การศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

กระทู้สนทนา
การที่เราไม่ได้ศึษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยละเอียด หรือยังไม่แตกฉานในพระธรรมแล้ว เอาความรู้สึกของตัวเองไปสรุปคำสอนของพระพุทธเจ้า มีการนำไปปฏิบัติโดยไม่เข้าใจว่าพระธรรมส่วนใหนเห็นเหตุ พระธรรมส่วนใหนเป็นผล แยกออกจากกันไม่ได้ เห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ก็เลยนำไปปฏิบัติทันทีโดยไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าพระพุทธเจ้ากำลังสอนผู้ใด

ในพระไตรปิฎกนั้น ส่วนมากพระพุทธองค์สอนพระอริยะหรือพระอรหันต์ พระองค์ท่านจะแสดงธรรมที่สรุปเป็นผลออกมา พระองค์ท่านมิได้แสดงธรรมตั้งแต่เหตุไปหาผล เพราะอริยบุคคลนั้นรู้ดีว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล แต่ถ้าพระพุทธเจ้าตรัสสอนบุคคลธรรมดาทั่วไป จะตรัสสอนตั้งแต่เหตุไปหาผล ซึ่งมีไม่มากในพระไตรปิฎก ส่วนมากที่แสดงจึงเป็นผลนำไปปฏิบัติทันทีไม่ได้

หากเราไม่พิณิจพิจารณาดีๆ พอได้อ่านพระไตรปิฎกแล้วเห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็นำไปปฏิบัติทันที ผลที่ได้ก็ตรงกับเหตุ ก็คือ ไม่มีปัญญาที่จะนำมาดับทุกข์ได้ ได้แต่ความสงบ ได้แต่หลบทุกข์ชั่วคราว บางท่านเข้าใจว่าตนเองได้มรรคผลแล้ว อันที่จริง ได้เพียงฌาน อภิญญา หรือความรู้ยิ่งในความสงบเท่านั้น ไม่ใช่ปัญยาที่จะนำมาดับทุกข์ได้ เพราะทำเหตุผล ผลจึงออกมาผิด เช่น เอามรรค ๘ ไปปฏิบัติโดยตรง เป็นต้น

ต่อมา ความเข้าใจผิดก็มีมากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงขนาดเรียงการปฏิบัติเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา บอกว่าเป็นการปฏิบัติแนวไตรสิกขา ซึ่งไตรสิกขาก็ไม่ใช่แนวทางการปฏิบัติ หากท่านลองไปศึกษาดูสรุปของโอวาทปาติโมกข์ พระองค์ท่านสรุปให้เอาปัญญาขึ้นก่อน เมื่อมีปัญญา รู้ถูก รู้ผิด รู้ดี รู้ชั่ว ศีลจึงเกิดขึ้น เมื่อกายสงบใจสงบเพราะศีลแล้ว สมาธิก็เกิดขึ้น จะเห็นว่า ศีลและสมาธิ เป็นผลได้จากการมีปัญญา แบบนี้เรียกว่า สัมมามรรค ไม่ใช่ไปเรียงองค์ธรรมตามใจตัวเอง

การเอาศีลขึ้นก่อนและไปหาสมาธิ อย่างนี้ถือว่าถูกเหตุถูกปัจจัย แต่จากสมาธิไปหาปัญญานั้นผิด เพราะผิดเหตุปัจจัย สมาธิเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดความสงบ ไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จำทำให้เกิดปัญญาที่จะนำมาดับทุกข์ได้ ในที่สุด ก็ไปตันที่ความสงบ หลงอยู่ที่ฌาน อภิญญา หลายท่านปฏิบัติถึงจุดนี้แล้วคิดว่าตนเองบรรลุมรรคผลแล้ว ความจริงยังห่างไกลเส้นทางโลกุตตระอยู่มาก เป็นเพียงคุณวิเศษทางโลกียะเท่านั้น

การนำ ศีล สมาธิ ปัญญา แบบนี้เป็นหลักในการปฏิบัติ ผลออกมามีแต่คนมีศีล และมีสมาธิ ไม่มีผู้ใดมีปัญญามาดับทุกข์ได้เลย มีแต่หลบทุกข์อยู่ชั่วคราว พากันเป็นฤาษีกันหมด ไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้า เพราะเอามิจฉามรรคไปปฏิบัติ ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

พวกเราชาวพุทธต้องระวังให้ดี ไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าดีพอ แล้วนำไปปฏิบัติ ยังนำมาสอนชาวพุทธต่อไปอย่างผิดๆ อีก แทนที่จะเป็นผลดีต่อพุทธศาสนา กลับส่งผลตรงกันข้าม พวกเราจะเป็นพวกที่ลำลายพุทธศาสนาให้หายไปจากประเทศไทยเร็วขึ้น

หากไม่เข้าใจอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผลแล้วนำมาปฏิบัติ จะเป็นการปฏิบัติผิดธรรมทันที หากตรวจสอบดูทางธรรมแล้ว ผู้นั้นหมดสภาพการเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าทันทีที่ปฏิบัติ เพราะบอกตัวเองว่าเป็นพุทธ แต่เอาคำสอนการปฏิบัติของพราหมณ์หรือแบบอื่นมาปฏิบัติ อย่างนี้ไม่ใช่พุทธ

เหตุ ๒ ประการที่ทำให้ชาวพุทธพากันหลง ก็คือ พวกที่เรียนรู้แล้วไม่ปฏิบัติ กับอีกพวกที่ปฏิบัติโดยไม่เรียนรู้ เป็นแบบนี้มาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ชาวพุทธตอนนี้ต้องช่วยเหลือตัวเอง อย่าหวังให้ใครช่วย ต้องรู้จักเรียนให้รู้ก่อนไปปฏิบัติ อย่าเอาแต่คำเขาว่า เพราะการเดินทางผิด ก็ถือว่าเสียเวลาไป ๑ ชาติเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่