JJNY : 5in1 ‘พท.’มั่นใจ พ้นนายกฯ│ก้าวไกลคุย‘ตัวแทนขรก.เกษียณ’│สภาถกวุ่น!│โรงแรมบ่นอุบ ค่าไฟพุ่ง│ทูตรัศม์บอกไม่อยากเชื่อ

‘เพื่อไทย มั่นใจหลักฐานมัด ‘บิ๊กตู่’ พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้ คำวินิจฉัยศาล ไม่กระทบเงื่อนไขยุบสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3562605
 
 
‘เพื่อไทย มั่นใจหลักฐานมัด ‘บิ๊กตู่’ พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้ คำวินิจฉัยศาลไม่กระทบเงื่อนไขยุบสภา เผย ไม่ให้ความสำคัญส่งคนฟังคำวินิจฉัย
 
เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 กันยายนว่า เป็นผลจากการที่ศาลวิเคราะห์หลักฐานทั้งหมดแล้วเห็นว่า มีความครบถ้วนเพียงพอ ไม่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมอีก ถือว่าสิ้นข้อสงสัยแล้ว จึงให้ทิ้งเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมาเพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปทำคำวินิจฉัยส่วนตน เป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนจะมาแถลงคำวินิจฉัยในวันที่ 30 กันยายนนี้ พรรค พท. มั่นใจว่า พยานหลักฐานต่างๆ ที่ยื่นไปทั้งหมดมีหลักฐานเพียงพอว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องสิ้นสภาพการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 สิงหาคม 2565
 
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริง ใครจะทำหน้าที่รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 168 ระบุว่า หากนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่ง ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงนายกรัฐมนตรีอยู่รักษาราชการต่อ จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ยกเว้น 4 กรณีที่ ครม.ไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการต่อได้คือ
1. ความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน
2. ความผิดในลักษณะต้องห้ามของตัวนายกรัฐมนตรี
 
นพ.ชลน่านกล่าวว่า 3.ความผิดเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต 
และ 4.การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง 
 
ซึ่งความผิดกรณีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรียังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยังมีความเห็นแตกต่างว่าจะเข้าเงื่อนไขข้อยกเว้น 4 ข้อที่ห้าม พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่รักษาราชการนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคิดว่า ไม่มีผลต่อการพิจารณายุบสภา เพราะมีเหตุผลอื่นที่เป็นองค์ประกอบหลักมากกว่า อาทิ การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค การวางตัวบุคคลเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง และเสียงเรียกร้องของประชาชนให้ยุบสภาจะดังแค่ไหน ที่รัฐบาลต้องเอามาประกอบตัดสินใจเรื่องการยุบสภา
 
เมื่อถามว่า วันที่ 30 กันยายน พรรค พท.จะมีตัวแทนไปฟังคำวินิจฉัยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า “เราไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะส่งใครไปฟังคำวินิจฉัย แต่ปกติการไปฟังคำวินิจฉัยก็ต้องมีทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปยังคำวินิจฉัย ซึ่งเรามีหน้าที่แค่ทำคำวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนคนร้องคือนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา”


 
ก้าวไกล คุย ‘ตัวแทนข้าราชการเกษียณ’ ปรับความเข้าใจ ปมตัดบำนาญ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3561755
 
เลิกบาดหมาง! “ก้าวไกล” คุย “ตัวแทนข้าราชการเกษียณ” ปรับความเข้าใจปมตัดบำนาญ ด้าน “ประธานศูนย์ฯ” ลั่น จะรักกันและมีความผูกพันที่ดีต่อกัน เสนอ 4 ข้อ กำหนดด้านดูแลสุขภาพเป็นนโยบายพรรค
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 กันยายน ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับเครือข่ายข้าราชการบำนาญว่า พรรค ก.ก. ไม่มีนโยบายที่จะตัดเงินบำนาญของข้าราชการบำนาญ ซึ่งเราได้พูดถึงเรื่องนี้ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2566 ว่างบประมาณมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธ หรือโครงการต่างๆ ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชน รวมถึงได้อธิบายให้ข้าราชการบำนาญฟังถึงไขมันที่อยู่ในระบบราชการต่างๆ และเราเห็นตรงกันว่าสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งรายได้ของประเทศจะผันผวน และลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับสังคมสูงวัยไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดก็ตาม สิ่งที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ รัฐสวัสดิการ ที่ดูแลคนชราและเด็กแรกเกิด รวมถึงเรื่องการศึกษา โดยเราได้ทำความเข้าใจตรงกันว่าสิ่งที่ตนได้อภิปรายไปนั้นไม่ได้พาดพิงข้าราชการบำนาญ หรือดูถูกข้าราชการแต่อย่างใด
 
นายพิธากล่าวว่า ประเด็นต่อมาที่ได้พูดคุยกันคือ เรื่องของสภาพเศรษฐกิจ เราเห็นตรงกันว่าการศึกษาเหมือนกระดุมเม็ดแรกที่จะใช้พัฒนาประเทศต่อไป เราจำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโต และมีการกระจายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้ประเทศไทยมีรายได้ที่มากขึ้น สู้กับรายจ่ายที่ขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำเป็นต้องกู้ยืมในอนาคตในการบริหารประเทศ
 
ด้าน นายศรศักดิ์ อ้วนล้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอบคุณนายพิธาที่ได้ทำความเข้าใจกับตัวแทนข้าราชการบำนาญทั่วประเทศ โดยเรามีเรื่องที่ได้ทำความเข้าใจกันว่าจะไม่บาดหมางกัน เราจะรักกันและมีความผูกพันที่ดีต่อกัน ทั้งนี้ อยากให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความยากลำบากของข้าราชการบำนาญในสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรง เสถียรภาพทางการเมืองไม่มั่นคง เศรษฐกิจประเทศตกต่ำ สินค้ามีราคาแพง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ฉะนั้น การจัดสวัสดิการการเงินบำนาญ สิทธิการรักษาพยาบาล ตลอดจนสวัสดิการที่จำเป็นต้องการความมั่นคงยั่งยืนให้ข้าราชการประมาณทุกคนได้อยู่รอดภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากในปัจจุบัน
 
นายศรศักดิ์กล่าวต่อว่า มีข้อเสนอต่อทุกฝ่ายคือ 
1. การจัดสรรงบประมาณประจำปีต้องคุ้มครองสิทธิ ผลประโยชน์ของข้าราชการบำนาญภายใต้กฎหมาย การตัดงบประมาณสำหรับเงินบำนาญก็ไม่มีทั้งในรัฐบาลนี้และรัฐบาลที่จะมีในอนาคต 
2. ข้าราชการบำนาญทุกคน ทุกสังกัดจะต้องได้รับการดูแลอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี 
3. ข้าราชการบำนาญมีความจำเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสูงสุดของการดำรงชีวิตภายหลังเกษียณอายุ ฉะนั้น การสนับสนุนส่งเสริมและป้องกันสุขภาพควรจะต้องกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือพรรคการเมือง 
และ 4. ควรเปิดโอกาสให้ข้าราชการบำนาญมีความพร้อม มีประสบการณ์ และพร้อมที่จะทำงานรับใช้บ้านเมืองในบทบาทหน้าที่ที่หลากหลายเป็นที่ปรึกษาหรือคลังสมองของทุกสาขาอาชีพ
 


สภาถกวุ่น! ปชป.ผนึกฝ่ายค้าน บี้ถอนร่างกม.กัญชา สุดท้ายกมธ.ภูมิใจไทย ยอมถอย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7266075

กม.กัญชาค้างสภาฯ หลังถกวุ่น ปชป.ผนึกฝ่ายค้าน สู้สำเร็จ กมธ.ฝั่งภูมิใจไทย กล่อมที่ประชุมเดินหน้าต่อ ผวาเกิดยุบสภาก่อนจนกฎหมายตก แต่ไม่สำเร็จต้องถอนร่างออก
 
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 14 ก.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2
 
โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ขอหารือก่อนเข้าสู่การพิจารณา ว่า ร่างเดิมมี 45 มาตรา แต่เพิ่มขึ้นใหม่ 69 มาตรา และตัดทอนเกือบทุกมาตรา จึงเห็นว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะนำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไปปรับปรุงหรือทบทวนอีกครั้ง เนื่องจากที่รับร่างฉบับนี้มา ซึ่งเป็นร่างของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจไม่ได้รับความเห็นจากส่วนราชการต่างๆ หรือรับการตรวจจากคณะกรรมการกฤษฎีกา
 
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า เมื่อปรับปรุงแก้ไขทั้งร่างจากที่เสนอเข้ามา โดยแก้เกือบทุกมาตรา ก็อาจจะไม่รอบคอบได้ และจากการพิจารณาในเนื้อของกฎหมาย มีลักษณะที่ไม่ได้เป็นการควบคุมหรือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ จึงมีการเรียกร้องให้เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก หรือการให้ประชาชนสามารถปลูกได้โดยเสรีเพียงแต่จดแจ้งเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางการแพทย์ แต่เป็นเรื่องนันทนาการ จึงอยากให้กมธ.รับฟังความเห็นและความห่วงใยของสังคม จะเกิดประโยชน์และรอบคอบที่สุด
 
ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนเห็นด้วยให้กมธ.ถอนร่างออกไปทบทวนใหม่ เพราะแก้ไขในตัวร่างเยอะมาก จนเป็นที่น่าวิตกว่าควรจะรอบคอบกว่านี้หรือไม่ และเห็นว่าการแก้ไขเลยไปจากหลักการมาก ต้องยอมรับว่ากฎหมายฉบับนี้คือทำให้กัญชาเสรี จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลแบบสุดโต่ง ส่วนที่บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เกษตรกรก็ยิ่งห่างไกลยิ่งไปอีก
 
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกมธ. ชี้แจงยืนยันว่า กมธ.พิจารณาร่างกฎหมายดีที่สุด และได้กำหนดมาตรการป้องกันไว้แล้ว ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ขอให้ถอนร่างกฎหมายออกไปก่อน เนื่องจากหละหลวมนั้น ขอเรียนว่ากมธ.ไม่ได้หละหลวมแม้แต่น้อย เรารับฟังเสียงจากทุกภาคส่วน จึงเป็นร่างกฎหมายที่สมบูรณ์ที่สุดและมีการอุดช่องโหว่ เป็นกฎหมายที่ดีจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องถอนร่างออกไป จะบอกว่าให้กลับไปแก้ไข ตนก็ไม่รู้ว่าจะแก้อะไรเช่นกัน
 
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ส.ส.พรรคก้าวไกลเตรียมตัวมาอภิปรายเต็มที่ แต่บรรยากาศในห้องประชุมเหมือนมีมวลสารอะไรบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าเกิดการเล่นการเมืองหรือไม่ ถ้าจะชักเข้าชักออกร่างเช่นนี้ ในระหว่างนี้ตนก็ขอเสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล  รมว.สาธารณสุข ปิดสุญญากาศก่อน ด้วยการยกเลิกประกาศของกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด
 
จากนั้นนายสุชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุม สั่งให้ที่ประชุมเดินหน้า เนื่องจากนายศุภชัย ในฐานะประธานกมธ. ยืนยันไม่ถอนร่างกฎหมาย ทำให้นายสาทิตย์เสนอญัตติว่า ขอให้ที่ประชุมลงมติถอนร่างออกไป ขณะเดียวกันนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ก็ได้เสนอญัตติขอให้ที่ประชุมเดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไป
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีส.ส.ลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ทั้งสนับสนุนให้เดินหน้าต่อและสนับสนุนให้ถอนร่าง โดยนายชาดา ไทยเศรษฐ์  ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกมธ. กล่าวว่า ถ้านำร่างกฎหมายฉบับนี้ไปทบทวน เพื่อนำกลับมาพิจารณาใหม่ในการประชุมสภาฯ สมัยหน้า เชื่อว่าแม้กฎหมายฉบับนี้จะได้รับความเห็นชอบ แต่จะถูกยุบสภาไปก่อนแน่ กฎหมายก็ตกไปอยู่ดี จะนำกลับเข้ามาใหม่อย่างไรก็ล่ม ทุกคนก็ทราบกันอยู่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ต้องกลัวว่าพรรคใดจะได้คะแนนเสียง เพราะทุกคนทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดแต่เป็นเรื่องของประเทศ ขอให้เดินหน้าต่อ อะไรที่ไม่ดีก็ค่อยๆ แก้ไป
 
ขณะที่นายศุภชัย ต่อรองที่ประชุมว่า ขอให้นายสาทิตย์ถอนญัตติที่จะให้ถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน เพื่อให้ร่างกฎหมายได้พิจารณาเพียง 1 มาตรา จากนั้นก็ให้ค้างไว้ เพื่อนำกลับไปแก้ไขเนื้อหาที่สมาชิกแนะนำและเป็นห่วง แล้วค่อยนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งในต้นเดือนพ.ย. สมัยประชุมหน้า
 
นายสาทิตย์ จึงสอบถามว่า หากให้ตนถอนญัตติออกไป เพื่อให้ร่างกฎหมายฉบับนี้คาอยู่ในสภาฯ ไว้ก่อน โดยให้ผ่านชื่อร่าง แต่คาไว้ที่คำปรารภจะสามารถดำเนินได้หรือไม่ เพราะเมื่อร่างกฎหมายเข้าสู่สภาแล้วจะนำกลับไปทบทวนได้หรือไม่ ซึ่งนายภราดรกล่าวยืนยันว่าทำได้ ไม่มีปัญหา แต่นายสุทิน แย้งว่าตามข้อบังคับการประชุมไม่อนุญาตให้ทำได้ เพราะเมื่อกฎหมายเข้าสู่สภาแล้ว ไม่สามารถนำกลับไปทบทวนใหม่ได้ ยืนยันจะต้องเดินหน้าญัตติ เพื่อให้ที่ประชุมได้พิจารณาถอนร่างพ.ร.บ.กัญชาหรือไม่
  
กระทั่งเวลา 17.40 น. ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีมติให้ถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาฯ ด้วยคะแนน 198 ต่อ 136 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่