โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ผู้เป็นเวไนยสัตว์ สามารถเข้าใจธรรมได้ สามาถปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความเป็นจริงของโลกได้ (โลกุตตระธรรม)
โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในดินแดนที่ยังมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติอยู่ อย่างประเทศไทย
โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้เกิดมา ณ ดินแดนที่ยังมีพระอริยเจ้า อยู่ไม่ไกลตัวเช่นนี้
การปฏิบัติในความเชื่ออื่นๆ ผมเข้าใจว่า เป็นแค่เรื่องของสมถกรรมฐานล้วนๆ
ไม่ได้มีเรื่องของ
สติปัฏฐานเข้ามาเกี่ยวเลย
เมื่อไม่ได้เจริญสติควบคู่
ปัญญารู้แจ้งเห็นธรรมจึงไม่เกิด
ลำพังการมุ่งเจริญสมถะ มันก็ได้แค่ทางฌาน แต่ไม่มีอภิญญาญาณเกิดขึ้น
และเมื่อไม่มีอภิญญาญาณเกิดขึ้น โอกาสที่จะก้าวไปจนถึงอาสวักขยญาณ จึงย่อมเป็นไปไม่ได้
เหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่ได้เข้าเรียนหนังสือ โอกาสที่จะได้รับปริญญาบัตร ย่อมไม่มี ฉันใดก็ฉันนั้น
เหมือนคนที่กำลังเดินหลงทาง โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมาย ย่อมไม่มี
เหมือนคนตาบอดสนิท โอกาสที่จะได้เห็นแสง(ธรรม) ย่อมไม่มี
เหมือนคนที่ออกเดินทางไปในมหาสมุทร ท่ามกลางความมืดมิด อย่างไม่รู้จุดหมาย โอกาสที่เขาจะได้ไปถึงฝั่งฝัน ย่อมไม่มี
ในขณะที่หลักของศาสนาพุทธ ท่านสอนให้เราเดิน 2 ขา...เราจึงสามารถบรรลุได้, เพราะหากลำพังเดินขาเดียว เราจะพบกับทางตัน !!!
โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในดินแดนที่ยังมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติอยู่ อย่างประเทศไทย
โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้เกิดมา ณ ดินแดนที่ยังมีพระอริยเจ้า อยู่ไม่ไกลตัวเช่นนี้
การปฏิบัติในความเชื่ออื่นๆ ผมเข้าใจว่า เป็นแค่เรื่องของสมถกรรมฐานล้วนๆ
ไม่ได้มีเรื่องของสติปัฏฐานเข้ามาเกี่ยวเลย
เมื่อไม่ได้เจริญสติควบคู่ ปัญญารู้แจ้งเห็นธรรมจึงไม่เกิด
ลำพังการมุ่งเจริญสมถะ มันก็ได้แค่ทางฌาน แต่ไม่มีอภิญญาญาณเกิดขึ้น
และเมื่อไม่มีอภิญญาญาณเกิดขึ้น โอกาสที่จะก้าวไปจนถึงอาสวักขยญาณ จึงย่อมเป็นไปไม่ได้
เหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่ได้เข้าเรียนหนังสือ โอกาสที่จะได้รับปริญญาบัตร ย่อมไม่มี ฉันใดก็ฉันนั้น
เหมือนคนที่กำลังเดินหลงทาง โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมาย ย่อมไม่มี
เหมือนคนตาบอดสนิท โอกาสที่จะได้เห็นแสง(ธรรม) ย่อมไม่มี
เหมือนคนที่ออกเดินทางไปในมหาสมุทร ท่ามกลางความมืดมิด อย่างไม่รู้จุดหมาย โอกาสที่เขาจะได้ไปถึงฝั่งฝัน ย่อมไม่มี