นอกเรื่องแป็ป
เท่าที่ผมฟังมา เมื่อมีการสังคายนาครั้งแรกหลังพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ผู้ที่มา ทำสังคายนา ล้วนเป็นพระอรหันต์ที่ เป็นผู้รอบรู้คำสอนของพระองค์อย่างยิ่งยวด ซึ่งคัดจากพระอรหันต์จากจำนวนมาก ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พระไตรปิฎก ที่ได้มาจาการทำสังคายนาครั้งแรกจึงเปลี่ยมล้นไปด้วยข้อความที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง
ผมอยากจะชวนเชิญท่านที่ยังไม่ได้ศึกษา อ่านหรือฟังพระไตรปิฎก มาศึกษากันให้มากๆนะครับ พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระองค์ให้เอาพระธรรม ที่พระองค์ทรงสอนไว้ดีแล้ว เป็นตัวแทนพระองค์ คำสอนล้วนมาจาก พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ หาได้มาจาก การตรึก นึกเอาด้วยจิต แล้วนำมาสอน
ท่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไมไม่มีศาล ตัดสินว่า ใคร เข้าใจธรรมะอย่างนี้ถูกหรือผิด ก็เพราะพระองค์ไม่ได้อนุญาต ให้ใครมาเป็นตัวแทนพระองค์ มีวิธีเดียวที่จะบอกว่าใครถูกหรือผิด ก็คือ เอาคำสอน ก็คือพระสูตร ยกขึ้นมา โต้แย้งกัน ว่า ใครที่กล่าวแล้วไม่ถูกตามคำสอน
ก็นั้นแหละ การอ่านพระสูตร ก็ต้องทำใจเป็นกลางไม่มีธงมาก่อน เราจะทำสิ่งนั้นได้ก็ต่อเมื่อ เรายังไม่ได้โน้มเอียงไปทางสำนักได้ แล้วมาศึกษา พระไตรปิฎกอย่างจริงจัง
เข้าเรื่อง
พระไตรปิฎก ฉบับภาษาบาลีถือว่า เป็นต้นฉบับของ พระไตรปิฎก ฉบับภาษา ไทย
แต่นอนว่า ถ้าเรายังไม่เคยอ่านทั้งสองฉบับ เราจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร อันนี้ก็ต้องให้คนที่ได้อ่านทั้ง สองฉบับ
ส่วนตัวผมคิดว่า คงเหมือนเราดูภาพยนตร์ต่างประเทศ ถ้าเราดูเสียงซาวแทรก กับเสียงพากไทย มันก็ได้อารมณ์ไปคนละอย่าง เสียงภาคไทยมันเข้าใจง่าย กว่า ถึงแม้จะขาดบางอย่างก็ตาม
การศึกษา พระไตรปิฎก ภาษาไทยก็น่าจะเพียงพอ เพราะนักแปลภาษา ที่ท่านแปลมาให้เรานั้น ก็ระดับ ที่รู้ทั้งภาษาบาลีและรู้ในธรรม ด้วยเป็นอย่างดี (ผมเข้าใจว่าอย่างนั้น) การที่คนมากล่าวว่า การศึกษาพระไตรปิฎกภาษาไทย ไม่ดีพอต้องมีอรรถ โน้นนี่นั้น ผมเห็นว่าไม่ถูกชะที่เดียว มันเป็นการปิดกั้น ไม่ให้คนเข้าถึงต้นฉบับ และปิดกั้นความเจริญของพระศาสนา
วิธีการศึกษาพระไตรปิฎก จากไหนดี เขามีขาย ในลาซาด้า พระสุตันตะปิฎก หมื่นกว่าบาท ถ้าให้ผมแนะนำนะครับ ดาวน์โหลดไฟล์เสียงจาก เว็บ ผมเคยดาวน์โหลด จากเว็บพลังจิต ไม่รู้ยังมีอยู่หรือเปล่า เพราะ คำสอนในพระสูตร ออกแบบมาให้ฟังมากกว่าอ่าน โหลดมาเฉพาะพระสุตันตะปิฎก ก็ได้ เล่มที่ 9-31 ฟังสักสามรอบ เวลาท่านสนใจพระสูตรไดเป็นพิเศษ ก็เข้าเว็บ 8400.org แล้วเอาคำที่เราฟังมาค้นในพระสูตร เพื่ออ่านเพิ่มเติม แบบนี้ ไม่ต้องเสียเงิน
คนที่อ่าน หรือฟังพระสูตร การตีความพระสูตร ก็สำคัญ เพราะในภาษาที่เราฟังอยู่นั้น จะไม่มี ประธาน กริยา และกรรม อย่างครบ สมบูรณ์ ต้องอ้างอิง คำแรกๆ แต่ถ้าฟังไปบ่อยๆจะเข้าใจ และภาษาจะสระสลวย มีเนื้อหาล้วนๆ บางคำ เป็นคำต่อ ช้าๆ ซ้ำ ๆ ยืดยาด แท้จริงแล้ว คำเหล่านั้น พระองค์กำลัง น้อมจิตของเหล่าสาวกต่างหาก
ผมเคยให้ไฟล์เพื่อนไปฟังเขาบอกว่า อะไรก็ไม่รู้พูดซ้ำๆ อยู่นั้น นั้นแหละ เราต้องจินตนาการว่า เราคือสาวกคนหนึ่งนั่งฟังพระองค์อยู่
บางท่านอาจบอกว่า ต้องใช้เวลานาน ไม่ทันใจ ผมคิดว่า ท่านจะรีบไปไหน คนที่เขามาก่อนเรา ก็ยังอยู่ฝั่งนี้กันทั้งนั้น ยังข้ามแม่น้ำแห่งวัฏสงสารไม่ได้กันหรอก ครับ
การตีความพระสูตรก็สำคัญ ถ้าเราตั้งใจฟังหลายๆรอบจะเข้าใจยิ่งขึ้น การสงสัยการตีความพระสูตร จะมาถามใครดี ในเว็บบอร์ดไหน ที่เป็น ทุ่งลาเวนเดอร์ หรือ เข้าไปจะเป็น ทุ่งซาฟารี
ผมจะยกตัวอย่างการตีความพระสูตร ผมจะยกพระสูตรนี้มาจาก เวบ 8400.org
“[๖๙๖] ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณในขณะแห่งโลกุตรมรรคอย่างไร ฯ
ในขณะโลกุตรมรรค จิตเป็นใหญ่ในการให้เกิดขึ้น และเป็นเหตุ
เป็นปัจจัยแห่งญาณ จิตอันสัมปยุตด้วยญาณนั้น มีนิโรธเป็นโคจร ญาณเป็นใหญ่
ในการเห็น และเป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งจิต ญาณอันสัมปยุตด้วยจิตนั้น มีนิโรธ
เป็นโคจร ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและด้วยญาณ ในขณะแห่งโลกุตรมรรค
อย่างนี้ ฯ”
อย่างพระสูตรข้างบนนี้ ท่านตีความว่า จิต กับญาณ เป็นคนละสิ่ง หรือเปล่า
ขณะบรรลุธรรม ใครเป็นตัวเห็น จิต เป็นตัวเห็นหรือว่า ญาณเป็นตัวเห็น
อีกท่อนหนึ่ง
“[๖๙๕] คำว่า ความตรัสรู้ ความว่า ย่อมตรัสรู้ด้วยอะไร ย่อมตรัสรู้
ด้วยจิต ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตหรือ ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีญาณก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคล
ผู้ไม่มีญาณตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยญาณ ย่อมตรัสรู้ด้วยญาณหรือ
ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้
ได้ด้วยจิตและญาณ........
ท่านคิดว่า ญาณคืออะไร.....
สุดท้าย เราไม่ควร ที่จะไปตัดสินว่าใครเป็นพิษหรือไม่ ให้พระธรรมตัดสิน ยกพระธรรมมาตัดสิน อย่างยกจิตของเรามาตัดสินคนนั้นคนนี้ว่าไม่ดี ดังนั้น พระไตรปิฎกก็คือตัวแทนพระองค์ที่จะบอกว่าอะไรผิดหรือถูกครับ
การศึกษาพระไตรปิฎก ระหว่าง ฉบับภาษาไทย กับภาษาบาลี ให้ความรู้ความเข้าใจต่างกันมากไหม
เท่าที่ผมฟังมา เมื่อมีการสังคายนาครั้งแรกหลังพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ผู้ที่มา ทำสังคายนา ล้วนเป็นพระอรหันต์ที่ เป็นผู้รอบรู้คำสอนของพระองค์อย่างยิ่งยวด ซึ่งคัดจากพระอรหันต์จากจำนวนมาก ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พระไตรปิฎก ที่ได้มาจาการทำสังคายนาครั้งแรกจึงเปลี่ยมล้นไปด้วยข้อความที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง
ผมอยากจะชวนเชิญท่านที่ยังไม่ได้ศึกษา อ่านหรือฟังพระไตรปิฎก มาศึกษากันให้มากๆนะครับ พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระองค์ให้เอาพระธรรม ที่พระองค์ทรงสอนไว้ดีแล้ว เป็นตัวแทนพระองค์ คำสอนล้วนมาจาก พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ หาได้มาจาก การตรึก นึกเอาด้วยจิต แล้วนำมาสอน
ท่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไมไม่มีศาล ตัดสินว่า ใคร เข้าใจธรรมะอย่างนี้ถูกหรือผิด ก็เพราะพระองค์ไม่ได้อนุญาต ให้ใครมาเป็นตัวแทนพระองค์ มีวิธีเดียวที่จะบอกว่าใครถูกหรือผิด ก็คือ เอาคำสอน ก็คือพระสูตร ยกขึ้นมา โต้แย้งกัน ว่า ใครที่กล่าวแล้วไม่ถูกตามคำสอน
ก็นั้นแหละ การอ่านพระสูตร ก็ต้องทำใจเป็นกลางไม่มีธงมาก่อน เราจะทำสิ่งนั้นได้ก็ต่อเมื่อ เรายังไม่ได้โน้มเอียงไปทางสำนักได้ แล้วมาศึกษา พระไตรปิฎกอย่างจริงจัง
เข้าเรื่อง
พระไตรปิฎก ฉบับภาษาบาลีถือว่า เป็นต้นฉบับของ พระไตรปิฎก ฉบับภาษา ไทย
แต่นอนว่า ถ้าเรายังไม่เคยอ่านทั้งสองฉบับ เราจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร อันนี้ก็ต้องให้คนที่ได้อ่านทั้ง สองฉบับ
ส่วนตัวผมคิดว่า คงเหมือนเราดูภาพยนตร์ต่างประเทศ ถ้าเราดูเสียงซาวแทรก กับเสียงพากไทย มันก็ได้อารมณ์ไปคนละอย่าง เสียงภาคไทยมันเข้าใจง่าย กว่า ถึงแม้จะขาดบางอย่างก็ตาม
การศึกษา พระไตรปิฎก ภาษาไทยก็น่าจะเพียงพอ เพราะนักแปลภาษา ที่ท่านแปลมาให้เรานั้น ก็ระดับ ที่รู้ทั้งภาษาบาลีและรู้ในธรรม ด้วยเป็นอย่างดี (ผมเข้าใจว่าอย่างนั้น) การที่คนมากล่าวว่า การศึกษาพระไตรปิฎกภาษาไทย ไม่ดีพอต้องมีอรรถ โน้นนี่นั้น ผมเห็นว่าไม่ถูกชะที่เดียว มันเป็นการปิดกั้น ไม่ให้คนเข้าถึงต้นฉบับ และปิดกั้นความเจริญของพระศาสนา
วิธีการศึกษาพระไตรปิฎก จากไหนดี เขามีขาย ในลาซาด้า พระสุตันตะปิฎก หมื่นกว่าบาท ถ้าให้ผมแนะนำนะครับ ดาวน์โหลดไฟล์เสียงจาก เว็บ ผมเคยดาวน์โหลด จากเว็บพลังจิต ไม่รู้ยังมีอยู่หรือเปล่า เพราะ คำสอนในพระสูตร ออกแบบมาให้ฟังมากกว่าอ่าน โหลดมาเฉพาะพระสุตันตะปิฎก ก็ได้ เล่มที่ 9-31 ฟังสักสามรอบ เวลาท่านสนใจพระสูตรไดเป็นพิเศษ ก็เข้าเว็บ 8400.org แล้วเอาคำที่เราฟังมาค้นในพระสูตร เพื่ออ่านเพิ่มเติม แบบนี้ ไม่ต้องเสียเงิน
คนที่อ่าน หรือฟังพระสูตร การตีความพระสูตร ก็สำคัญ เพราะในภาษาที่เราฟังอยู่นั้น จะไม่มี ประธาน กริยา และกรรม อย่างครบ สมบูรณ์ ต้องอ้างอิง คำแรกๆ แต่ถ้าฟังไปบ่อยๆจะเข้าใจ และภาษาจะสระสลวย มีเนื้อหาล้วนๆ บางคำ เป็นคำต่อ ช้าๆ ซ้ำ ๆ ยืดยาด แท้จริงแล้ว คำเหล่านั้น พระองค์กำลัง น้อมจิตของเหล่าสาวกต่างหาก
ผมเคยให้ไฟล์เพื่อนไปฟังเขาบอกว่า อะไรก็ไม่รู้พูดซ้ำๆ อยู่นั้น นั้นแหละ เราต้องจินตนาการว่า เราคือสาวกคนหนึ่งนั่งฟังพระองค์อยู่
บางท่านอาจบอกว่า ต้องใช้เวลานาน ไม่ทันใจ ผมคิดว่า ท่านจะรีบไปไหน คนที่เขามาก่อนเรา ก็ยังอยู่ฝั่งนี้กันทั้งนั้น ยังข้ามแม่น้ำแห่งวัฏสงสารไม่ได้กันหรอก ครับ
การตีความพระสูตรก็สำคัญ ถ้าเราตั้งใจฟังหลายๆรอบจะเข้าใจยิ่งขึ้น การสงสัยการตีความพระสูตร จะมาถามใครดี ในเว็บบอร์ดไหน ที่เป็น ทุ่งลาเวนเดอร์ หรือ เข้าไปจะเป็น ทุ่งซาฟารี
ผมจะยกตัวอย่างการตีความพระสูตร ผมจะยกพระสูตรนี้มาจาก เวบ 8400.org
“[๖๙๖] ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณในขณะแห่งโลกุตรมรรคอย่างไร ฯ
ในขณะโลกุตรมรรค จิตเป็นใหญ่ในการให้เกิดขึ้น และเป็นเหตุ
เป็นปัจจัยแห่งญาณ จิตอันสัมปยุตด้วยญาณนั้น มีนิโรธเป็นโคจร ญาณเป็นใหญ่
ในการเห็น และเป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งจิต ญาณอันสัมปยุตด้วยจิตนั้น มีนิโรธ
เป็นโคจร ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและด้วยญาณ ในขณะแห่งโลกุตรมรรค
อย่างนี้ ฯ”
อย่างพระสูตรข้างบนนี้ ท่านตีความว่า จิต กับญาณ เป็นคนละสิ่ง หรือเปล่า
ขณะบรรลุธรรม ใครเป็นตัวเห็น จิต เป็นตัวเห็นหรือว่า ญาณเป็นตัวเห็น
อีกท่อนหนึ่ง
“[๖๙๕] คำว่า ความตรัสรู้ ความว่า ย่อมตรัสรู้ด้วยอะไร ย่อมตรัสรู้
ด้วยจิต ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตหรือ ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีญาณก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคล
ผู้ไม่มีญาณตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยญาณ ย่อมตรัสรู้ด้วยญาณหรือ
ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้
ได้ด้วยจิตและญาณ........
ท่านคิดว่า ญาณคืออะไร.....
สุดท้าย เราไม่ควร ที่จะไปตัดสินว่าใครเป็นพิษหรือไม่ ให้พระธรรมตัดสิน ยกพระธรรมมาตัดสิน อย่างยกจิตของเรามาตัดสินคนนั้นคนนี้ว่าไม่ดี ดังนั้น พระไตรปิฎกก็คือตัวแทนพระองค์ที่จะบอกว่าอะไรผิดหรือถูกครับ