อดีตหลอน ซ่อนอำมหิต (บทที่5)





บทที่ 5 เบาะแสชิ้นใหม่

         ทันทีที่เสร็จธุระยุ่งๆ ผมก็รีบขับรถกลับบ้านทันทีด้วยความเหนี่อยอ่อน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ตอนอาหารค่ำพอดี 

         "ไหนบอกแม่ว่าจะไม่กลับค่ำไงลูก"

         "นี่มันก็ยังไม่เย็นมากซะหน่อย"

         "จ้ะ ไม่เย็นมากหรอก แค่ทุ่มกว่าเอง รีบไปล้างไม้ล้างมือมากินข้าวซะก่อนเถอะ แล้วเดี้ยวค่อยไปอาบน้ำ"

         ผมรีบทำตามที่แม่สั่ง และหลังจากที่ล้างมือเสร็จ จึงมาร่วมวงเพื่อรับประทานอาหาร 

         "ทำอะไรอยู่เหรอ น้าเอ้"

         "อ้อ สายนาฬิกามันหลุดน่ะ" 

         "ไหนขอผมดูหน่อย อ้อ เข็มล็อกมันหลุดน่ะน้า รอเดี้ยวนะ ผมพอจะมีของเก่าอยู่น่าจะใส่แทนกันได้"

         เมื่อใส่เข็มล็อกสายนาฬิกาจนเสร็จ ผมจึงยื่นมันให้กับน้าเอ้ 

         "นาฬิกาสวยนะครับ"

         "ชอบเหรอ น้าซื้อมือสองมาน่ะ ใช้มาหลายปีแล้ว ยี่ห้อนี้ทนใช้ได้เลย"

         "ดีครับ" 

         ผมตอบยิ้มๆ แล้วหันมาพูดกับแม่ต่อ 

         " เออนี่แม่ ได้ยินว่าเอนกจะกลับมาบ้านสักสองสามวัน แม่ว่าไงบ้าง มันบอกว่าป้าของมันก็อยากให้มันกลับบ้านพอดี"

         "เหรอลูก ก็ดีน่ะสิ แล้วทำไมไม่ชวนให้มาพักด้วยกันเสียที่นี่ ลูกจะได้มีเพื่อนไง"

         "มันไม่ยอมมาหรอกครับ ผมชวนแล้ว แต่มันบอกแปลกที่แล้วนอนไม่หลับ คงจะไปพักกับป้ามันที่สวนนู้นแหละ แล้วอีกอย่างผมก็โตแล้วนะแม่ นอนคนเดียวจนชินเสียแล้ว"

         "อ้อเหรอจ้ะ"

         ทันทีที่พูดจบเสียงหัวเราะที่เคยห่างหายไปจากแม่และน้าเอ้ก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศของอาหารค่ำในมื้อนั้นกลับมาอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมานาน พอถึงเช้าวันต่อมาผมก็รีบขับรถเข้าไปในเมืองอีกครั้งทันที ขับไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่นายแตงเขียนบอกไว้ในแผนที่ มันพาผมมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญแห่งหนึ่ง 

         ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบที่ผมเผลอม่อยหลับและยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน เศษก้นบุหรี่กองอยู่เต็มระเกะระที่ข้างประตูรก ผมขยับแขนเพื่อดูนาฬิกาที่ข้อมือ เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ในขณะที่แขนอีกข้างก็เอื้อมไปหยิบบุหรี่ตรงหลังพวงมาลัยที่เหลือเพียงมวนสุดท้ายก่อนจะจุดมันสูบสายตาก็คอยจับจ้องไปที่หน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา คุณคงสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่เดินเข้าไปกดกริ่ง แล้วเข้าไปถามเสียให้รู้แล้วรู้รอด ใช่ ผมจะทำอย่างอย่างนั้นก็ได้ แต่จะให้ได้คำตอบที่ชัดเจนนั้นคงไม่มีทาง โดยเฉพาะกับพ่อค้ายาที่มีอาวุธปืนในมือ ซึ่งผมมีแผนที่ดีกว่านั้นและมันจะต้องทำให้คนพวกนี้เปิดปากพูดออกมาจนหมดเปลือกเลยทีเดียว งานของผมตอนนี้จึงมีเพียงแค่รอและรอ ผมนั่งอยู่ที่รถจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงได้ขับรถกลับไปบ้านเพื่อพักผ่อน และรอคอยการมาถึงของเอนก 

ชิตชัย   "อะไรทำให้คุณตัดสินว่าคนที่คุณเห็นจากในรูป เพียงแค่ครั้งเดียวจะเป็นฆาตรกร"

ชลนที   "ผมยังไม่ได้สรุปอะไรเลยนะในตอนนั้นน่ะ ผมทำทุกอย่างตามเบาะแส ซึ่งถ้ามันพลาด ผมก็แค่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่"      

         บ่ายวันต่อมา ในขณะที่ผมนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้าน โดยไม่ต้องคิดผมรีบลุกขึ้นแล้วออกไปดูที่นอกหน้าต่างทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้เมื่อเห็นเอนกญาติห่างๆของผมยืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่หน้าบ้าน 

         หลังจากทักทายแม่และน้าเอ้เรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบพาเอนกเข้าห้อง

         "แผนคืออะไร ?"

         "คืออย่างนี้ จากที่ได้เฝ้าดูมันมาสองสามวัน ทำให้ฉันรู้ว่าบ้านหลังนั้นมีคนเข้าออกตลอด แต่ก็จะเป็นเฉพาะช่วงหลังเก้าโมงเช้าไปแล้วเท่านั้น นั้นคือช่วงที่ลูกและเมียของมันออกไปข้างนอก นั้นจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่เราจะเข้าไป ฉันมั่นใจว่ามันมีของอยู่ในมือ แค่รู้จังหวะ เท่านี้เราก็ได้เปรียบแล้ว เมื่อเสร็จธุระเราก็รีบออกเท่านั้น จบ"

         "แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง"

         "มันเสี่ยงเกินไป นายแค่ขับรถให้ฉันก็พอ"

         "แกจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเข้าไปตอนที่มันจะมีของอยู่ในมือ ไม่มีพ่อค้ายาคนไหนเก็บยาไว้ในบ้านของตัวเองหรอก"

         "ฉันไม่รู้ แต่เราต้องเสี่ยง ถ้ามันลำบากนักฉันก็แค่ต้องเอาปืนจ่อหัวให้มันพูด"

         "ขืนทำอย่างนั้นมีหวังมันได้ตามราวีเราไม่เลิก ทำตามแผนของฉันดีกว่า เราจะไปที่มหาวิทยาลัย แล้วควานหาตัวไอ้ลูกกระจ้อกที่คอยส่งยาให้กับพวกนักศึกษา เมื่อเจอมันฉันจะแสดงตัวเป็นตำรวจแล้วลากคอมันพร้อมกับยา แล้วไปที่บ้านหลังนั้นเค้นให้หัวหน้าของมันพูดความจริงเรื่องลัดดา จากนั้นเราก็กลับบ้าน จบแบบง่ายๆแฮปปี้ทั้งสองฝ่าย" 

         "แผนนายเข้าท่าดีนี่ งั้นเอาตามนั้นก็ได้ ว่าแต่นายเอาของที่สั่งมาด้วยหรือเปล่า"

         แล้วมันก็ยื่นห่อผ้าที่ดูเหมือนจะมีของแข็งอยู่ข้างในมาให้ผม

         "เอ้านี่ .38 ออโตเมติค ใหม่เอื่ยม ไม่มีประวัติ ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน"

         "ตามรอยไม่ได้แน่นะ"

         "เชื่อเถอะน่า ฉันเป็นตำรวจนะโว้ย !"

         "งั้นเราก็พร้อมลุย วันพรุ่งนี้ฉันจะไปหาไอ้แตง เพื่อให้มันนำเราไปหาไอ้เด็กส่งของ"

         หลังจากทบทวนแผนการณ์เสร็จเรียบร้อย ผมก็ถือโอกาสชวนให้มันนอนค้างที่บ้าน

         "งั้นนายก็ไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะ เดินทางมาเหนี่อยๆ ว่าแต่จะไม่นอนค้างที่บ้านฉันจริงๆเหรอวะ"

         "ไม่ละ นานๆจะได้กลับมาเสียที ขืนนอนนี่ป้าฉันได้บ่นตาย ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วล่ะ ว้า ฉันต้องรีบกลับก่อนแล้ว ตั้งแต่มาถึงนี่ฉันยังไม่ได้เข้าบ้านเลย"

ชิตชัย   "เพื่อนคุณเป็นตำรวจงั้นเหรอ" 

ชลนที   "อ้าว ผมลืมบอกคุณงั้นเหรอ ใช่ครับ เราเรียนตำรวจรุ่นเดียวกัน แต่ประจำกันคนละท้องที่ แต่เราก็พบปะกันอยู่บ่อยๆจนกระทั่งผมลาออกมาก่อน"
 
ชิตชัย   "อืม คุณก็เลยขอให้เขาเข้ามาช่วยทำคดี"
 
ชลนที   "คือ จริงๆแล้วตอนนั้น ผมอยากให้เขาคิดว่ามันเป็นการพักผ่อนมากกว่า ผมแค่ต้องการเพื่อนคู่คิด ไม่ได้ต้องการให้ใครต้องมาเดือดร้อนด้วย แต่ก็นั้นแหละเขามันเป็นคนหัวดื้อ และก็ยังเป็นพวกที่ชอบถึงไหนถึงกัน ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย"

ชิตชัย   "งั้นเล่าต่อเถอะครับ"

ชลนที   "โทษนะครับ แต่ไอ้นี่มันจำเป็นต่องานของคุณด้วยเหรอ"

ชิตชัย   "อะไร โน็ตบุ๊คนี่น่ะเหรอ นอกจากจะใช้ทำงานแล้ว ผมก็ยังใช้มันหาข้อมูลต่างๆที่จำเป็นได้อีกด้วย อย่างถ้ามีใครพยายามจะโกหกผม ผมก็จะรู้ได้ทันทีจากไอ้นี่"

ชลนที   "นั่นสินะ โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะจริงๆ"

         ในช่วงสายของวันถัดมา ผมและเอนกก็ขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของนายเบิ้มพ่อค้ายารายใหญ่ ตามแผนที่ได้วางกันเอาไว้

         "นายคิดยังไงถึงได้รับทำงานนี้ หน้าเลือดอย่างแกถ้าไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวด้วย ฉันก็เชื่อลำบากว่ะ"

         "เปล่า ไม่ใช่เรื่องเงินหรอก ฉันก็แค่สงสารหล่อน เห็นหน้าหล่อนแล้วฉันปฏิเสธไม่ลงว่ะ"

         "งั้นนายก็ชอบนิษา"

         "อืม มันแปลกนักเหรอ ก็เธอทั้งสวยและเก่งออกอย่างนั้น หล่อนทำให้ฉันต้องวิ่งไล่ตามมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ หวังว่าหลังจากเสร็จงานนี้มันคงจะทำให้หล่อนพอใจ และหันมามองฉันบ้าง"

         "แกนี่มันแผนสูงนี่หว่า"

          "นี่ฉันพูดบ้าอะไรออกไปวะเนี่ย เวรเอ้ย! ต้องรีบไปแล้ว อีก 15 นาทีเจอกันนะเพื่อน อ้อ แล้วก็ช่วยทำให้ไอ้เวรที่อยู่ท้ายรถนั่นมันเงียบเสียงหน่อยได้ไหม ก่อนที่ชาวบ้านเขาจะแห่กันออกมาดูเรา"

         ผมรีบลงจากรถ แล้วไปกดกริ่งที่หน้าประตู ไม่กี่อึดใจก็มีผู้ชายแก่ๆที่ดูเหมือนจะเป็นคนสวนมาเปิด เขาพาผมเข้าไปนั่งรอยังห้องรับแขก ที่นี่ใหญ่โตโอ่อ่ามาก ไม่น่าเชื่อว่าจากเด็กส่งยาลูกกระจ๊อกอย่างนายเบิ้ม ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีจะเติบโตในวงการได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ออกมา ใส่เสื้อเชิตแขนสั้นลายหมากรุก สวมกางเกงขายาวสแล็คสีเทา เดินมาที่ผมก่อนจะนั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้างงๆ 

         "จำไม่ได้ว่านัดแขกเอาไว้ คุณเป็นใครและต้องการอะไร"

         "ผมจะเป็นใครมันไม่สำคัญหรอกคุณเบิ้ม ผมก็แค่นำของที่คุณทำหล่นเอาไว้มาส่งเท่านั้นเอง"

         เจ้าเบิ้มลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้เห็นของที่อยู่ในมือผม

         "เฮ้ยๆ เดี้ยว! นี่มันอะไรกันวะเนี่ย แกเป็นตำรวจงั้นเหรอ นั้นไม่ใช่ของๆฉัน ฉันไม่รู้เรื่อง ออกไปจากบ้านของฉันเดี้ยวนี้นะ"
 
         เหมือนว่ามันพยายามจะหยิบปืนที่อยู่ตรงหลังโซฟา ผมจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอาปืนพกของผมจ่อไปหัวของมัน ก่อนจะตะคอกไปว่า 

         "หยุดตรงนั้นเลยอย่าได้คิดตุกติกนะ อ้อ ใช่หลักฐาน แกต้องการหลักฐานสินะ เดี้ยวรอฉันโทรศัพท์แปปหนึ่ง"

         "นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย"

         ผมรีบยกโทรศัพท์แล้วต่อสายไปถึงเอนกที่รออยู่ด้านนอกทันที โดยที่สายตายังคงจ้องไปนายเบิ้มอยู่ตลอด
 
         "เออ เรียบร้อยแล้ว พาเข้ามาได้เลย"
 
         เมื่อวางสายจากเอนก ผมกลับมาคุยกับมันต่อ 

         "เดี้ยวแกก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอามือหยิบปืนนั่นออกจากหลังโซฟานั้นเดี้ยวนี้ ช้าๆนะ อย่างนั้นแหละ เอาล่ะ ส่งมันมาให้ฉัน ช้าๆ อย่าได้คิดตุกติกเชียวนะเพื่อน อย่างนั้นล่ะ โอเค ทีนี้ยกมือขึ้นเหนือหัวให้ฉันเห็น แล้วค่อยๆนั่งลง"

         ไม่กี่นาทีต่อมา เอนกก็พาลูกน้องของนายเบิ้ม เข้ามาในห้อง 

         "นั้นไงล่ะ พวกเขามากันแล้ว จำคู่หูของนายได้ใช่ไหมเพื่อน"

         เจ้าเบิ้มมีสีหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้เห็นลูกน้องของตัวเองถูกมัดเอาไขว่หลังอย่างหมดสถาพ 

         "ไอ้พวก! แกไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร แกรู้ไหมว่าจ่ายให้กับพวกที่ใหญ่กว่าเป็นสิบเท่าทุกๆเดือน อย่างพวกแกน่ะมันก็แค่ลูกกระจ๊อก เอาสิ! อยากได้อะไรก็เอาไปให้พอ เพราะทันทีที่แกกลับฉันจะโทรไปบอกนายของแก งานนี้แกกับคู่ขาของแกมีหวังได้หมดอนาคตแน่"

         "แกต่างหากล่ะที่จะหมดอนาคต ถ้าฉันต่อสายถึง ปปส. ตอนนี้ แกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันบอกให้ก็ได้ พวกเขาจะมาถึงที่นี่ในอีก 20 นาที พวกเขาจะพบทั้งยาและคำสารภาพจากลูกน้องของแก พวกเขาจะค้นทุกๆตารางนิ้วของที่นี่จนกว่าจะเจอยาที่เหลือ ซึ่งฉันมั่นใจว่ายังมีอยู่ที่นี่อีกเยอะ งานนี้แกได้เน่าตายในคุกแน่"

         เมื่อผมพูดจบเขาก็เริ่มมีท่าทีที่อ่อนลง และพูดเสียงอ่อยๆ

         "ฟังนะ ตอนนี้ฉันมีเงินสดติดตัวอยู่ห้าแสน ถ้าแกต้องการเงินฉันว่าเรายังพอคุยเรื่องนี้กันได้"

         "ฉันไม่ได้ต้องการเงินของแกหรอก แค่มีเรื่องที่อยากจะถาม ขอให้แกตอบตามความจริง"

         "โธ่ เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้นี่หว่า ก็ได้ แกอยากรู้เรื่องไหนก็ถามมา ฉันจะตอบเท่าที่ตอบได้"

         ผมล้วงกระเป๋าเอาอัลบั้มรูปที่ได้จากนายแตง เมื่อวันก่อนออกมาให้มันดู 

         "นายเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงที่อยู่ในรูปนี้"
 
         "นี่มันรูปสมัยเรียน ใช่ ฉันรู้จักเธอ เธอชื่อนิษา"

         "นิษา งั้นเหรอ ?"
         
         
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่