JJNY : เบตงกินเจลดลง│พท.แนะเร่งเตรียมรับมือโนรู│คลังเล็งเก็บแวต”บุหรี่-เหล้า”10%โปะรัฐ│ชลน่านดักทาง‘อย่าคิดล้มเลือกตั้ง’

คนไทยเชื้อสายจีน ในเบตงกินเจลดลง เผยขอพักก่อน เพราะอาหารแพง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7285095
 
 
ชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยว เมืองเบตง ร่วมเทศกาลกินเจ ต่อเนื่อง บางส่วนรับต้องพักก่อน เพราะอาหารแพงขึ้น และเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
 
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้ตรงกับวันที่ 26 กันยายน ถึงวันที่ 4 ตุลาคม 65
 
โดยส่วนใหญ่ได้เข้ามาทำพิธีขอพรกันแบบครอบครัว เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้า รวมทั้งขอพรให้เศรษฐกิจดีขึ้น การทำการค้าขายเจริญรุ่งเรือง และขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข พร้อมกับการสืบสานประเพณีปฏิบัติในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ
   
อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจ พบว่าประชาชนบางส่วนจะไม่กินเจในปีนี้เนื่องจากเห็นว่าอาหารเจแพง เพราะมีการปรับราคาขึ้นถุงละ 10 บาท จากเดิม ถุง 30-40 บาท ปัจจุบันถุงละ 35-50 บาท ประกอบกับเศรษฐกิจยังไม่ดีเพราะเพิ่งฟื้นตัวจากการปิดประเทศที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันประชาชนที่ถือปฏิบัติมาทุกปี ก็ยังคงกินเจเพราะตั้งใจทำบุญ โดยประชาชนจะออกมาซื้ออาหารเจด้วยตัวเองเพราะมีโครงการช่วยเหลือของภาครัฐเช่นคนละครึ่ง อย่างไรก็ตามปีนี้ราคาอาหารเจจะแพงขึ้นเมื่อเทียบกับเทศกาลกินเจปีที่ผ่านมา
  
คาดว่า เทศกาลกินเจปีนี้จะมีการจับจ่ายในช่วงเทศกาลกินเจกว่า 20 ล้านบาท โดยบรรยากาศค่อนข้างคึกคักโรงแรมที่พักเต็ม เนื่องจากมีการจองจากกลุ่มทัวร์มาเลเซีย ขณะเดียวกันวันแรกในการถือศิลกินเจ ประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นแต่ยังไม่ถือว่าเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ทำให้ต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย


 
โฆษกเพื่อไทยแนะรัฐเร่งเตรียมรับมือ พายุโนรู
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_417317/

โฆษกเพื่อไทยแนะรัฐบาลเร่งเตรียมรับมือ พายุโนรู พร้อมเสนอ 4 แนวทางลดผลกระทบ – บรรเทาความเดือดร้อน ปชช.
  
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความกังวลกับสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรู ที่มีกรมอุตุนิยมวิทยา
ได้ออกประกาศเตือนประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง
 
รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากพายุโนรู ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ในหลายพื้นที่ พรรคเพื่อไทยมีความกังวลกับสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรูเป็นอย่างมาก เพราะพายุไต้ฝุ่นนี้สร้างผลกระทบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหากรัฐบาล
ยังคงนิ่งนอนใจไม่เตรียมการให้ดีพร้อมประชาชนอาจได้รับกระทบจากน้ำท่วมหนักได้ พรรคเพื่อไทย เห็นว่า รัฐบาลควรเตรียมการ คือ การตั้งวอร์รูม
ศูนย์เตือนภัย และประสานทุกหน่วยงานของภาครัฐ
 
ในการเตรียมการรับมือกับพายุหรือความกดอากาศต่ำลูกนี้, เตรียมการแผนเผชิญเหตุโดยรัฐบาล ควรเร่งจัดทำแผนเพื่อตอบสนองต่อภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และเตรียมการในการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที, ปรับปรุงการทำงานของรัฐบาล และสร้างภาวะผู้นำประเทศ ที่จะเผชิญเหตุ รับมือ เตรียมการ กับภาวะวิกฤตน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น และต้องเตรียมแผนการและแนวทางเยียวยา พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโนรูอย่างเหมาะสม ทั่วถึง เท่าเทียม และถูกต้องตามกฎหมาย
 
ทั้งนี้นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะได้รับอิทธิพลจากพายุโนรูเป็นอย่างมาก หากรัฐบาลเตรียมการ
ตามข้อเสนอแนะของพรรคเพื่อไทย จะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
  
หวังว่าพายุไต้ฝุ่นครั้งนี้จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอย่างที่ผ่านมา และหวังว่ารัฐบาลจะเดินหน้าทำงานอย่างแข็งขันกว่าที่เป็นอยู่ โดยขอให้รัฐบาลลงพื้นที่ไปดูปัญหาให้ถูกที่ สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบราชการ เพิ่มภาวะผู้นำให้กับผู้นำประเทศ
  


“ขี้ยา-ขาเมา”จ๊าก คลังเล็งเก็บแวต”บุหรี่-เหล้า”เพิ่มเป็น 10% หารายได้แสนล้านโปะรัฐ-ใช้หนี้
https://www.matichon.co.th/economy/news_3582651

“ขี้ยา-ขาเมา”จ๊าก คลังเล็งเก็บแวต”บุหรี่-เหล้า”เพิ่มเป็น 10% หารายได้แสนล้านโปะรัฐ-ใช้หนี้
 
วันที่ 26 กันยายน กระทรวงการคลัง เล็งหารายได้โปะรัฐด้วยการปรับวิธีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) เป็น 2 อัตรา โดยสินค้าฟุ่มเฟือย และสินค้าที่ไม่จำเป็น อาจจะเก็บเต็มเพดานที่ 10%
 
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง จะเสนอแนวคิดการใช้อัตราภาษีแวต 2 อัตรา โดยอัตราปกติ 7% สำหรับสินค้าทั่วไปและจัดเก็บอัตราสูงกว่า 7 % สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย คาดว่าจะสร้างรายได้เข้ารัฐกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งแนวคิดการจัดเก็บภาษีแวต 2 อัตรานั้น ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เคยศึกษาไว้นานแล้ว โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคสินค้าที่จำเป็นในชีวิต ภาษีอยู่ที่อัตราเดิม 7 % แต่สินค้าบางชนิด ที่ไม่จำเป็นหรือจัดอยู่ในสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สุรา ยาสูบ จะเก็บในอัตราสูงกว่าปกติ ตามเพดานในกฎหมาย กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 10 %
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง เสนอปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย และฝ่ายการเมืองไม่สนับสนุน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อประชาชน ช่วงที่ผ่านมามีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการปรับลดภาษี ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรม ทำให้อัตราสูงสุดตามโครงสร้างลดลงเหลือ 35% จากเดิม 37% และปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% ลงเหลือ 20%
 
“ส่วนการปรับขึ้นภาษีทำได้ค่อนข้างยากโดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่รายจ่ายของรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้รัฐบาลต้องออกพ.ร.ก.เงินกู้ฉบับพิเศษ 2 ฉบับ รวมวงเงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบด ส่งผลให้รัฐบาลต้องขยายเพดานของการก่อหนี้สาธารณะเป็นไม่เกิน 70% จากเดิมไม่เกิน 60% เพื่อรองรับการขยายตัวของภาระหนี้สาธารณะสูงขึ้น ซึ่ง ณ กรกฎาคมนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 60.75 %” แหล่งข่าวกล่าว
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรมสรรพากร ถือเป็นกรมจัดเก็บภาษีที่สำคัญ ทำรายได้เข้ารัฐมากที่สุด ปีงบประมาณที่แล้วกรมสรรพากรจัดเก็บภาษีให้รัฐรวม 1.87 ล้านล้านบาท คิดเป็นเกือบ 80 % ของรายได้สุทธิของรัฐ ขณะที่ช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – กรกฎาคม 2565) กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ 1.67 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม 7.66 แสนล้านบาท โดย 10 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้รายได้จากแวตสูงกว่าเป้าหมาย 18.5 % และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 17.3 % รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม คิดเป็นสัดส่วนราว 45% ของรายได้จากการจัดเก็บทั้งหมดของกรมสรรพาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่