ดาราจีนที่หายตัวไป
สรุปที่หายตัวไป ถูกหลอกให้ไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
"จุดเริ่มต้นของการถูกหลอก"
ซิงซิงให้การว่าเรื่องราวเริ่มต้นจากการถูกติดต่อผ่านแอปพลิเคชันวีแชต โดยผู้ติดต่อแอบอ้างชื่อบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทย ชักชวนให้มาร่วมงานในประเทศไทย ด้วยความไว้ใจในชื่อเสียงของบริษัท เขาจึงตัดสินใจเดินทางมา
ซิงซิง ดาราจีนชื่อดัง หายตัวปริศนา พบถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา! เปิดใจครั้งแรก เผยถูกบังคับโกนผม-ฝึกพิมพ์ดีด ขอบคุณทางการไทยช่วยเหลือ
"เปิดคำสารภาพ 'ซิงซิง' ดาราจีนถูกหลอกสู่แก๊งคอลเซ็นเตอร์"
จากกรณีที่สังคมจีนและไทยต่างฮือฮากับเหตุการณ์การหายตัวของ "ซิงซิง" หรือ "หวังซิง" นักแสดงหนุ่มชาวจีน หลังมีการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย Weibo เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 ระบุว่าเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่ชายแดนไทย-เมียนมา ล่าสุดเจ้าตัวได้รับการช่วยเหลือและเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"จุดเริ่มต้นของการถูกหลอก"
ซิงซิงให้การว่าเรื่องราวเริ่มต้นจากการถูกติดต่อผ่านแอปพลิเคชันวีแชต โดยผู้ติดต่อแอบอ้างชื่อบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทย ชักชวนให้มาร่วมงานในประเทศไทย ด้วยความไว้ใจในชื่อเสียงของบริษัท เขาจึงตัดสินใจเดินทางมา
เมื่อมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ มีรถมารับและพาตรงไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากนั้นถูกนำตัวข้ามแดนทางเรือที่บริเวณชายแดน แม้จะเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอกในขณะนั้น แต่ด้วยความกลัวทำให้ไม่กล้าขัดขืน
"เปิดคำให้การ 'ซิงซิง' ขั้นตอนบังคับเหยื่อเป็นสแกมเมอร์"
"3 อาคาร 3 ขั้นตอน" ซิงซิงเปิดเผยถึงวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บังคับเหยื่อให้กลายเป็นสแกมเมอร์ ในเมืองเมียวดี โดยใช้อาคาร 3 แห่งแบ่งตามขั้นตอน
"อาคารแรก" เป็นจุดรวบรวมเหยื่อกลุ่มแรก มีคนจีน 10 คน อยู่รวมกัน เป็นสถานที่แรกที่ซิงซิงถูกควบคุมตัว ก่อนจะถูกคัดแยกไปยังอาคารที่สอง
"อาคารที่สอง" เป็นแหล่งฝึกหัดขนาดใหญ่ มีคนจีนอยู่ราว 50 คน ที่นี่ซิงซิงถูกบังคับให้โกนผม และเริ่มฝึกพิมพ์ดีด เป็นจุดที่เขาเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูกบังคับให้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
"อาคารที่สาม" เป็นสถานที่สุดท้ายที่ซิงซิงถูกส่งตัวไป ก่อนที่จะมีการช่วยเหลือออกมาได้ทันเวลา ไม่ต้องถูกบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย
แก๊งอาชญากรรมมีการแบ่งพื้นที่ควบคุมตัวเหยื่ออย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การรวบรวม การฝึกฝน ไปจนถึงการบังคับให้ทำงาน โดยมีการควบคุมตัวในอาคารแยกส่วน ทำให้ยากต่อการหลบหนี และง่ายต่อการควบคุม
ขั้นตอนสำคัญคือการฝึกพิมพ์ดีด ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการทำงานคอลเซ็นเตอร์ โดยแก๊งมุ่งเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นผู้ร่วมขบวนการ แม้จะไม่สมัครใจก็ตาม
"ปฏิบัติการช่วยเหลือ"
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การช่วยเหลือซิงซิงเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและจีน หลังได้รับการช่วยเหลือ เจ้าตัวถูกนำตัวกลับมาทางเครื่องบินตำรวจ มาลงที่กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อเวลา 19.00 น.
"กระบวนการคุ้มครองและส่งกลับ"
ซิงซิงจะเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยจะได้รับการคุ้มครองและประสานส่งตัวกลับประเทศตามกระบวนการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมประสานให้ญาติมารับตัวกลับจีนตามขั้นตอน
"บทเรียนและการขยายผล"
เหตุการณ์ครั้งนี้เผยให้เห็นรูปแบบการหลอกลวงใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างชื่อบริษัทบันเทิงชื่อดัง โดยทางการจะทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรือไม่ ขณะที่ซิงซิงได้แสดงความขอบคุณทางการไทยที่ให้ความช่วยเหลือจนเขาได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/185696/?fbclid=IwY2xjawHq63pleHRuA2FlbQIxMQABHQTiyYJ04ux8tn9aLX-oPSC-ruQTc0-VgjEdtQazBdR-F2trYJTma9gV6w_aem_ROGHKw8TlrcxjH2AJ3c9Ow
ดาราจีนที่หายตัวไป สรุป ถูกหลอกให้ไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สรุปที่หายตัวไป ถูกหลอกให้ไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
"จุดเริ่มต้นของการถูกหลอก"
ซิงซิงให้การว่าเรื่องราวเริ่มต้นจากการถูกติดต่อผ่านแอปพลิเคชันวีแชต โดยผู้ติดต่อแอบอ้างชื่อบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทย ชักชวนให้มาร่วมงานในประเทศไทย ด้วยความไว้ใจในชื่อเสียงของบริษัท เขาจึงตัดสินใจเดินทางมา
ซิงซิง ดาราจีนชื่อดัง หายตัวปริศนา พบถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา! เปิดใจครั้งแรก เผยถูกบังคับโกนผม-ฝึกพิมพ์ดีด ขอบคุณทางการไทยช่วยเหลือ
"เปิดคำสารภาพ 'ซิงซิง' ดาราจีนถูกหลอกสู่แก๊งคอลเซ็นเตอร์"
จากกรณีที่สังคมจีนและไทยต่างฮือฮากับเหตุการณ์การหายตัวของ "ซิงซิง" หรือ "หวังซิง" นักแสดงหนุ่มชาวจีน หลังมีการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย Weibo เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 ระบุว่าเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่ชายแดนไทย-เมียนมา ล่าสุดเจ้าตัวได้รับการช่วยเหลือและเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"จุดเริ่มต้นของการถูกหลอก"
ซิงซิงให้การว่าเรื่องราวเริ่มต้นจากการถูกติดต่อผ่านแอปพลิเคชันวีแชต โดยผู้ติดต่อแอบอ้างชื่อบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทย ชักชวนให้มาร่วมงานในประเทศไทย ด้วยความไว้ใจในชื่อเสียงของบริษัท เขาจึงตัดสินใจเดินทางมา
เมื่อมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ มีรถมารับและพาตรงไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากนั้นถูกนำตัวข้ามแดนทางเรือที่บริเวณชายแดน แม้จะเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอกในขณะนั้น แต่ด้วยความกลัวทำให้ไม่กล้าขัดขืน
"เปิดคำให้การ 'ซิงซิง' ขั้นตอนบังคับเหยื่อเป็นสแกมเมอร์"
"3 อาคาร 3 ขั้นตอน" ซิงซิงเปิดเผยถึงวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บังคับเหยื่อให้กลายเป็นสแกมเมอร์ ในเมืองเมียวดี โดยใช้อาคาร 3 แห่งแบ่งตามขั้นตอน
"อาคารแรก" เป็นจุดรวบรวมเหยื่อกลุ่มแรก มีคนจีน 10 คน อยู่รวมกัน เป็นสถานที่แรกที่ซิงซิงถูกควบคุมตัว ก่อนจะถูกคัดแยกไปยังอาคารที่สอง
"อาคารที่สอง" เป็นแหล่งฝึกหัดขนาดใหญ่ มีคนจีนอยู่ราว 50 คน ที่นี่ซิงซิงถูกบังคับให้โกนผม และเริ่มฝึกพิมพ์ดีด เป็นจุดที่เขาเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูกบังคับให้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
"อาคารที่สาม" เป็นสถานที่สุดท้ายที่ซิงซิงถูกส่งตัวไป ก่อนที่จะมีการช่วยเหลือออกมาได้ทันเวลา ไม่ต้องถูกบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย
แก๊งอาชญากรรมมีการแบ่งพื้นที่ควบคุมตัวเหยื่ออย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การรวบรวม การฝึกฝน ไปจนถึงการบังคับให้ทำงาน โดยมีการควบคุมตัวในอาคารแยกส่วน ทำให้ยากต่อการหลบหนี และง่ายต่อการควบคุม
ขั้นตอนสำคัญคือการฝึกพิมพ์ดีด ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการทำงานคอลเซ็นเตอร์ โดยแก๊งมุ่งเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นผู้ร่วมขบวนการ แม้จะไม่สมัครใจก็ตาม
"ปฏิบัติการช่วยเหลือ"
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การช่วยเหลือซิงซิงเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและจีน หลังได้รับการช่วยเหลือ เจ้าตัวถูกนำตัวกลับมาทางเครื่องบินตำรวจ มาลงที่กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อเวลา 19.00 น.
"กระบวนการคุ้มครองและส่งกลับ"
ซิงซิงจะเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยจะได้รับการคุ้มครองและประสานส่งตัวกลับประเทศตามกระบวนการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมประสานให้ญาติมารับตัวกลับจีนตามขั้นตอน
"บทเรียนและการขยายผล"
เหตุการณ์ครั้งนี้เผยให้เห็นรูปแบบการหลอกลวงใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างชื่อบริษัทบันเทิงชื่อดัง โดยทางการจะทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรือไม่ ขณะที่ซิงซิงได้แสดงความขอบคุณทางการไทยที่ให้ความช่วยเหลือจนเขาได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/185696/?fbclid=IwY2xjawHq63pleHRuA2FlbQIxMQABHQTiyYJ04ux8tn9aLX-oPSC-ruQTc0-VgjEdtQazBdR-F2trYJTma9gV6w_aem_ROGHKw8TlrcxjH2AJ3c9Ow