.
.
ชนเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมือง Blackfoot
ที่เขต Glacier National Park ในรัฐ Montana
ในปี 1913 โดย Roland Reed
.
.
The Blackfoot Confederacy สหพันธ์เท้าดำ
คือ ชื่อร่วมของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกา 4 ชนเผ่า
ในเขตพื้นที่ราบตะวันตกเฉียงเหนือ ได้แก่
North Piegan, South Piegan, Blood และ Siksika
ชนเผ่าเหล่านี้ครอบครองดินแดนที่สงวนไว้
ให้กับชนเผ่าพื้นเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก
ตั้งแต่ North Saskatchewan River ใน Canada
จนถึงแม่น้ำ Missouri River ในรัฐ Montana
ทั้ง 4 ชนเผ่ามีภาษาและวัฒนธรรมร่วมกัน
มีสนธิสัญญาป้องกันตนเองร่วมกัน
รวมตัวกันทำพิธีกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
และแต่งงานกันภายในได้อย่างอิสระ
ชนเผ่า Blackfoot หรือที่รู้จักในชื่อ Blackfeet
คือ ต้นแบบ/แบบฉบับของวัฒนธรรม
ของชาวอินเดียนแดงในหลาย ๆ ด้าน
เป็นพวกนักล่า-นักเดินทาง-นักเร่ร่อน
อาศัยอยู่ในที่พัก กระโจม Teepees
ดำรงชีวิตด้วยการล่าวัวกระทิงป่า สัตว์ป่า และ
เสาะแสวงหารวบรวมอาหารจากพืชเป็นหลัก
.
.
.
เดิมทีชนเผ่า Blackfoot อาศัยอยู่
ในภูมิภาค Great Lakes ทางเหนือ
และเป็นพวกชนเผ่ารุ่นแรก ๆ
ที่ย้ายถิ่นไปทางทิศตะวันตก
หลังจากที่ชนเผ่าอินเดียนแดง Cree
ศัตรูตัวฉกาจถูกขับไล่ออกไปจากพื้นที่แล้ว
ชนเผ่า Blackfoot ก็เริ่มเดินเตร่
ไปตามที่ราบทางตอนเหนือ Saskatchewan
จนกระทั่งไปถึงเทือกเขา Rocky Mountains
ประวัติศาสตร์ชนเผ่า Blackfoot
มักจะจดจำด้วยประเพณีปากเปล่า (มุขปาฐะ)
บอกเล่าว่า วัวกระทิงป่า Baison ถูกล่าครั้งแรก
ด้วยการขับไล่ติตดาม กวาง และสัตว์ตัวเล็ก ๆ
ที่ถูกดักจับด้วยบ่วงบาศก์
แม้ว่าปลาจะมีจำนวนมากมาย
แต่จะถูกจับกินก็ต่อเมื่อไม่มีแหล่งเนื้ออื่นอีกแล้ว
ในช่วงฤดูหนาว ชนเผ่า Blackfoot
จะแยกออกกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับพื้นที่ป่า
มีกระโจมที่พักประมาณ 10 ถึง 20 หลังคาเรือน
แต่ละกลุ่มจะมีครัวเรือนราว 100-200 คน
นำโดยหัวหน้ากลุ่มย่อย ๆ หลายกลุ่ม
กลุ่มมีขนาดใหญ่พอที่จะป้องกันการโจมตีได้
แต่ก็มีขนาดเล็กพอที่จะอพยพได้อย่างรวดเร็ว
หากเสบียงกรังสำรองหมดแล้ว/หนีศัตรู
จำนวนคนขนาดนี้เพียงพอสำหรับ
การเลี้ยงชีพจากการล่าวัวกระทิงป่า
ในพื้นที่ป่าไม้ที่วัวกระทิงป่ามักจะหลบหนาว
กำบังร่างกายจากพายุหิมะ
จึงทำให้ล่าเหยื่อวัวกระทิงป่าได้ง่าย
ขนาดของกลุ่มถุกกำหนดขึ้นมา
เพื่อการอยู่อาศัย/อยู่รอดมากกว่าเรื่องเครือญาติ
สมาชิกในกลุ่มมีอิสระในการเข้าร่วมกับกลุ่มอื่น
ได้ตามที่ต้องการ/โยกย้ายไปมาได้ง่าย ๆ
ผู้นำแต่ละกลุ่มเป็นผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ
ได้รับการยกย่องหรือนับถือจากความมั่งคั่ง
การล่าสัตว์เก่ง ชัยชนะในสงคราม
และมีประสบการณ์รอบรู้ด้านต่าง ๆ /พิธีกรรม
ในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อฝูงวัวกระทิงป่าเริ่มอพยพออกไปสู่ทุ่งหญ้า
เพื่อเริ่มหาหญ้าอ่อนกัดกินให้เต็มพุง
พวกชนเผ่า Blackfoot ที่แยกกลุ่มกันอยู่
จะกลับมารวมตัวกันเป็นชนเผ่ากลุ่มใหญ่
ในช่วงฤดูร้อน
ชนเผ่า Blackfoot จะร่วมกันล่าวัวกระทิงป่า
ล่าสัตว์ต่าง ๆ และร่วมทำพิธีกรรม
ในช่วงกลางฤดูร้อน
ชนเผ่า Blackfoot ต่างมารวมกลุ่มกัน
สำหรับพิธีสำคัญของชนเผ่า
เต้นระบำใต้ดวงอาทิตย์ Sun Dance
การชุมนุมที่จัดให้มีพิธีกรรม
โดยวัตถุประสงค์ทางสังคมนักรบ
ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการกระทำที่กล้าหาญ
การล่าวัวกระทิงป่าขนาดใหญ่เป็นอาหาร
และใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ในพิธีกรรม
หลังจากการชุมนุมใหญ่
ในพิธีเต้นระบำใต้ดวงอาทิตย์สิ้นสุดลงแล้ว
ชนเผ่า Blackfoot ก็แยกย้ายกันออก
ตามล่าวัวกระทิงป่าจำนวนมากอีกครั้ง
เพื่อเตรียมเป็นเสบียงในช่วงฤดูหนาว
ก่อนจะเริ่มแยกย้ายกันไปตั้งกลุ่มเล็ก ๆ อีกครั้ง
ในช่วงปลายช่วงฤดูใบไม้ร่วงก่อนเข้าฤดูหนาว
.
.
ในปี 1730
ชนเผ่า Blackfoot เห็นม้าใช้ในการรบครั้งแรก
เมื่อชนเผ่า Shoshone ควบขี่ม้าโจมตีชนเผ่า
ด้วยเหตุนี้ทำให้ชนเผ่า Blackfoot พอใจมาก
เมื่อชาวยุโรปผู้แสวงหาตั้งถิ่นฐานเข้ามาถึง
ทำให้ชนเผ่า Blackfoot ได้ม้ามาใช้งานด้วย
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของชนเผ่า Blackfoot
กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีการระบาดของไข้ทรพิษ ไข้หัด
(รวมทังไข้หวัดใหญ่ ที่ชนพื่นเมืองไม่มีภูมิคุ้มกัน)
ทำลายล้างชนเผ่า Blackfoot จำนวนมาก
ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1800
แม้ว่าชนเผ่า Blackfoot จะยังคงค้าขาย
หนังวัวกระทิงป่า ม้า และปืน
โดยค้าขายกับผู้ตั้งถิ่นฐานที่บุกรุก
แต่แล้วชนเผ่า Blackfoot ส่วนใหญ่
กลับได้พวกม้าจากการค้าขายกับ
ชนเผ่า Flathead Kutenai และ Nez Perce
.
.
.
.
The Marias Massacre of 1870
.
.
.
.
.
วันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1870
มีการสังหารหมู่ชาวอินเดียนแดง
ครั้งหฤโหดโดยกองทหารม้าอเมริกัน
ในชื่อว่า การสังหารหมู่
Marias Massacre
เพราะในขณะที่ทหารม้าสหรัฐกำลังไล่ล่า
กลุ่มชนเผ่าชาวอินเดียนแดงที่เป็นศัตรูตัวสำคัญ
ซึ่งนำโดยหัวหน้าชนเผ่าชื่อ Mountain
ชนเผ่า Blackfoot อีกกลุ่มหนึ่ง(ที่คล้าย ๆ กัน)
ข้อหาลักทรัพย์ลูกนกฮูกของคนผิวขาว
กองทหารม้าสหรัฐกลับเจอกลุ่ม
ชนเผ่าอินเดียนแดง Blackfoot Piegan
ที่รักสันติของหัวหน้าชนเผ่าชื่อ Heavy Runner
กองทหารม้าสหรัฐได้กระจายกำลังออกไป
อยู่ในตำแหน่งซุ่มโจมตีตามหน้าผาหิมะ
ที่มองเห็นแม่น้ำ Marias River ในช่วงเช้าตรู่
และที่ตั้งแคมป์ชนเผ่า Blackfoot Piegan
ที่ไม่มีการป้องกันแต่อย่างใดเลยในตอนนั้น
เพราะผู้คนส่วนใหญ่ออกไปล่าสัตว์
ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ยิง
หัวหน้าชนเผ่า Heavy Runner
ก็โผล่ออกมาจากกระโจมที่พัก
และโบกกระดาษหนังสือคุ้มกัน
ใบอนุญาตให้ผ่านทางได้ (ไม่เป็นอันตราย)
แต่เมื่อ Joe Kipp ทหารสอดแนมกองทหารม้า
จะร้องตะโกนว่า ผิดค่าย ผิดค่าย ผิดค่าย
แต่กลับถูกขู่ให้เงียบเสียงลงเสีย
Joe Cobell ทหารม้าอีกคนหนึ่ง
จึงเริ่มยิงกระสุนนัดแรกฆ่าชนเผ่าทันที
โดนหัวหน้าชนเผ่า Heavy Runner ตายคาที่
และแล้วมหกรรมการสังหารหมู่ก็เริ่มเกิดขึ้น
เมื่อมหกรรมการสังหารหมู่สิ้นสุดลง
มีชนเผ่าอินเดียนแดง Blackfoot Piegan
จำนวน 173 คนเสียชีวิต
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา
ส่วนอีก 124 คนถูกจับเป็น
ภายหลังถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระจะไปไหนก็ไป
แต่เดินทางไปโดยไม่มีม้า ไม่มีอาหารเพียงพอ
และไม่มีเสื้อผ้ากันหนาวเพียงพอ
ในขณะผู้ลี้ภัยพยายามเดินทางไปยัง
ป้อมทหาร Fort Benton รัฐ Montana
ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 90 ไมล์
แต่แล้วหลายคนกลับหนาวตาย
ในระหว่างที่เกิดเหตุร้ายครั้งนี้
หัวหน้าชื่อ Mountain กับชนเผ่า Blackfoot
ที่เป็นศัตรูตัวฉกาตกับกองทัพทหารม้าสหรัฐ
ได้หลบหนีข้ามพรมแดนไปยังแคนาดาได้สำเร็จ
.
.
.
.
กองกระโหลกและโครงกระดูกวัวกระทิงป่า
กองสูงตระหง่านเพื่อใช้แปรรูปทำเป็นปุ๋ย
มีชายคนหนึ่งยืนแสดงท่าทางอยู่ด้านหน้า
อีกคนวางเท้าข้างหนึ่งไว้บนหัวกระโหลก
วัวกระทิงป่า ©
https://bit.ly/3xiHF82
.
.
.
ชนเผ่า Blackfoot ยังคงรักษาประเพณี
และวัฒนธรรมอินเดียนแดงไว้ยาวนานมาก
จนกระทั่งผู้ตั้งถิ่นฐานชาวผิวขาว
ได้ทำให้วัวกระทิงป่าเกือบสูญพันธุ์
ในปีค.ศ. 1877
ชนเผ่าใน Blackfoot ใน Canada
รู้สึกตัวแล้วว่า จำเป็นต้องลงนามในสนธิสัญญา
พื้นที่อนุรักษ์ของชนเผ่า/พื้นที่สงวน
ทางตอนใต้ของรัฐ Alberta
เมื่อวัวกระทิงป่าใกล้จะสูญพันธุ์ที่รัฐ Montana
มีการฆ่าวัวกระทิงป่าอย่างเมามัน ลองฝีมือยิง
ด้วยขัอหาบุกรุกทำลายเรือกสวนไร่นา
บุกรุกทำลายที่ดินทำกินของคนผิวขาว
และมีนัยแอบแฝงต้องการทำลายแหล่งอาหาร
ของพวกชนพื้นเมืองอินเดียนแดงหลายเผ่า
ทำให้ชนเผ่า Blackfoot จำนวนมาก
ต่างอดอยากและถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาอาหาร
จากหน่วยงานของรัฐ
Indian Agency for food
Food Distribution Program on Indian Reservations
ในช่วงต้นทศวรรษ 1800
ขนเผ่า Blackfoot มีคนราว 20,000 คน
แต่โรคที่เกิดจากผู้ตั้งถิ่นฐานผิวขาว
มีทั้งไข้ทรพิษ โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่
กอปรกับความอดอยากและภัยสงคราม
ทำให้จำนวนชนเผ่าลดลงเหลือน้อยกว่า
5,000 คนในช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษ
แม้จะเผชิญชะตากรรมและความทุกข์ยาก
ชนเผ่า Blackfoot ก็ไม่เคยสุญเสียวัฒนธรรม
หรือภาษาพูดของพวกชนเผ่าเอง
ทุกวันนี้
ชนเผ่า Blackfoot ราว 25,000 คน
ชนเผ่า Blackfoot Piegan อาศัยอยู่ใน
Blackfoot Nation ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ของรัฐ Montana ใกล้กับ Browning
ส่วนอีก 3 ชนเผ่า ยังอาศัยอยู่ถิ่นฐานดั้งเดิม
ในรัฐ Alberta กับประเทศ Canada
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3xgAq0d
https://bit.ly/3B8BPXH
.
.
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
เรื่องที่พิพาทกันจริง ๆ คือ ที่ดิน
ระหว่างคนผิวขาว กับ ชนพื้นเมือง
ชนเผ่าอินเดียนแดงไร้กรรมสิทธิ์ที่ดิน
ถือว่าที่ดินทุกแห่งหนเป็นของธรรมชาติ
แค่ใช้ประโยชน์เสร็จก็จากไป
ค่อยกลับมาใหม่หลังจากดินฟื้นฟูคืนสภาพแล้ว
แบบพวกชาวเขา ญี่ปุ่น เกาหลี ที่ทำไร่เลื่อนลอย
แต่พวกยุโรปไร้ที่ดินเป็นจำนวนมาก
เพราะระบบไพร่ศักดินา กษัตริย์
ถือครองที่ดินจำนวนมากในแผ่นดิน
จนชาวบ้านส่วนใหญ่ไร้ที่ดินทำกิน
ตัองเป็นไพร่ ผู้เช่าที่ดินจำนวนมหาศาล
พอมีข่าวว่าที่อเมริกา
ไม่มีเจ้าที่ดิน ศักดินา กษัตริย์
ใครทำประโยชน์ที่ดินได้เท่าไร เอาไปเลย
ใครมือยาวสาวได้สาวเอา
ไม่มีการจำกัดจำนวนเนื้อที่ดินถือครอง
การพัฒนาเครื่องจักรกลบุกเบิกที่ดินจึงตามมา
พวกอินเดียนแดงมักเดินทางผ่านที่ดิน
ที่ตอนนี้คนผิวขาวยึดครอง
ก็ต้องเหยียบย่ำพืชผลที่ปลูก
กับหยิบฉวยพืชผลโดยพลการ
ถือว่าเป็นของธรรมชาติ
ระยะแรกชนผิวขาวจำนวนน้อยกว่า
ไม่กล้าหือ พอมีพวกมาก มีปืนดีกว่า
จึงเริ่มจับปืนขึ้นขับไล่พวกชนพื้นเมือง
ไล่ให้ไปไกล ๆ ไปห่างจากที่ดินพวกผิวขาว
พอยิ่งพวกมากก็ยิ่งอันธพาลแบบหมาหมู่
สุดท้ายก็ยึดดินแดนส่วนใหญ่จากชนพื้นเมือง
ตอนจะตั้งสหรัฐอเมริกาใหม่ ๆ
มีคนเสนอระบบกษัตริย์ แต่ไม่มีใครเอาด้วย
เพราะจะหวนกลับเป็นแบบกงจักรปีศาจ
ที่ดินส่วนใหญ่จะเป็นของศักดินา กษัตริย์
ชาวบ้านทั่วไปหมดสิทธิ์ในการยึดครองที่ดิน
แต่สหรัฐมีการใช้ระบบภาษีบังคับให้ขายที่ดิน
ที่ถือครองจำนวนมากไม่ทำประโยชน์ออกไป
การสังหารหมู่ชนเผ่าอินเดียนแดง Blackfoot
.
ชนเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมือง Blackfoot
ที่เขต Glacier National Park ในรัฐ Montana
ในปี 1913 โดย Roland Reed
.
The Blackfoot Confederacy สหพันธ์เท้าดำ
คือ ชื่อร่วมของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกา 4 ชนเผ่า
ในเขตพื้นที่ราบตะวันตกเฉียงเหนือ ได้แก่
North Piegan, South Piegan, Blood และ Siksika
ชนเผ่าเหล่านี้ครอบครองดินแดนที่สงวนไว้
ให้กับชนเผ่าพื้นเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก
ตั้งแต่ North Saskatchewan River ใน Canada
จนถึงแม่น้ำ Missouri River ในรัฐ Montana
ทั้ง 4 ชนเผ่ามีภาษาและวัฒนธรรมร่วมกัน
มีสนธิสัญญาป้องกันตนเองร่วมกัน
รวมตัวกันทำพิธีกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
และแต่งงานกันภายในได้อย่างอิสระ
ชนเผ่า Blackfoot หรือที่รู้จักในชื่อ Blackfeet
คือ ต้นแบบ/แบบฉบับของวัฒนธรรม
ของชาวอินเดียนแดงในหลาย ๆ ด้าน
เป็นพวกนักล่า-นักเดินทาง-นักเร่ร่อน
อาศัยอยู่ในที่พัก กระโจม Teepees
ดำรงชีวิตด้วยการล่าวัวกระทิงป่า สัตว์ป่า และ
เสาะแสวงหารวบรวมอาหารจากพืชเป็นหลัก
.
.
.
.
.
.
.
วัวกระทิงป่า Bison © https://bit.ly/3DgXuzB
.
.
เดิมทีชนเผ่า Blackfoot อาศัยอยู่
ในภูมิภาค Great Lakes ทางเหนือ
และเป็นพวกชนเผ่ารุ่นแรก ๆ
ที่ย้ายถิ่นไปทางทิศตะวันตก
หลังจากที่ชนเผ่าอินเดียนแดง Cree
ศัตรูตัวฉกาจถูกขับไล่ออกไปจากพื้นที่แล้ว
ชนเผ่า Blackfoot ก็เริ่มเดินเตร่
ไปตามที่ราบทางตอนเหนือ Saskatchewan
จนกระทั่งไปถึงเทือกเขา Rocky Mountains
ประวัติศาสตร์ชนเผ่า Blackfoot
มักจะจดจำด้วยประเพณีปากเปล่า (มุขปาฐะ)
บอกเล่าว่า วัวกระทิงป่า Baison ถูกล่าครั้งแรก
ด้วยการขับไล่ติตดาม กวาง และสัตว์ตัวเล็ก ๆ
ที่ถูกดักจับด้วยบ่วงบาศก์
แม้ว่าปลาจะมีจำนวนมากมาย
แต่จะถูกจับกินก็ต่อเมื่อไม่มีแหล่งเนื้ออื่นอีกแล้ว
ในช่วงฤดูหนาว ชนเผ่า Blackfoot
จะแยกออกกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับพื้นที่ป่า
มีกระโจมที่พักประมาณ 10 ถึง 20 หลังคาเรือน
แต่ละกลุ่มจะมีครัวเรือนราว 100-200 คน
นำโดยหัวหน้ากลุ่มย่อย ๆ หลายกลุ่ม
กลุ่มมีขนาดใหญ่พอที่จะป้องกันการโจมตีได้
แต่ก็มีขนาดเล็กพอที่จะอพยพได้อย่างรวดเร็ว
หากเสบียงกรังสำรองหมดแล้ว/หนีศัตรู
จำนวนคนขนาดนี้เพียงพอสำหรับ
การเลี้ยงชีพจากการล่าวัวกระทิงป่า
ในพื้นที่ป่าไม้ที่วัวกระทิงป่ามักจะหลบหนาว
กำบังร่างกายจากพายุหิมะ
จึงทำให้ล่าเหยื่อวัวกระทิงป่าได้ง่าย
ขนาดของกลุ่มถุกกำหนดขึ้นมา
เพื่อการอยู่อาศัย/อยู่รอดมากกว่าเรื่องเครือญาติ
สมาชิกในกลุ่มมีอิสระในการเข้าร่วมกับกลุ่มอื่น
ได้ตามที่ต้องการ/โยกย้ายไปมาได้ง่าย ๆ
ผู้นำแต่ละกลุ่มเป็นผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ
ได้รับการยกย่องหรือนับถือจากความมั่งคั่ง
การล่าสัตว์เก่ง ชัยชนะในสงคราม
และมีประสบการณ์รอบรู้ด้านต่าง ๆ /พิธีกรรม
ในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อฝูงวัวกระทิงป่าเริ่มอพยพออกไปสู่ทุ่งหญ้า
เพื่อเริ่มหาหญ้าอ่อนกัดกินให้เต็มพุง
พวกชนเผ่า Blackfoot ที่แยกกลุ่มกันอยู่
จะกลับมารวมตัวกันเป็นชนเผ่ากลุ่มใหญ่
ในช่วงฤดูร้อน
ชนเผ่า Blackfoot จะร่วมกันล่าวัวกระทิงป่า
ล่าสัตว์ต่าง ๆ และร่วมทำพิธีกรรม
ในช่วงกลางฤดูร้อน
ชนเผ่า Blackfoot ต่างมารวมกลุ่มกัน
สำหรับพิธีสำคัญของชนเผ่า
เต้นระบำใต้ดวงอาทิตย์ Sun Dance
การชุมนุมที่จัดให้มีพิธีกรรม
โดยวัตถุประสงค์ทางสังคมนักรบ
ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการกระทำที่กล้าหาญ
การล่าวัวกระทิงป่าขนาดใหญ่เป็นอาหาร
และใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ในพิธีกรรม
หลังจากการชุมนุมใหญ่
ในพิธีเต้นระบำใต้ดวงอาทิตย์สิ้นสุดลงแล้ว
ชนเผ่า Blackfoot ก็แยกย้ายกันออก
ตามล่าวัวกระทิงป่าจำนวนมากอีกครั้ง
เพื่อเตรียมเป็นเสบียงในช่วงฤดูหนาว
ก่อนจะเริ่มแยกย้ายกันไปตั้งกลุ่มเล็ก ๆ อีกครั้ง
ในช่วงปลายช่วงฤดูใบไม้ร่วงก่อนเข้าฤดูหนาว
.
.
ในปี 1730
ชนเผ่า Blackfoot เห็นม้าใช้ในการรบครั้งแรก
เมื่อชนเผ่า Shoshone ควบขี่ม้าโจมตีชนเผ่า
ด้วยเหตุนี้ทำให้ชนเผ่า Blackfoot พอใจมาก
เมื่อชาวยุโรปผู้แสวงหาตั้งถิ่นฐานเข้ามาถึง
ทำให้ชนเผ่า Blackfoot ได้ม้ามาใช้งานด้วย
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของชนเผ่า Blackfoot
กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีการระบาดของไข้ทรพิษ ไข้หัด
(รวมทังไข้หวัดใหญ่ ที่ชนพื่นเมืองไม่มีภูมิคุ้มกัน)
ทำลายล้างชนเผ่า Blackfoot จำนวนมาก
ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1800
แม้ว่าชนเผ่า Blackfoot จะยังคงค้าขาย
หนังวัวกระทิงป่า ม้า และปืน
โดยค้าขายกับผู้ตั้งถิ่นฐานที่บุกรุก
แต่แล้วชนเผ่า Blackfoot ส่วนใหญ่
กลับได้พวกม้าจากการค้าขายกับ
ชนเผ่า Flathead Kutenai และ Nez Perce
.
.
.
The Marias Massacre of 1870
.
.
.
.
วันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1870
มีการสังหารหมู่ชาวอินเดียนแดง
ครั้งหฤโหดโดยกองทหารม้าอเมริกัน
ในชื่อว่า การสังหารหมู่ Marias Massacre
เพราะในขณะที่ทหารม้าสหรัฐกำลังไล่ล่า
กลุ่มชนเผ่าชาวอินเดียนแดงที่เป็นศัตรูตัวสำคัญ
ซึ่งนำโดยหัวหน้าชนเผ่าชื่อ Mountain
ชนเผ่า Blackfoot อีกกลุ่มหนึ่ง(ที่คล้าย ๆ กัน)
ข้อหาลักทรัพย์ลูกนกฮูกของคนผิวขาว
กองทหารม้าสหรัฐกลับเจอกลุ่ม
ชนเผ่าอินเดียนแดง Blackfoot Piegan
ที่รักสันติของหัวหน้าชนเผ่าชื่อ Heavy Runner
กองทหารม้าสหรัฐได้กระจายกำลังออกไป
อยู่ในตำแหน่งซุ่มโจมตีตามหน้าผาหิมะ
ที่มองเห็นแม่น้ำ Marias River ในช่วงเช้าตรู่
และที่ตั้งแคมป์ชนเผ่า Blackfoot Piegan
ที่ไม่มีการป้องกันแต่อย่างใดเลยในตอนนั้น
เพราะผู้คนส่วนใหญ่ออกไปล่าสัตว์
ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ยิง
หัวหน้าชนเผ่า Heavy Runner
ก็โผล่ออกมาจากกระโจมที่พัก
และโบกกระดาษหนังสือคุ้มกัน
ใบอนุญาตให้ผ่านทางได้ (ไม่เป็นอันตราย)
แต่เมื่อ Joe Kipp ทหารสอดแนมกองทหารม้า
จะร้องตะโกนว่า ผิดค่าย ผิดค่าย ผิดค่าย
แต่กลับถูกขู่ให้เงียบเสียงลงเสีย
Joe Cobell ทหารม้าอีกคนหนึ่ง
จึงเริ่มยิงกระสุนนัดแรกฆ่าชนเผ่าทันที
โดนหัวหน้าชนเผ่า Heavy Runner ตายคาที่
และแล้วมหกรรมการสังหารหมู่ก็เริ่มเกิดขึ้น
เมื่อมหกรรมการสังหารหมู่สิ้นสุดลง
มีชนเผ่าอินเดียนแดง Blackfoot Piegan
จำนวน 173 คนเสียชีวิต
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา
ส่วนอีก 124 คนถูกจับเป็น
ภายหลังถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระจะไปไหนก็ไป
แต่เดินทางไปโดยไม่มีม้า ไม่มีอาหารเพียงพอ
และไม่มีเสื้อผ้ากันหนาวเพียงพอ
ในขณะผู้ลี้ภัยพยายามเดินทางไปยัง
ป้อมทหาร Fort Benton รัฐ Montana
ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 90 ไมล์
แต่แล้วหลายคนกลับหนาวตาย
ในระหว่างที่เกิดเหตุร้ายครั้งนี้
หัวหน้าชื่อ Mountain กับชนเผ่า Blackfoot
ที่เป็นศัตรูตัวฉกาตกับกองทัพทหารม้าสหรัฐ
ได้หลบหนีข้ามพรมแดนไปยังแคนาดาได้สำเร็จ
.
.
.
กองกระโหลกและโครงกระดูกวัวกระทิงป่า
กองสูงตระหง่านเพื่อใช้แปรรูปทำเป็นปุ๋ย
มีชายคนหนึ่งยืนแสดงท่าทางอยู่ด้านหน้า
อีกคนวางเท้าข้างหนึ่งไว้บนหัวกระโหลก
วัวกระทิงป่า © https://bit.ly/3xiHF82
.
.
ชนเผ่า Blackfoot ยังคงรักษาประเพณี
และวัฒนธรรมอินเดียนแดงไว้ยาวนานมาก
จนกระทั่งผู้ตั้งถิ่นฐานชาวผิวขาว
ได้ทำให้วัวกระทิงป่าเกือบสูญพันธุ์
ในปีค.ศ. 1877
ชนเผ่าใน Blackfoot ใน Canada
รู้สึกตัวแล้วว่า จำเป็นต้องลงนามในสนธิสัญญา
พื้นที่อนุรักษ์ของชนเผ่า/พื้นที่สงวน
ทางตอนใต้ของรัฐ Alberta
เมื่อวัวกระทิงป่าใกล้จะสูญพันธุ์ที่รัฐ Montana
มีการฆ่าวัวกระทิงป่าอย่างเมามัน ลองฝีมือยิง
ด้วยขัอหาบุกรุกทำลายเรือกสวนไร่นา
บุกรุกทำลายที่ดินทำกินของคนผิวขาว
และมีนัยแอบแฝงต้องการทำลายแหล่งอาหาร
ของพวกชนพื้นเมืองอินเดียนแดงหลายเผ่า
ทำให้ชนเผ่า Blackfoot จำนวนมาก
ต่างอดอยากและถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาอาหาร
จากหน่วยงานของรัฐ Indian Agency for food
Food Distribution Program on Indian Reservations
ในช่วงต้นทศวรรษ 1800
ขนเผ่า Blackfoot มีคนราว 20,000 คน
แต่โรคที่เกิดจากผู้ตั้งถิ่นฐานผิวขาว
มีทั้งไข้ทรพิษ โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่
กอปรกับความอดอยากและภัยสงคราม
ทำให้จำนวนชนเผ่าลดลงเหลือน้อยกว่า
5,000 คนในช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษ
แม้จะเผชิญชะตากรรมและความทุกข์ยาก
ชนเผ่า Blackfoot ก็ไม่เคยสุญเสียวัฒนธรรม
หรือภาษาพูดของพวกชนเผ่าเอง
ทุกวันนี้
ชนเผ่า Blackfoot ราว 25,000 คน
ชนเผ่า Blackfoot Piegan อาศัยอยู่ใน
Blackfoot Nation ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ของรัฐ Montana ใกล้กับ Browning
ส่วนอีก 3 ชนเผ่า ยังอาศัยอยู่ถิ่นฐานดั้งเดิม
ในรัฐ Alberta กับประเทศ Canada
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3xgAq0d
https://bit.ly/3B8BPXH
.
.
.
ภาพตัดต่อ/ล้อเลียน
.
.
เรื่องเดิม
.
สหรัฐฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กบฏโมโร 110 ปีก่อน
.
ศพกบฏโมโรช่วงสงคราม Bud Dajo
ใน Philippines 7 มีนาคม 1906
.
.
.
ปืนใหญ่ทหารสหรัฐที่รบกับพวกโมโร
ช่วงปี 1899–1913
.
.
.
.
คนอังกฤษผู้อพยพรุ่นแรกไปอเมริกากินเนื้อคนเพื่อกันตาย
.
.
.
ชนพื้นเมืองอเมริกันอาจมาจากจีนตอนใต้
.
.
.
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
เรื่องที่พิพาทกันจริง ๆ คือ ที่ดิน
ระหว่างคนผิวขาว กับ ชนพื้นเมือง
ชนเผ่าอินเดียนแดงไร้กรรมสิทธิ์ที่ดิน
ถือว่าที่ดินทุกแห่งหนเป็นของธรรมชาติ
แค่ใช้ประโยชน์เสร็จก็จากไป
ค่อยกลับมาใหม่หลังจากดินฟื้นฟูคืนสภาพแล้ว
แบบพวกชาวเขา ญี่ปุ่น เกาหลี ที่ทำไร่เลื่อนลอย
แต่พวกยุโรปไร้ที่ดินเป็นจำนวนมาก
เพราะระบบไพร่ศักดินา กษัตริย์
ถือครองที่ดินจำนวนมากในแผ่นดิน
จนชาวบ้านส่วนใหญ่ไร้ที่ดินทำกิน
ตัองเป็นไพร่ ผู้เช่าที่ดินจำนวนมหาศาล
พอมีข่าวว่าที่อเมริกา
ไม่มีเจ้าที่ดิน ศักดินา กษัตริย์
ใครทำประโยชน์ที่ดินได้เท่าไร เอาไปเลย
ใครมือยาวสาวได้สาวเอา
ไม่มีการจำกัดจำนวนเนื้อที่ดินถือครอง
การพัฒนาเครื่องจักรกลบุกเบิกที่ดินจึงตามมา
พวกอินเดียนแดงมักเดินทางผ่านที่ดิน
ที่ตอนนี้คนผิวขาวยึดครอง
ก็ต้องเหยียบย่ำพืชผลที่ปลูก
กับหยิบฉวยพืชผลโดยพลการ
ถือว่าเป็นของธรรมชาติ
ระยะแรกชนผิวขาวจำนวนน้อยกว่า
ไม่กล้าหือ พอมีพวกมาก มีปืนดีกว่า
จึงเริ่มจับปืนขึ้นขับไล่พวกชนพื้นเมือง
ไล่ให้ไปไกล ๆ ไปห่างจากที่ดินพวกผิวขาว
พอยิ่งพวกมากก็ยิ่งอันธพาลแบบหมาหมู่
สุดท้ายก็ยึดดินแดนส่วนใหญ่จากชนพื้นเมือง
ตอนจะตั้งสหรัฐอเมริกาใหม่ ๆ
มีคนเสนอระบบกษัตริย์ แต่ไม่มีใครเอาด้วย
เพราะจะหวนกลับเป็นแบบกงจักรปีศาจ
ที่ดินส่วนใหญ่จะเป็นของศักดินา กษัตริย์
ชาวบ้านทั่วไปหมดสิทธิ์ในการยึดครองที่ดิน
แต่สหรัฐมีการใช้ระบบภาษีบังคับให้ขายที่ดิน
ที่ถือครองจำนวนมากไม่ทำประโยชน์ออกไป