JJNY : 5in1 ‘46ปี 6ตุลา’│พท.สงสัยเตรียมกู้เป็นทุนเลือกตั้ง│“บิ๊กอสังหา”ชี้ศก.ใกล้ถดถอย│ผู้ค้าหวยเดือด!│รัสเซียปลดผบ.ทหาร

จ่อจัดใหญ่ทั่วไทย ไต้หวันเอาด้วย ‘46 ปี 6 ตุลา’ สื่อ-พยาน รอพาทัวร์จุดเกิดเหตุ แง้มเปิดโรดแมปม็อบราษฎร
https://www.matichon.co.th/politics/news_3596649
  
 
จ่อจัดใหญ่ทั่วไทยครั้งแรก 4 ภาค ไต้หวันเอาด้วย ‘รำลึก 46 ปี 6 ตุลา’ สื่อ-พยาน รอพาทัวร์จุดเกิดเหตุ แง้มประเดิม ‘เปิดโรดแมป’ ม็อบราษฎร
 
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 ตุลาคม ที่บริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เครือข่ายนักศึกษาจัดงาน 6 ตุลา ร่วมแถลงข่าวถึงรายละเอียดของการจัดงานรำลึก 46 ปี 6 ตุลา ในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

นายศรัณย์ สัชชานนท์ หนึ่งในคณะผู้จัด กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแถลงข่าวรอบที่ 2 ของคณะกรรมการจัดงาน 6 ตุลา โดยนักศึกษาและกลุ่มพันธมิตร ครั้งนี้เป็นการแถลงเพื่อเน้นย้ำประสงค์และลงรายละเอียดงานว่า วัตถุประสงค์รูปแบบงานต่างๆ รวมถึงเรื่องอื่นๆ จะมีอะไรบ้าง
 
ด้าน น.ส.สุกัลยา หลักแหล่ง หนึ่งในคณะผู้จัดงาน กล่าวเสริมว่า สำหรับกำหนดการ ทางมหาวิทยาลัยจะดูแล และจะมีการกล่าวเปิดงาน รวมทั้งมีการกล่าวรำลึก และยืนไว้อาลัย โดย รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นจะเป็นการมอบรางวัล ‘จารุพงษ์ ทองสินธุ์’ ให้กับ ด.ช.วาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนวัย 15 ปี ที่ ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ระหว่างการชุมนุม #ม็อบ16สิงหาคมไล่ล่าทรราช เราจะเดินไปบ้านประยุทธ์ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และมอบรางวัลกวางจู
 
จากนั้น เวลา 10.30 น. จะย้ายไปในหอประชุม มีเสวนาเรื่อง “ความหวังที่ยังไม่ตาย อุดมการณ์ของนิสิตนักศึกษาในแต่ละยุค” นำโดย นายสุธรรม แสงประทุม อดีต ส.ส.หลายสมัย สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และนายชานันท์ ยอดหงษ์ หรือปกป้อง ผู้เขียนหนังสือ ‘นายใน’ และ ‘หลังบ้านคณะราษฎร’ ดำเนินการโดย นายนชาท เหล่าพานิช
 
น.ส.สุกัลยากล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจะมีการฉายหนัง “หลากความคิดผิดถึงตาย” และเสวนาเรื่อง “เ(สื่อ)ม สั่ง ตาย” เราตั้งใจในมุมมองของสื่อ ในเหตุการณ์ 6 ตุลา โดยเชิญวิทยากรที่เป็นนักศึกษายุค 6 ตุลา ซึ่งออกมาทำงานสื่อ และสื่อที่อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา และสื่อปัจจุบัน อย่าง น.ส. ฐปนีย์  เอียดศรีไชย ว่าได้รับแรงกดดันอะไรมาบ้าง ส่วนสื่อในเหตุการณ์นั้น ชื่อ นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ปนัดดา เลิศล้ำอําไพชนายุส ตินารักษ์ และดำเนินรายการโดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์
 
“ส่วนด้านนอก จะมี Walking tour และ Human Library โดยคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงมาเล่าถึงเหตุการณ์ พาชมสถานที่จริง และหลังจากนั้นเวลา 16.30 น. จะมี October to remember เป็นการล้อมวงเหล้าโดยคนในเหตุการณ์ 6 ตุลา และร่วมรับสมัครคนที่จะมาร่วมถกถาม ถกเถียงกัน
หลังจากนั้นในเวลา 18.30 น. จะมีการจุดเทียนพร้อมกันทั่วประเทศทั้ง 4 ภาค ของหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ” น.ส.สุกัลยาระบุ
 
ขณะที่ นายฐิรวัฒน์ แทบทัพ นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า รายละเอียดกำหนดการในแต่ละมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เราคุยกันว่า เราจะใช้ชื่อ “เครือข่ายนักศึกษาจัดงาน 6 ตุลา” เพื่อให้งานนี้ไม่ใช่แค่ของคนในกรุงเทพฯ หรือเป็นงานแค่ในรั้วธรรมศาสตร์เท่านั้น แต่จะทำให้งานนี้ไปยังจุดต่างๆ ในประเทศ โดยเริ่มจากภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ อย่างจุดแรกภายในกรุงเทพฯ เป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จะมีนิทรรศการตั้งแต่ 17.30-20.00 น. เป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันเหมือนกับในธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นี้ด้วย
 
และสถานที่ที่ 2 ทางเหนือ จะเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก จัดงานรำลึก 6 ตุลาเช่นเดียวกัน สถานที่ที่ 3 คือ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ที่อาคารอเนกประสงค์ชั้น 1 อาคารสำนักงานอธิการบดี และสถานที่ที่ 4 คือ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ก็จะมีงานรำลึกเช่นเดียวกัน
 
นายฐิรวัฒน์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ที่กรุงเทพฯ อีกจุดหนึ่ง จะมีกลุ่ม October to Remember จัดงาน “6 ตุลาหวังว่าเสียงลมจะพาล่องไป” ที่ลานคนเมือง และในวันที่ 9 ตุลาคมปีนี้ จะมีกลุ่มพันธมิตรชานม ที่ประเทศไต้หวัน จัดงานรำลึก 6 ตุลา ที่กรุงไทเป ปีนี้เป็นปีแรกที่เราได้จัดงานรำลึก 6 ตุลาทั่วประเทศ และไปสู่ต่างประเทศ อย่างประเทศไต้หวัน
 
นายรัชศักดิ์ คมกฤส หนึ่งในคณะผู้จัด กล่าวว่า งาน 6 ตุลาปีนี้ไม่อยากให้เป็นการย้อนอดีตรำลึกเพียงอย่างเดียว ในปีนี้จะสื่อไปถึงการเคลื่อนไหวในปัจจุบันและอนาคตด้วย ประเด็นที่เคลื่อนไหวกันในสังคมที่เป็นเรื่องใหญ่คือ มาตรา 112 การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และประเด็น 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
 
“งาน 6 ตุลาไม่ใช่เพียงการรำลึกวีรชนในอดีตอย่างเดียว แต่ก็ยังมีนักเคลื่อนไหว เพื่อนเราปัจจุบันที่ยังต่อสู้อยู่ มีบางคนอยู่ในคุกด้วยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม สิ่งนี้เป็นจุดประสงค์ของการจัดงาน 6 ตุลาด้วย” นายรัชศักดิ์ระบุ
 
ด้าน ลาดู ทะลุฟ้า กล่าวว่า พวกเราทางกลุ่มทะฟ้าและเครือข่ายราษฎร จะมาร่วมในกิจกรรมรำลึก 6 ตุลาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครั้งนี้ด้วย ซึ่งเราจะมาร่วมในวันนั้นเพื่อแถลงการณ์ถึงโรดแมป ซึ่งเป็นแนวทางของราษฎร ว่าพวกเราจะเคลื่อนไหวในรูปแบบไหนต่อไป เพื่อสานต่ออุดมการณ์ที่เรารำลึกในวันที่ 6 ตุลาคม
 
เราเชื่อว่าการต่อสู้ยังไม่ตาย และเราจะพานำไปสู่ความหวังและปลายทาง” ลาดูกล่าว
 

 
เพื่อไทย สงสัย ประยุทธ์ เตรียมกู้เงิน 1 ล้านล้าน หวังซื้อใจพรรคร่วม เป็นทุนเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7297461
  
เพื่อไทย สงสัย ประยุทธ์ เตรียมกู้เงิน 1 ล้านล้าน อาจซื้อใจพรรคร่วม เป็นทุนเลือกตั้ง แต่ประชาชนทั่วไป ไม่ได้อะไรจากเงินกู้ครั้งนี้เลย
  
3 ต.ค. 2565 – นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อได้ เนื่องจากยังไม่ครบ 8 ปี ตนไม่ว่ากัน เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
 
เพียงแต่น่าตกใจที่คนเป็นผู้นำ นับ 1-8 ไม่ครบ ทั้ง ๆ ที่เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าครบแล้ว หากไม่อายตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรอายเด็กบ้าง ส่วนที่อ้างว่าต้องอยู่เพื่อทำงานให้ประชาชน แล้วที่อยู่มา 8 ปี ผลงานที่อ้างว่า ทำมามากมายอยู่ตรงไหน
 
โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252 กิโลเมตร วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ปักหมุดปี 2560 จะแล้วเสร็จปี 2564 จนถึงเวลานี้ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างเลย นอกจากนี้ยังเมินเรื่องสอบปัญหาทุจริตโครงการถุงมือยาง 2,000 ล้าน ก็เงียบ เพราะกลัวกระทบพรรคร่วม ที่บอกเข้ามาปราบทุจริต คือคำพูดเพื่อให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
 
นายวิสาร กล่าวต่อว่า ล่าสุดเตรียมออก พ.ร.ก.เงินกู้อีก 1 ล้านล้านบาท อ้างเพื่อมาโปะงบประมาณ ซึ่งน่าอนาถใจไร้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินงบประมาณติดลบตลอด 8 ปี ทั้ง ๆ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถลุงจนเงินหมด แล้วจะให้ประชาชนไว้ใจได้อย่างไร การกู้เงินที่ผ่านมา 1.5 ล้านล้านบาท ก็ตรวจสอบยากมาก แม้จะมีคณะอนุกรรมการธิการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ แต่ทำไม่ได้ เพราะรัฐวางคนของรัฐไว้ ทำให้การตรวจสอบเป็นไปไม่ได้เลย รัฐบาลนำเงินภาษีประชาชน ไปทำโครงการสนองความต้องการของตัวเองและพวกพ้องทุกครั้ง
 
“การกู้เงินจำนวนมหาศาลในช่วงปลายรัฐบาล ไม่มีรัฐบาลไหนเขาทำกัน หลายฝ่ายกังขาว่า เงินที่กู้มาจะเป็นเงินที่นำไปซื้อใจพรรคร่วม แจกกันไปใช้ในการหาเสียงมากกว่านำมาพัฒนาประเทศ แล้วประชาชนได้อะไรจากเงินกู้นี้” ส.ส.เพื่อไทย กล่าวทิ้งท้าย


 
“บิ๊กอสังหา” ชี้เศรษฐกิจไทยใกล้ถดถอย แนะรัฐเร่งฟื้นกระตุ้นทุกด้าน ก่อนถูก ‘เวียดนาม’ แซง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3596439
 
“บิ๊กอสังหา” ชี้เศรษฐกิจไทยใกล้ถดถอย แนะรัฐเร่งฟื้นกระตุ้นทุกด้าน ก่อนถูก ‘เวียดนาม’ แซง
 
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาว่ายังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี ไม่ได้มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะตอนนี้ประชาชนรู้สึกได้อยู่แล้วว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี เชื่อว่า ทุกคนมีคำตอบอยู่แล้ว รวมถึงรัฐบาลเองก็รู้อยู่แล้วเศรษฐกิจไทยโตได้ตามที่ต้องการหรือไม่
 
“ช่วง 3 เดือนที่เหลือของปี 2565 อยากให้รัฐบาลมาให้ความสำคัญการฟื้นฟูเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน หลังโควิดระบาดต่อเนื่องถึง 3 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ไปมาก ยังต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ปัจจัยลบจากราคาพลังงาน เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้ครัวเรือนสูง” นายอุทัยกล่าว
 
นายอุทัยกล่าวว่า ในฐานะภาคเอกชนที่ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ อยากให้รัฐบาลดูแลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุดปรับขึ้นอีก 0.25% หรือ 1 สลึง เพราะดอกเบี้ยถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของเอกชนที่กู้เงินมาลงทุนพัฒนาโครงการ เมื่อดอกเบี้ยขึ้นต้นทุนก็ต้องขึ้นตาม ขณะเดียวกันจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าลดลง
 
“การขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ เงินไหลออก จากเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งเงินบาทอ่อน ถือว่าส่งผลีต่อการส่งออก และสินค้านำเข้าทุกอย่างจะได้รับผลกระทบหมด เช่น น้ำมันที่เรายังต้องนำเข้าอยู่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้งก็ส่งผลกระทบหมดทุกคน อยากให้รัฐบาลไปดูการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของต่างประเทศบ้าง นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว เพราะมีบางประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจเหมือนกัน แต่เขาไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย แต่ทำไมเศรษฐกิจเขายังเดินไปได้ เมื่อเปรียบเทียบไทยกับประเทศใกล้เคียง เช่น เวียดนาม เป็นประเทศกำลังเติบโต ตอนนี้เศรษฐกิจโดยรวมของไทยถดถอยกว่าเวียดนามมาก” นายอุทัยกล่าว
 
นายอุทัยกล่าวว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ซึ่งอยากให้รัฐบาลขยายมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และมาตรการการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันหรือกู้ได้เต็ม 100% จะสิ้นสุดมาตรการปลายปี 2565 นี้ออกไปอีก 1 ปี รวมถึงมาตรการให้ต่างชาติได้วีซ่าระยะยาว 10 ปี เพิ่มแรงจูงใจให้มาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยมากขึ้น เป็นต้น
 
“รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจทุกด้าน ทั้งภาคการส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุน เพราะตอนนี้เรากินบุญเก่ามานานมากแล้ว ต้องคิดใหม่ หาอะไรใหม่ๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจเราเดินหน้า เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ภาคธุรกิจหรืออื่นๆ ก็จะดีขึ้นตาม” นายอุทัยกล่าว
 
ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาบริหารงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลชุดเก่า มองในแง่ดีทำให้ยังเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มจะฟื้นตัวหลังโควิดที่เริ่มคลี่คลายและจากการเปิดประเทศ ได้เดินหน้าในช่วงระยะเวลาที่เหลือไม่กี่เดือนก่อนจะมีการเลือกตั้งในปี 2566 และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยากให้รัฐบาลขยายมาตรการต่างออกไปอีก เช่น ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาตรการ LTV เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่