จนหมด"

ชิตชัย   "ใช่ ใช่ แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น"

         ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนพลบค่ำแล้วผมพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแลัวหันไปรอบๆ ก็พบว่าไม่ใครอยู่เลย แต่ผมก็รู้ดีว่าควรจะไปหาแม่ได้ที่ไหน ผมเดินโซซัดโซเซไปที่วัดประจำหมู่บ้าน คนพวกนั้นเพิ่งนำศพที่น่าจะเป็นน้าเอ้ใส่โลง ส่วนแม่ก็เอาแต่ร้องให้ที่หน้าโลงศพนั้น ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วพยายามเรียกท่าน แต่แม่ก็ไม่แม้แต่จะหันมามองผมด้วยซ้ำ แม่คงโกรธผมมากถึงเรื่องที่ผมทำกับน้าเอ้ ผมยืนเฉยอยู่อย่างนั้นรู้สึกเคว้งคว้างไปหมดไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเลยในตอนนั้น 

         ผมได้แต่เดิน เดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลไม่รู้ว่ามันหายไปไหนหมด แล้วในที่สุดผมก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะไปที่ไหน ใช่ ผมเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆยังจุดชมวิว แล้วก็นั่งลงตรงนั้นที่เก้าอี้ตัวเดิม พระอาทิตย์กำลังจะลับลงที่สันเขา มันช่างเป็นอะไรที่สวยงามและเหมาะเจาะดีเหลือเกิน นั่งอยู่ได้สักพักก็ได้ยินเสียงห้กกิ่งไม้เหมือนเดิม ใช่ คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากนิษา 

         "วิวสวยดีเนอะ" 

        เธอพูดโดยที่ไม่ได้หันมองมาที่ผม ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงช้าๆที่เก้าอี้ข้างๆ 

        "นึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว" 

        นิษาหันมายิ้มอย่างน่ารัก ใบหน้าของเธอตอนนี้ ดูสดใสร่าเริงต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด เธอยื่นมืออันละมุนของเธอมาลูบที่หัวผมเบาๆก่อนจะพูดว่า 

        "ในที่สุดก็ปิดคดีได้เสียที คงจะเจออะไรหนักๆมามากสินะ คราวนี้เธอคงได้พักบ้างแล้วล่ะ"

        เธอเอามือมากดหัวผมให้ซบไปที่ไหล่ของเธอ จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เราทั้งคู่ต่างก็จ้องมองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะหายลงไปในหุบเขา ความรู้สึกของผมตอนนั้น มันเป็นการพักที่ไม่ใช่แค่การพักเหนี่อยทั่วๆไป แต่มันเป็นการพักทั้งกายและใจ จริงๆ 


ชลนที   "เรื่องมันก็มีอยู่แค่นี้แหละ" 

ชิตชัย   "อืม นิยายของคุณนี่มันสนุกจริงๆนะ แต่เกรงว่าผมคงจะต้องตรวจสอบดูอีกรอบหนึ่ง ว่าเนื้อเรื่องของคุณจะไปซ้ำกับของใครหรือเปล่า"
 
ชลนที   "นี่คุณหาว่าผมแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเองงั้นเหรอ นี่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆนะคุณ และรายชื่อที่ถูกพูดถึงทุกคนก็มีอยู่จริงทั้งหมด" 

ชิตชัย   "ใช่ ทุกคนที่คุณพูดถึงมีอยู่จริงทั้งหมดและยังสามารถค้นหาข้อมูลได้ แต่ว่าทุกคนที่คุณกล่าวอ้างได้ตายไปหมดแล้ว รวมถึงชลนทีรายชื่อที่คุณเอามาแอบอ้างด้วย คุณเป็นใครและต้องการอะไรกันแน่" 

ชลนที   "นี่คุณยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดอีกงั้นเหรอ แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ว่ายังไงผมก็ยังอยากให้คุณเขียนเรื่องของผมนะ แม้ว่าคุณจะต้องเปลี่ยนชื่อตัวละครทั้งหมดก็เถอะ ตอนนี้มันดึกมากแล้วผมคงต้องขอตัวก่อน ขอบคุณมากและยินดีที่ได้พบคุณ " 

ชิตชัย   " ดี้ยวก่อนสิคุณ กลับมาก่อน เราต้องคุยกันนะ"

เจ้าของร้าน   "เอะอะโวยวายอะไรกันคุณ ดูสิคุณทำลูกค้าของผมตกใจ จนพากันหนีไปหมดแล้ว" 

ชิตชัย   "อ่าว นี่ผมฝันไปเหรอนี่ แล้วผู้ชายคนนั้นไปไหน คนที่นั่งคุยกับผมเมื่อกี้"

เจ้าของร้าน   "คุณนี่ถ้าจะประสาท ผู้ชายที่ไหนกัน คุณน่ะมาที่นีคนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็เที่ยวสั่งนู้นสั่งนี่กินอย่างละสองชุด แล้วก็พูดอยู่คนเดียวจนหลับไปคาแก้วกาแฟของคุณเองฎ
 
ชิตชัย   " เดี้ยวนะ ผมมีเทปที่มันบันทึกเสียงของผู้ชายคนนั้นเอาไว้  ลองฟังดูสิ"

                                                           "ซู่ ................................................ซู่ "

เจ้าของร้าน   “อะไรของคุณ ไม่เห็นจะมีเสียงอะไรเลย"

ชิตชัย   “เอางี้ ถ้าคุณไม่เชื่อ ดูในมือถือผมก็ได้   นี่ คนในรูปนี้แหละที่นัดให้มาพบที่นี่ ชื่อว่าชลนที ดูซะสิ"

เจ้าของร้าน   “เวรล่ะ คุณแน่ใจนะว่าเป็นคนนี้  ได้ ถ้างั้นตามผมมา"

ชิตชัย   “เดี้ยวๆคุณจะพาผมไปไหน ในนั้นมันป่าช้าไม่ใช่เหรอคุณ”

เจ้าของร้าน   “อะ  ดูซะให้เต็มตา ใช่คนนี้หรือเปล่า เพราะถ้าใช่ ก็แสดงว่าคุณเจอดีเข้าแล้วล่ะ เพราะคนนี้นะตายมาตั้ง5-6 ปีแล้ว   อ้าว คุณ เป็นอะไรไปน่ะ   เฮ้ย ! ใครก็ได้ช่วยด้วย มาทางนี้หน่อย มีคนเป็นลม"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่