ฉลาดกว่าหมอ!แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินหมอสูญกว่า 100 ล้าน

ตำรวจเร่งตามล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกสองแม่ลูกเจ้าของคลินิก อดีต ผอ.ศูนย์แพทย์ ให้โอนเงินสูญกว่า 100 ล้านบาท
 9 ต.ค.2565 –  พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.ภ.8  ได้เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีมีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยมี พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4  พ.ต.อ.คงกฤษ ศรีผ่องงาม รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 2 ศปก.สภ.เมืองชุมพร
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565  ได้มีแพทย์หญิง อดีตแพทย์อายุรกรรม โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร และอดีต ผอ.ศูนย์แพทย์ศาสตร์ศึกษา ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วและเปิดคลินิกอยู่ใน จ.ชุมพร พร้อมด้วยบุตรสาว  ได้แจ้งความร้องทุกข์ถูกคนร้ายฉ้อโกงเงินโดยมีพฤติการณ์แห่งคดี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.ย.65 เวลากลางวัน คนร้ายที่ 1 ได้โทรศัพท์ติดต่อมายัง น.ส.ฎา (นามสมมุติ) และแสดงตัวเป็นพนักงานขนส่งบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง และแจ้งว่า น.ส.ฎา ได้ส่งพัสดุมีสิ่งของผิดกฎหมายไปยังผู้รับปลายทางซึ่ง น.ส.ฎา จะต้องถูกดำเนินคดีที่ สภ.เมืองเชียงราย และแนะนำให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย
จากนั้นได้ให้ น.ส.ฎา ติดต่อกับบัญชีไลน์ชื่อ “สภ.เมืองเชียงราย” และได้มีคนร้ายที่ 2 แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย พูดคุยหว่านล้อมให้ น.ส.ฎา เชื่อว่าตนเองจะต้องถูกดำเนินคดีมีโทษจำคุก จากนั้นคนร้ายที่ 2 ได้แนะนำให้ น.ส.ฎา พูดคุยกับ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย เพื่อจะสื่อให้ น.ส.ฎา เชื่อว่าเหตุการณ์ที่สนทนากันเป็นเรื่องจริง จากนั้นคนร้ายที่ 2ได้ส่งบัญชีไลน์ซื่อ “พ.ต.อ.กิตติพงษ์” ให้ น.ส.ฎา ทำการติดต่อ โดยแจ้งว่าเป็นผกก.สภ.เมืองเชียงราย จากนั้น น.ส.ฎา จึงได้ติดต่อกับผู้ใช้บัญชีไลน์ซื่อ “พ.ต.อ.กิตติพงษ์” และได้มีคนร้ายที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อ “พ.ต.อ.กิตติพงษ์” ได้แสดงตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พูดจาหว่านล้อมข่มขู่ น.ส.ฎา ให้เกิดความกลัวว่าตนเองจะต้องถูกยึดทรัพย์สิน และถูกจำคุกที่ สภ.เมืองเชียงราย และแนะนำว่าถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้ น.ส.ฎา โอนเงินมาทำการตรวจสอบ
จากพฤติกรรมของแก๊คอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวจึงทำให้ น.ส.ฎา หลงเชื่อและได้แจ้งให้แพทย์หญิงเจ้าของคลีนิคผู้เป็นมารดาทราบ จากนั้นทั้งสองคนจึงได้ใช้บัญชีธนาคารของตนจำนวน 4 บัญชี คือ บัญชีธนาคารกรุงไทย 2 บัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ 2 บัญชี โอนเงินไปให้บัญชีธนาคารของคนร้ายหลายครั้ง และมีบัญชีปลายทางหลายบัญชี ตั้งแต่วันที่ 25-29 กันยายน 2565 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 101,871,381 บาท  
ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารเกิดความสงสัยได้ติดต่อมายังเจ้าของบัญชีธนาคารทั้ง 2 คน ทราบว่าตนเองถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินให้กับคนร้ายจนหมดแล้ว จึงได้เดินทางไปแจ้งร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
สำหรับคดีกชดังกล่าวพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้สอบสวนปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 คน พ้อมรายงานผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น และได้มอบสำนวนคดีโอนให้กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโลโลยี (บก.สอท.4) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดำเนินการสอบสวนสอบสวนติตามแก๊งคอนเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

https://www.thaipost.net/criminality-news/239176/
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ฉลาดในเรื่องการแพทย์  แต่ไม่รู้เรื่องอื่นๆอีกมากหรือมีอะไรที่เป็นจุดอ่อนซึ่งคนร้ายรู้  เลยเอามาสวมรอย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
หืม จั่วหัวได้แบบ อืมม

ทั้งๆ ที่มันก็คืออาชญากรรมเหมือนๆ กับคดีอื่นๆ
อย่างคดีฆาตกรรมสังหารหมู่ที่หนองบัวลำภูไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย

อาชญากรมันก็คืออาชญากร มันจ้องเฝ้าจู่โจมเหยื่อที่ไม่ระวังตัว หรือเหยื่อที่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้น้อย

แต่ทำไมอาชญากรรมแบบนี้เหยื่อถึงโดน victim blaming หรือโดน humiliate ขนาดนี้นะ

ทั้งๆที่เหยื่อก็เหยื่อเหมือนกัน ได้รับผลกระทบ เป็นผู้ถูกกระทำ บางรายโดนหลอกเอาเงินเก็บทั้งชีวิต สิ้นเนื้อประดาตัว เหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่กลับโดนซ้ำเติมแบบนี้ อืมม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่