เพื่อไทย ยก 5 จุดอ่อน อัดรัฐไร้นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7287434
เพื่อไทย ยก 5 จุดอ่อน อัดรัฐไร้นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น แนะ “ประยุทธ์-ประวิตร” หยุดทำร้ายประเทศไปมากกว่านี้
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท.กล่าวว่า ในภาคการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นที่จะถึงนี้ถือได้ว่าเป็นฤดูเก็บเกี่ยวรายได้ของเครื่องยนตร์เศรษฐกิจตัวนี้ เป็นเรื่องดีที่ ททท.เตรียมจัดแคมเปญ “Always
Warm” มุ่งทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวระยะไกลจายุโรป แคมเปญ “
ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” การกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่าง “
เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย” การขยายระยะเวลาพำนักในไทย การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบตามที่พรรคพท.เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ และมาตรการอื่นๆ ที่จะตามมา แต่หากกลับไปดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเหล่านี้ พบว่ายังไม่เป็นรูปธรรมและยังมีน้อยเกินไป แสดงถึงความไม่พร้อมของรัฐบาล
นาย
จักรพล กล่าวว่า พรรคพท.ขอชี้จุดอ่อนของรัฐบาลที่ไร้น้ำยาตั้งแต่การบริหารประเทศของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงรักษาราชการแทนนายกฯ อย่างพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากการคาดการณ์ของ ททท.วางเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ฟื้นตัวกลับมา 80% ของปี 2562 โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1.73 ล้านล้านบาท และคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะสร้างรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งหมดนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง หากยังมีจุดอ่อนทั้ง 5 จุด ดังนี้
1. เป้าหมายที่ต่ำเกินไป ตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เบาบางเกินไปอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาคธุรกิจ แรงงาน และตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเพียงร้อยละ 25 จากนักท่องเที่ยวปี 62 เท่านั้น ทั้งที่ความจริงควรเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณนักท่องเที่ยวเดิม
นาย
จักรพล กล่าวต่อว่า
2. การเตรียมความพร้อมการรองรับการท่องเที่ยวฟื้นตัวที่ช้าเกินไป หากย้อนไปในอดีตช่วงการระบาดของโควิด-19 แรกๆ รัฐบาลก็จัดหาวัคซีนและทำ Sandbox สำหรับการท่องเที่ยวล่าช้า อีกทั้งเพิ่งจะมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งที่ประเทศอื่นๆในโลกแทบจะเปิดประเทศแบบ 100% แล้ว
3 .การพัฒนาการท่องเที่ยวเฉพาะหน้า ไม่เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเฉพาะคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมไปถึงบัตรคนจน ที่สุดท้ายจะเหลือเพียงแต่หนี้สาธารณะไว้ให้คนรุ่นหลังใช้หนี้ไม่รู้จบ
4. ระบบต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กระท่อนกระแท่น นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาใช้จ่ายในประเทศไทย ยกตัวอย่างกรณีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย ปฏิเสธคนอินเดียจำนวนมาก ทั้งที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้อยากเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีกรณีเส้นทาง R3A โดยกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองตามชายแดนที่มีระยะเวลาทำเรื่องเข้าประเทศที่ยาวนาน และต้องเสียเวลามาสอบใบขับขี่ใหม่ ทั้งที่เข้าขับรถมาจากจีน สปป.ลาว แต่พอจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยกลับเสียเวลาที่ด่านเป็นวันๆ รัฐบาลควรคิดให้ครบวงจร ไม่ใช่เพียงขายผ้าเอาหน้ารอด
5. ปัญหาเรื่องสินเชื่อที่ไม่เข้าถึงผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เนื่องจากมีเงื่อนไขมากมายทำให้ผู้ประกอบการล้มหายไปมากขึ้น
นาย
จักรพล กล่าวอีกว่า นี่คือจุดอ่อนที่รัฐบาลต้องยอมรับและปรับปรุงตัวเอง แต่ประชาชนอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะพรรคพท.ได้เตรียมนโยบายรับมือไว้แล้ว ทั้งการแก้ไขปัญหาทางโครงสร้าง การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลกทางเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ ความรู้ เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ในประเทศควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น ศูนย์กลางความร่วมมือเอเชีย (ACD) หรือยุทธศาสตร์ ACMECS, พัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 3 ลุ่มแม่น้ำ (อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง) ต่อยอดด้วยกระบวนการกรุงเทพฯ (Bangkok process) เป็นต้น นี่คือตัวอย่างของวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนและเอเชีย โดยมีประเทศไทยเป็น 1 ในผู้นำทัพ พรรคพท.เชื่อว่ามาตรการและนโยบายทั้งหมดจะทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยกลับมายืน 1 อีกครั้ง ที่ผ่านมาประชาชนเห็นแล้วว่ากระบวนการคิด ตรรกะของรัฐบาลนั้นล้มเหลวและป่วยขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงการท่องเที่ยว แต่การบริหารด้านอื่นๆ ก็แทบจะเป็นนโยบายระยะสั้นเกือบทั้งหมด คิดเพียงแค่กระตุ้นแต่ไม่สามารถคิดนโยบายในระยะยาวได้เลย ตนขอเป็นตัวแทนของพรรคพท.ในการเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านการบริหารประเทศที่จะนำไปสู่รัฐล้มเหลวของพล.อ.
ประยุทธ์และพล.อ.
ประวิตร หยุดทำร้ายประเทศไทยไปมากกว่านี้
ก้าวไกลประกาศตั้งทีม จับตา กกต.เข้ม หวั่นทำสองมาตรฐาน ใช้กฎเหล็ก 180 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3585008
เมื่อวันที่ 27 กันยายน นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ด้านกิจการภายในและการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางป้องกันไม่ให้ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปฏิบัติขัดกับระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าขณะนี้กองอำนวยการเลือกตั้งของพรรค ก.ก.ที่มี นาย
กิตติชัย เตชะกุลวณิชย์ เป็นผู้อำนวยการ กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขตของพรรค ก.ก.สอบถาม และแจ้งปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านไลน์ ซึ่งจะมีทีมกฎหมายคอยดูแลอยู่
เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.จะร้อง กกต.ให้ตรวจสอบกรณีที่ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งพบว่าได้ขึ้นป้ายขนาดใหญ่ที่มีรูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ นาย
ณัฐชากล่าวว่า เราไม่มีแนวทางที่จะร้องคู่ต่อสู้ หรือดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมาย เพราะต้องรอความชัดเจนเรื่องข้อปฏิบัติจาก กกต. หากฝ่ายรัฐบาลดำเนินการไม่สอดคล้องกับระเบียบ กกต. เราจะให้ทีมกฎหมายดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน จะไม่ปล่อยให้ กกต.ทำหน้าที่สองมาตรฐาน
เมื่อถามถึงสัญญาณยุบสภาและกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตา พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 30 กันยายนนี้ นาย
ณัฐชากล่าวว่า เมื่อสังเกตจากสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน วันที่ 30 กันยายน หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในทิศทางที่เหมือนมีความพยายามให้ พล.อ.
ประยุทธ์อยู่ต่อ ซึ่งเราจะไม่ยอมรับผลการตัดสินนี้แน่นอน เพราะสามารถตีความง่ายมากว่า พล.อ.
ประยุทธ์เป็นนายกฯมาแล้ว 8 ปีหรือไม่ สถานการณ์ที่ร้อนแรงจากการที่มีประชาชนเฝ้าสังเกตการณ์ และต้องการออกมากดดันว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นการช่วยผู้มีอำนาจ ตนคิดว่าสังคมไปต่อไม่ได้
เมื่อถามว่าได้จับสัญญาณเรื่อง ส.ส.พรรค ก.ก.ย้ายพรรคหรือไม่ นาย
ณัฐชากล่าวว่า ตนคิดว่าในกรอบ 180 วันก่อนครบอายุสภาผู้แทนราษฎร จะมี ส.ส.ย้ายพรรคแน่นอน แต่ตนเชื่อว่า ส.ส.ที่จะย้ายสังกัด จะรอดูสถานการณ์วันที่ 30 กันยายนก่อน หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อก็อาจจะอยู่ต่อจนถึงสิ้นปี 2565 แล้วค่อยลาออก แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ วันที่ 1-2 ตุลาคม อาจจะมี ส.ส.ทยอยลาออกเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง
ดาหน้าจวก! ‘ทัพอากาศ’ ปิดน่านฟ้าดอนเมืองซ้อมส่งมอบตำแหน่งผบ.ทอ.
https://www.dailynews.co.th/news/1516975/
ส.ส.-นักวิชาการ-อดีตทหารคนดัง! ดาหน้าจวกกองทัพอากาศปิดน่านฟ้าดอนเมืองเพื่อซ้อมส่งมอบตำแหน่ง "ผบ.ทอ." ไม่นึกถึงความเดือดร้อนประชาชน ทำไม?ไม่ไปซ้อมนอกเขตการบินพาณิชย์ แถมติดแฮชแท็กเครื่องบินรบมีไว้รับส่งหน้าที่
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีกองทัพอากาศปิดน่านฟ้าสนามบินดอนเมืองเพื่อซ้อมพิธีรับส่งหน้าที่ผบ.ทบ. ว่าด้วยสถานการณ์ที่เป็นปีพ.ศ. 2565 แล้ว พี่น้องประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทุกอย่างหมดแล้ว การที่จะผบ.ทอ.คนเก่าจะเกษียณแล้วส่งมอบตำแหน่งให้คนใหม่ โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างจริง แล้วยังมีวัฒนธรรมนี้ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นในยุคสมัยนี้ ถ้าเช่นนั้นผอ.ทร. จะส่งมอบตำแหน่งไม่ต้องปิดน่านน้ำไทย หรือผบ.ทบ.จะส่งมอบตำแหน่งไม่ต้องปิดประเทศไปเลยหรือ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่นึกถึงเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งประชาชนจะจดจำผบ.ทอ.ที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ว่าสร้างความเดือดร้อนไปตลอด
นาย
ณัฐชากล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเวลาของบประมาณกองทัพ มักเอาความเดือดร้อนของกำลังพลหรือทหารชั้นผู้น้อยมาเป็นข้ออ้างในการของบประมาณ แต่เมื่อได้รับงบแล้วกลับนำไปใช้แต่กับเรื่องแบบนี้ คือเอาไปดูแลคนใหญ่ของโตหรือผู้บังคับบัญชา ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อกำลังพลอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีอ้างว่ารันเวย์ส่วนหนึ่งในสนามบินดอนเมืองเป็นกองทัพอากาศนั้น ในภาวะสงครามรันเวย์และสนามบินเป็นของกองทัพอากาศ แต่ในภาวะปกติต้องเป็นของประชาชน จะมาอ้างว่าแบ่งให้ประชาชนใช้และทวงบุญคุณเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.
พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“ใหญ่ซะเหลือเกิน อยากทำอะไรก็ทำ มีประเทศไหนทำกันแบบนี้บ้าง ทำไมไม่ไปซ้อมนอกเขตการบินพาณิชย์ นี่จะปิดอีกวันที่ 27, 30 ก.ย. ใครจะบินเข้า-ออกดอนเมือง กรุณาเช็คให้ดีก่อนบินค่ะ”
เช่นเดียวกับ ส.อ.
ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ “
หมู่อาร์ม” อดีตทหารที่เคยออกมาแฉพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชา ที่มาบังคับให้ลูกน้องเซ็นชื่อรับเบี้ยเลี้ยง-ค่าเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่ไม่ได้ไป ก็โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“พฤติกรรมนี้เขาเรียกว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ ผบ.ทอ.ใหญ่ค้ำฟ้า จนมองข้ามหัวประชาชน อย่าอ้างว่าแจ้งล่วงหน้าก่อน เพราะสิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกละเมิดจากอภิสิทธิชนของเหล่าทัพ ตอนประเทศเพื่อนบ้านรุกล้ำน่านฟ้าที่จ.ตาก ทำไมไม่ขนไปกันเครื่องบินรบน่ะ มัวทำอะไรกันอยู่ #เครื่องบินรบมีไว้รับส่งหน้าที่
งบปี 66 หนี้รัฐบาลพุ่งกว่า " ล้านล้านบาท" รวมยอดสะสมกว่า 10 ล้านล้าน
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/181401
เปิดแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลมีแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินกว่า 1 ล้านล้าน และเมื่อเข้าไปดูยอดหนี้รวมพบว่า ไทยมีหนี้สาธารณะกว่า 10.2 ล้านล้านบาท
นาย
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เรื่อง แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 พบว่า รัฐบาลมีแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,052,785.47 ล้านบาท โดยเป็น
ก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล 819,765.19 ล้านบาท
กู้เพื่อขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 695,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของรัฐบาล ส่วนที่เหลือเป็นการให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และวงเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องเงินคงคลัง
การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ วงเงิน 233,020.28 ล้านบาท
เป็นการกู้เพื่อการลงทุนในสาขาคมนาคม (รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3) สาขาพลังงาน (ปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน) สาขาสาธารณูปโภค (ปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาต่างๆ) สาขาที่อยู่อาศัย (พัฒนาที่อยู่อาศัย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง)
JJNY : 5in1 เพื่อไทยยก 5 จุดอ่อน│ก้าวไกลตั้งทีมจับตากกต.│ดาหน้าจวก! ‘ทอ.’│งบปี 66 หนี้รัฐบาลพุ่ง│เวียดนามสั่งอพยพนับแสน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7287434
เพื่อไทย ยก 5 จุดอ่อน อัดรัฐไร้นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น แนะ “ประยุทธ์-ประวิตร” หยุดทำร้ายประเทศไปมากกว่านี้
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท.กล่าวว่า ในภาคการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นที่จะถึงนี้ถือได้ว่าเป็นฤดูเก็บเกี่ยวรายได้ของเครื่องยนตร์เศรษฐกิจตัวนี้ เป็นเรื่องดีที่ ททท.เตรียมจัดแคมเปญ “Always Warm” มุ่งทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวระยะไกลจายุโรป แคมเปญ “ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” การกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่าง “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย” การขยายระยะเวลาพำนักในไทย การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบตามที่พรรคพท.เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ และมาตรการอื่นๆ ที่จะตามมา แต่หากกลับไปดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเหล่านี้ พบว่ายังไม่เป็นรูปธรรมและยังมีน้อยเกินไป แสดงถึงความไม่พร้อมของรัฐบาล
นายจักรพล กล่าวว่า พรรคพท.ขอชี้จุดอ่อนของรัฐบาลที่ไร้น้ำยาตั้งแต่การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงรักษาราชการแทนนายกฯ อย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากการคาดการณ์ของ ททท.วางเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ฟื้นตัวกลับมา 80% ของปี 2562 โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1.73 ล้านล้านบาท และคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะสร้างรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งหมดนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง หากยังมีจุดอ่อนทั้ง 5 จุด ดังนี้
1. เป้าหมายที่ต่ำเกินไป ตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เบาบางเกินไปอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาคธุรกิจ แรงงาน และตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเพียงร้อยละ 25 จากนักท่องเที่ยวปี 62 เท่านั้น ทั้งที่ความจริงควรเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณนักท่องเที่ยวเดิม
นายจักรพล กล่าวต่อว่า
2. การเตรียมความพร้อมการรองรับการท่องเที่ยวฟื้นตัวที่ช้าเกินไป หากย้อนไปในอดีตช่วงการระบาดของโควิด-19 แรกๆ รัฐบาลก็จัดหาวัคซีนและทำ Sandbox สำหรับการท่องเที่ยวล่าช้า อีกทั้งเพิ่งจะมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งที่ประเทศอื่นๆในโลกแทบจะเปิดประเทศแบบ 100% แล้ว
3 .การพัฒนาการท่องเที่ยวเฉพาะหน้า ไม่เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเฉพาะคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมไปถึงบัตรคนจน ที่สุดท้ายจะเหลือเพียงแต่หนี้สาธารณะไว้ให้คนรุ่นหลังใช้หนี้ไม่รู้จบ
4. ระบบต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กระท่อนกระแท่น นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาใช้จ่ายในประเทศไทย ยกตัวอย่างกรณีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย ปฏิเสธคนอินเดียจำนวนมาก ทั้งที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้อยากเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีกรณีเส้นทาง R3A โดยกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองตามชายแดนที่มีระยะเวลาทำเรื่องเข้าประเทศที่ยาวนาน และต้องเสียเวลามาสอบใบขับขี่ใหม่ ทั้งที่เข้าขับรถมาจากจีน สปป.ลาว แต่พอจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยกลับเสียเวลาที่ด่านเป็นวันๆ รัฐบาลควรคิดให้ครบวงจร ไม่ใช่เพียงขายผ้าเอาหน้ารอด
5. ปัญหาเรื่องสินเชื่อที่ไม่เข้าถึงผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เนื่องจากมีเงื่อนไขมากมายทำให้ผู้ประกอบการล้มหายไปมากขึ้น
นายจักรพล กล่าวอีกว่า นี่คือจุดอ่อนที่รัฐบาลต้องยอมรับและปรับปรุงตัวเอง แต่ประชาชนอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะพรรคพท.ได้เตรียมนโยบายรับมือไว้แล้ว ทั้งการแก้ไขปัญหาทางโครงสร้าง การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลกทางเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ ความรู้ เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ในประเทศควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น ศูนย์กลางความร่วมมือเอเชีย (ACD) หรือยุทธศาสตร์ ACMECS, พัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 3 ลุ่มแม่น้ำ (อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง) ต่อยอดด้วยกระบวนการกรุงเทพฯ (Bangkok process) เป็นต้น นี่คือตัวอย่างของวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนและเอเชีย โดยมีประเทศไทยเป็น 1 ในผู้นำทัพ พรรคพท.เชื่อว่ามาตรการและนโยบายทั้งหมดจะทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยกลับมายืน 1 อีกครั้ง ที่ผ่านมาประชาชนเห็นแล้วว่ากระบวนการคิด ตรรกะของรัฐบาลนั้นล้มเหลวและป่วยขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงการท่องเที่ยว แต่การบริหารด้านอื่นๆ ก็แทบจะเป็นนโยบายระยะสั้นเกือบทั้งหมด คิดเพียงแค่กระตุ้นแต่ไม่สามารถคิดนโยบายในระยะยาวได้เลย ตนขอเป็นตัวแทนของพรรคพท.ในการเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านการบริหารประเทศที่จะนำไปสู่รัฐล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร หยุดทำร้ายประเทศไทยไปมากกว่านี้
ก้าวไกลประกาศตั้งทีม จับตา กกต.เข้ม หวั่นทำสองมาตรฐาน ใช้กฎเหล็ก 180 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3585008
เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ด้านกิจการภายในและการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางป้องกันไม่ให้ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปฏิบัติขัดกับระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าขณะนี้กองอำนวยการเลือกตั้งของพรรค ก.ก.ที่มี นายกิตติชัย เตชะกุลวณิชย์ เป็นผู้อำนวยการ กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขตของพรรค ก.ก.สอบถาม และแจ้งปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านไลน์ ซึ่งจะมีทีมกฎหมายคอยดูแลอยู่
เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.จะร้อง กกต.ให้ตรวจสอบกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งพบว่าได้ขึ้นป้ายขนาดใหญ่ที่มีรูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า เราไม่มีแนวทางที่จะร้องคู่ต่อสู้ หรือดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมาย เพราะต้องรอความชัดเจนเรื่องข้อปฏิบัติจาก กกต. หากฝ่ายรัฐบาลดำเนินการไม่สอดคล้องกับระเบียบ กกต. เราจะให้ทีมกฎหมายดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน จะไม่ปล่อยให้ กกต.ทำหน้าที่สองมาตรฐาน
เมื่อถามถึงสัญญาณยุบสภาและกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 30 กันยายนนี้ นายณัฐชากล่าวว่า เมื่อสังเกตจากสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน วันที่ 30 กันยายน หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในทิศทางที่เหมือนมีความพยายามให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ซึ่งเราจะไม่ยอมรับผลการตัดสินนี้แน่นอน เพราะสามารถตีความง่ายมากว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมาแล้ว 8 ปีหรือไม่ สถานการณ์ที่ร้อนแรงจากการที่มีประชาชนเฝ้าสังเกตการณ์ และต้องการออกมากดดันว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นการช่วยผู้มีอำนาจ ตนคิดว่าสังคมไปต่อไม่ได้
เมื่อถามว่าได้จับสัญญาณเรื่อง ส.ส.พรรค ก.ก.ย้ายพรรคหรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า ตนคิดว่าในกรอบ 180 วันก่อนครบอายุสภาผู้แทนราษฎร จะมี ส.ส.ย้ายพรรคแน่นอน แต่ตนเชื่อว่า ส.ส.ที่จะย้ายสังกัด จะรอดูสถานการณ์วันที่ 30 กันยายนก่อน หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อก็อาจจะอยู่ต่อจนถึงสิ้นปี 2565 แล้วค่อยลาออก แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ วันที่ 1-2 ตุลาคม อาจจะมี ส.ส.ทยอยลาออกเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง
ดาหน้าจวก! ‘ทัพอากาศ’ ปิดน่านฟ้าดอนเมืองซ้อมส่งมอบตำแหน่งผบ.ทอ.
https://www.dailynews.co.th/news/1516975/
ส.ส.-นักวิชาการ-อดีตทหารคนดัง! ดาหน้าจวกกองทัพอากาศปิดน่านฟ้าดอนเมืองเพื่อซ้อมส่งมอบตำแหน่ง "ผบ.ทอ." ไม่นึกถึงความเดือดร้อนประชาชน ทำไม?ไม่ไปซ้อมนอกเขตการบินพาณิชย์ แถมติดแฮชแท็กเครื่องบินรบมีไว้รับส่งหน้าที่
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีกองทัพอากาศปิดน่านฟ้าสนามบินดอนเมืองเพื่อซ้อมพิธีรับส่งหน้าที่ผบ.ทบ. ว่าด้วยสถานการณ์ที่เป็นปีพ.ศ. 2565 แล้ว พี่น้องประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทุกอย่างหมดแล้ว การที่จะผบ.ทอ.คนเก่าจะเกษียณแล้วส่งมอบตำแหน่งให้คนใหม่ โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างจริง แล้วยังมีวัฒนธรรมนี้ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นในยุคสมัยนี้ ถ้าเช่นนั้นผอ.ทร. จะส่งมอบตำแหน่งไม่ต้องปิดน่านน้ำไทย หรือผบ.ทบ.จะส่งมอบตำแหน่งไม่ต้องปิดประเทศไปเลยหรือ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่นึกถึงเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งประชาชนจะจดจำผบ.ทอ.ที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ว่าสร้างความเดือดร้อนไปตลอด
นายณัฐชากล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเวลาของบประมาณกองทัพ มักเอาความเดือดร้อนของกำลังพลหรือทหารชั้นผู้น้อยมาเป็นข้ออ้างในการของบประมาณ แต่เมื่อได้รับงบแล้วกลับนำไปใช้แต่กับเรื่องแบบนี้ คือเอาไปดูแลคนใหญ่ของโตหรือผู้บังคับบัญชา ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อกำลังพลอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีอ้างว่ารันเวย์ส่วนหนึ่งในสนามบินดอนเมืองเป็นกองทัพอากาศนั้น ในภาวะสงครามรันเวย์และสนามบินเป็นของกองทัพอากาศ แต่ในภาวะปกติต้องเป็นของประชาชน จะมาอ้างว่าแบ่งให้ประชาชนใช้และทวงบุญคุณเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“ใหญ่ซะเหลือเกิน อยากทำอะไรก็ทำ มีประเทศไหนทำกันแบบนี้บ้าง ทำไมไม่ไปซ้อมนอกเขตการบินพาณิชย์ นี่จะปิดอีกวันที่ 27, 30 ก.ย. ใครจะบินเข้า-ออกดอนเมือง กรุณาเช็คให้ดีก่อนบินค่ะ”
เช่นเดียวกับ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ “หมู่อาร์ม” อดีตทหารที่เคยออกมาแฉพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชา ที่มาบังคับให้ลูกน้องเซ็นชื่อรับเบี้ยเลี้ยง-ค่าเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่ไม่ได้ไป ก็โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“พฤติกรรมนี้เขาเรียกว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ ผบ.ทอ.ใหญ่ค้ำฟ้า จนมองข้ามหัวประชาชน อย่าอ้างว่าแจ้งล่วงหน้าก่อน เพราะสิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกละเมิดจากอภิสิทธิชนของเหล่าทัพ ตอนประเทศเพื่อนบ้านรุกล้ำน่านฟ้าที่จ.ตาก ทำไมไม่ขนไปกันเครื่องบินรบน่ะ มัวทำอะไรกันอยู่ #เครื่องบินรบมีไว้รับส่งหน้าที่
งบปี 66 หนี้รัฐบาลพุ่งกว่า " ล้านล้านบาท" รวมยอดสะสมกว่า 10 ล้านล้าน
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/181401
เปิดแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลมีแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินกว่า 1 ล้านล้าน และเมื่อเข้าไปดูยอดหนี้รวมพบว่า ไทยมีหนี้สาธารณะกว่า 10.2 ล้านล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เรื่อง แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 พบว่า รัฐบาลมีแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,052,785.47 ล้านบาท โดยเป็น
ก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล 819,765.19 ล้านบาท
กู้เพื่อขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 695,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของรัฐบาล ส่วนที่เหลือเป็นการให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และวงเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องเงินคงคลัง
การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ วงเงิน 233,020.28 ล้านบาท
เป็นการกู้เพื่อการลงทุนในสาขาคมนาคม (รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3) สาขาพลังงาน (ปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน) สาขาสาธารณูปโภค (ปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาต่างๆ) สาขาที่อยู่อาศัย (พัฒนาที่อยู่อาศัย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง)