JJNY : จากเสือ เป็นเห็บ!│พท.บี้เร่งแก้ปัญหาเกษตรกร│ชัยนาทหวิดปะทะ รอคิวซื้อสลากหน้าตู้ATM│แม่ค้าโอดผักแพง กินเจพุ่งอีก

จาก เสือ กลายเป็น เห็บ! 16 ปีปฏิวัติ 19 กันยา พิชัย จี้ ประวิตร เร่งแก้ 3 เรื่องใหญ่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7274950
 
 
พิชัย เย้ยครบ 16 ปีปฏิวัติ 19 กันยา ไทยเปลี่ยนจาก เสือ เป็น เห็บ ยก 3 เรื่องจี้ ประวิตร เร่งทำ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา แก้หนี้ แก้น้ำท่วม
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ก.ย.2565 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ครบ 16 ปีของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทำให้คิดว่าหากไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารในวันนั้น ประเทศไทยจะพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไปถึงไหนแล้ว ประเทศไทยในขณะนั้นที่จะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเซีย แต่ 16 ปีให้หลังกลับต้องกลายเป็นเห็บสยามในวันนี้
 
ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังใจจดจ่ออยู่ที่วันที่ 30 ก.ย. ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินชี้ขาดคดีวาระนายกฯ 8 ปี แต่ปัญหาของประเทศรอไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้าที่ราคาพุ่งขึ้นมากจากหน่วยละ 4.00 บาทเป็น 4.72 บาท สาเหตุจากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาลที่ต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่งสูง เพราะต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่ราคาแพงเข้ามา อีกทั้งยังให้ใบอนุญาตเกินความต้องการใช้สูงสุดไปถึง 50% ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมมาก
 
การที่รัฐต้องออกมาตรการที่ใช้เงิน 9,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือประชาชน ก็เป็นการช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลสร้างไว้เอง จะมาอ้างเป็นบุญเป็นคุณกับประชาชนไม่ได้
 
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร เร่งทำใน 3 เรื่องเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ดังนี้
 
1. เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ไทย กัมพูชา ปรากฏว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงานชี้แจงว่าได้เริ่มกลับมาเจรจากับกัมพูชาแล้ว อยากให้เร่งดำเนินการให้เสร็จ

นอกจากราคาไฟฟ้าจะถูกลงแล้ว รัฐยังจะได้ค่าภาคหลวงปีละเป็นแสนล้านบาท เพื่อมาทำสวัสดิการกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ บอกจากนี้ก๊าซที่ขุดได้ในพื้นที่ทับซ้อนจะเป็นก๊าซเปียก สามารถแยกส่วนผสมของก๊าซนำมาใช้กับธุรกิจปิโตรเคมีได้ สร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 6-20 เท่า รัฐยังจะได้ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่นๆ จากธุรกิจต่อเนื่องด้วย

2. อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐเดือนส.ค.ยังอยู่ที่ 8.3% ดังนั้นธนาคารกลางของสหรัฐคงจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างแรงอีกครั้งในไม่นานนี้ จะกดดันทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง และธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เงินทุนไหลออก พล.อ.ประวิตรและรัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ให้ลดลงก่อน เพราะหากดอกเบี้ยพุ่งขึ้นอีก การแก้ไขหนี้จะยิ่งทำได้ยาก
  
3. ในภาวะน้ำท่วมหนักนี้ รัฐบาลควรต้องรื้อระบบการบริหารจัดการน้ำในอดีตขึ้นมาทำใหม่ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาที่ค้างอยู่มา 8 ปีแล้ว มิเช่นนั้นประเทศ รัฐบาลจะต้องมีแผนใหญ่ในการบริหารจัดการน้ำท่วมเหมือนในประเทศที่เจริญแล้ว



ส.ส.เพื่อไทย บี้ รบ.เร่งแก้ปัญหาเกษตรกร ถ้าทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก อาจไม่ต้องแจกบัตรคนจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3572116
 
ส.ส.อุบลฯ เพื่อไทย บี้ ‘รัฐบาล’ เร่งแก้ปัญหาเกษตรกร ชี้ต้นทุนเพิ่มราคาลดอยู่ลำบาก บอกถ้าทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักได้ อาจไม่ต้องแจกบัตรคนจน
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานีและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. กล่าวว่า ปุ๋ยยังแพง ค่าครองชีพสูงลิ่ว ทั้งค่าไฟฟ้าแพง ค่าน้ำมันสูง รายได้ไม่พอรายจ่าย กำลังซื้อในประเทศหดหาย มะพร้าว ลำไย มังคุด ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ลัมปีสกินยังคงระบาด อหิวาต์หมูเยียวยาล่าช้า น้ำท่วมบริหารจัดการน้ำล้มเหลว ยางพาราราคาตก วัวราคาต่ำ หนี้สินเกษตรกรพอกพูน เกษตรกรไทยสิ้นหวัง
 
นายเอกชัยกล่าวว่า หากรัฐบาลไม่เร่งสร้างความแตกต่างให้สินค้าเกษตรไทย แม้แต่ทุเรียนที่มีราคาวันข้างหน้าอาจไม่ต่างจากลำใย ทั้งที่ภาคเกษตรเป็นจุดแข็งจุดหนึ่งของประเทศไทย ประเทศไทยโชคดีที่เกษตรกรไทยมีความสามารถ แต่โชคร้ายที่รัฐบาลมองไม่เห็นศักยภาพในการผลิต
 
นายเอกชัยกล่าวต่อว่า เราผลิตสินค้าเกษตรหลายอย่างได้มีคุณภาพในระดับสูง แต่เกษตรกรไทยยังทุกข์ยากลำบาก รายได้ไม่พอรายจ่าย สินค้าเกษตรไทยหลายชนิดเป็นสินค้าคุณภาพสูง ไม่ใช่สินค้าคนจน การที่คนไทยส่วนใหญ่กลายเป็นคนจนใน 8 ปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีเงินที่จะบริโภคสินค้าในราคาแพง ทำให้สินค้าพรีเมียมหลายอย่างขายไม่ได้ ไม่ว่าลำไย มังคุด ที่ราคาตกต่ำ และล่าสุดมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งชาวสวนเคยราคาลูกละกว่า 20 บาท ปัจจุบันชาวสวนขายได้ราคาลูกละ 6-7 บาทเท่านั้นเอง
 
นายเอกชัยกล่าวว่า โคขุนที่เกษตรกรเคยเลี้ยงสร้างรายได้มากมายกำลังเผชิญปัญหาราคาตก วัวที่เคยขายได้ราคาดีสร้างรายได้ เมื่อคนรวยมีน้อยลง เนื้อราคาแพงก็ขายได้น้อยลง โคขุนก็ราคาตกไปด้วย สินค้าคนจนขายดี เช่น มาม่า บะหมี่สำเร็จรูปยอดขายไม่ตก แถมยังขยับขึ้นราคา โดยในปี 2564 มาม่ามียอดขายราวๆ 14,300 ล้านบาท และตั้งเป้าขยายการขายถึง 22,000 ล้านบาทต่อปีในอนาคต

นายเอกชัยกล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาการบริโภคภายในประเทศด้วยนโยบายบัตรคนจนจะยิ่งทำให้มาม่าขายดี ส่วนสินค้าคุณภาพสูงระดับ
บน เช่น ลำไย มังคุด มะพร้าวน้ำหอม เนื้อโคขุน หรือข้าวหอมมะลิ จะมียอดขายดีขึ้น หากประชาชนมีรายได้มากขึ้น เพราะคนจะบริโภคสินค้าราคาแพงเมื่อมีเงินเหลือเท่านั้น และตลาดพรีเมียมผู้บริโภคมีรสนิยมการบริโภคสินค้าที่มีเอกลักษณ์พิเศษ การเพิ่มมูลค่าเพิ่มด้วยเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะจึงเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต เช่นเดียวกับเกษตรกรญี่ปุ่นที่สร้างเนื้อวากิว และเนื้อมัตสึซากะ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
 
“รัฐบาลไทยควรสร้างเอกลักษณ์เหล่านี้ และรัฐบาลจะทำไม่ได้เลย หากไม่เข้าใจซอฟต์เพาเวอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่น ดึงจุดเด่นที่มี ของดีที่มีมาสร้างความแตกต่าง และเพิ่มมูลค่า เกษตรไทยเรามาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปผลิตสินค้ากิฟเฟน (Giffen good ) แล้ว เมื่อเราผลิตสินค้าพรีเมียมแต่ผ่ายแพ้ทางการตลาด รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการสิ่งเหล่านี้ เพราะถ้าทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักได้ รัฐบาลอาจจะไม่ต้องแจกบัตรคนจน” นายเอกชัยกล่าว
 

 
ชัยนาทหวิดปะทะ รอคิวซื้อสลากหน้าตู้ ATM มากว่า 20 คน จองได้ 1 คน จี้รัฐบาลแก้ให้ถูกจุด
https://www.matichon.co.th/region/news_3572224

ชัยนาทหวิดปะทะ รอคิวซื้อสลากหน้าตู้ ATM มากว่า 20 คน จองได้ 1 คน จี้รัฐบาลแก้ให้ถูกจุด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา (20 กันยายน) บรรดาผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกว่า 20 คน เดินทางมายัง ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย สาขาเมืองชัยนาท เพื่อมาต่อคิวกดจองสลาก ซึ่งทุกคนต่างมารอคิว-นอนค้างคืนตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
 
โดยช่วงหนึ่งผู้ค้าสลากส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย แสดงความไม่พอใจเรื่องการจองคิว จนหวิดปะทะ แต่สุดท้ายยอมถอยคนละก้าว กระทั่งถึงเวลากด แต่ละคนต่างจดจ่อกับการกดจองสลาก จากที่มากันกว่า 20 คน มีผู้กดจองได้แค่ 1 คนเท่านั้น ขณะที่บางคนกดจองผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ได้ แต่ส่วนใหญ่จะกดไม่ได้
 
แม่ค้าสลากต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รัฐบาลทำแบบนี้เท่ากับเป็นการฆ่าประชาชน งวดนี้รับมาใบละ 96 บาทแล้ว เอามาขายได้กำไรใบละ 4 บาท ตั้งแต่ขายมาเป็นสิบๆ ปียังไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ทุกคนเสียความรู้สึกกันหมด มาด้วยความหวัง นอนรอ นั่งรอ ล้มลุกคลุกคลาน ตากลม ตากฝน แต่ก็ไม่ได้หวยไปขาย อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ตรงจุด ปัญหานี้จะเรื้อรังแน่นอนหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้าจะให้ดีควรเพิ่มสลาก เพิ่มให้เท่ากับการเพิ่มสลากดิจิทัล เพิ่มโควต้าให้กับบัตรสวัสดิการ จะได้ไม่ต้องมาเปลี่ยนที่นอน ลุ้นกันรายชั่วโมงแบบนี้ ที่ ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท ผู้ค้าสลากเตรียมอาหาร เต็นท์ มุ้ง มากางนอนค้างคืนรอกดจองสลาก ซึ่งเป็นโควต้าสลากเสรี โดยจะเปิดให้กดในเวลา 07.30 น.วันนี้ (20 กันยายน)
 
ผู้ค้าสลากเปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องจองด้วยวิธีนี้เพราะสลากน้อยลงและหมดเร็วขึ้น จากการที่รัฐบาลแบ่งไปขายสลากดิจิทัลในแอพพ์เป๋าตังมากขึ้น จึงต้องใช้วิธีการจองสลากเหมือนกับปีก่อนๆ แต่ละตู้กดได้ครั้งละ 3-4 คนเท่านั้น จำกัด 5 เล่ม เป็นเงินกว่า 3 หมื่นบาท อยากให้รัฐบาลแก้ไขให้ตรงจุด เพิ่มสลากดิจิทัลไม่พอ ยังมาเพิ่มโควต้าให้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก ใครมีบัตรก็สามารถกดจองได้ ผู้ค้าเก่าไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะบางคนเอาบัตรมา 4-5 ใบ มากดอยู่คนเดียว ทำให้ผู้ค้าสลากรายเดิมที่ขายมาเป็นสิบๆ ปีหมดหวัง ขาดรายได้กันเป็นแถว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่