จะเล่าเรื่องราวคร่าวๆของครอบครัวเราให้ฟังค่ะ
ตอนเราอยู่ป.1 พ่อกับแม่พาเราไปอยู่โรงเรียนประจำซึ่งเราลำบากมาก เราได้กินข้าวเหนียวเหม็นเปรี้ยวและไม่สุกเกือบทุกวัน เราต้องทำงานตามเวรที่ทางโรงเรียนจัดให้ทุกวัน เราหิวโหยผลไม้และขนมมากเราต้องไปเก็บลูกตะขบกับมาพร้าวของเพื่อนบ้านมากิน เราอยากได้อะไรเหมือนเพื่อนเราก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ ชุดนักเรียนของเราก็หายบ้างใส่แบบชื้นๆเหม็นอับไปโรงเรียนบ้าง และที่สำคัญเราคิดถึงพ่อกับแม่มากเราร้องไห้ทุกวันอยากได้ความรักความอบอุ่น เราต้องนอนรวมกับคนอื่นจนติดเหาสุขภาพของเราคือแย่มากๆ เด็กอายุ 6 ขวบที่ต้องไปดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง เราป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งพ่อกับแม่ก็มาเยี่ยมบ้างนานๆที เราต้องอดทนกล้ำกลืนมาตลอดจนเราโตขึ้นเข้ามัธยมเราก็ต้องห่อข้าวไปโรงเรียนซึ่งเราอายเพราะเพื่อนๆมีเงินไปโรงอาหาร เราต้องแอบเอาข้าวออกมากินตอนที่ทุกคนไม่ทานข้าวเที่ยง เราได้อยู่โรงเรียนประจำจนเราจบม. 6 พอเราเข้ามหาวิทยาลัยเราก็กู้เงินเรียนจนจบด้วยตัวเอง
พอเราเรียนจบมีงานทำพ่อกับแม่ก็อยากให้เราส่งเงินให้ใช้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเด็กจะเป็นปมในใจ เราก็ยังพยายามเลี้ยงดูพวกเขา ให้เงินใช้ ซื้อเสื้อผ้ารองเท้าดีๆให้ อยากกินอะไรเราก็พาไปกิน เราให้ไปเยอะจนเราตั้งตัวไม่ได้ ไม่มีบ้านไม่มีรถแต่เหมือนพวกเขาอยากได้ไม่สิ้นสุดแถมยังขอให้เราส่งเงินไปช่วยพี่ชายน้องชายน้องสาวเราอีกด้วย เราก็ให้ยืมทุกคนรวมๆก็เป็นแสนแต่ก็ไม่ได้กลับคืนมาสักที ถ้าช่วงไหนที่เราเงียบๆไปพ่อกับแม่มักจะบอกว่าป่วยเราพาไปหาหมอจ่ายครั้งละเป็นหมื่น หรือบางทีเราก็โอนเงินให้ไปหาหมอเองแต่ก็ไม่หายสักที
พ่อกับแม่เราไม่มีเงินเกษียณไม่รู้จักวางแผนอนาคต พ่อทำงานคนเดียวรายได้เดือนละหมื่นนิดๆ เรารู้สึกว่าพวกเขาไม่ยอมทำอะไรเลย ไม่ดิ้นรนตั้งแต่เราเด็กจนตอนนี้อายุ 33 แล้วพวกเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรารู้สึกมาตลอดว่าพ่อแม่เอาเราไปทิ้งไว้ที่โรงเรียนประจำเพื่อผลักภาระของตัวเอง เราจึงคิดว่าที่ผ่านมาเราก็ให้ทุกอย่างเท่าที่เรามีแต่ไม่ได้อะไรเลย พวกเขามีที่ดินก็แบ่งให้ลูกชายอย่างชัดเจน พอเราบอกว่าอยากสร้างบ้านหลังเล็กของเราไว้ในที่ส่วนหนึ่งของพ่อแม่ พอเรามารู้อีกที่พวกเขาก็เอาที่ตรงนั้นไปสร้างบ้านให้น้องสาวเราแทนพอเงินสร้างบ้านไม่พอก็ส่งข้อความมาขอยืมเรา เราเลยบอกไปว่าหนี้กู้ยืมเรียนของเราก็เหลืออีกหลายแสนถ้าเรามัวแต่ช่วยคนอื่นเมื่อไหร่เราจะตั้งตัวได้ เรารู้สึกแย่มากๆและเครียด
เราจึงคิดว่าจากนี้ไปเราจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไปสร้างชีวิตของตัวเอง เราจะปฏิเสธทุกคำขอของพวกเขาดีไหมคะ
เราคิดว่าพอซักทีกับความใจดีของเรา
พ่อแม่ทิ้งขว้างแต่พอเราโตกลับอยากให้เราเลี้ยงดูควรทำอย่างไร
ตอนเราอยู่ป.1 พ่อกับแม่พาเราไปอยู่โรงเรียนประจำซึ่งเราลำบากมาก เราได้กินข้าวเหนียวเหม็นเปรี้ยวและไม่สุกเกือบทุกวัน เราต้องทำงานตามเวรที่ทางโรงเรียนจัดให้ทุกวัน เราหิวโหยผลไม้และขนมมากเราต้องไปเก็บลูกตะขบกับมาพร้าวของเพื่อนบ้านมากิน เราอยากได้อะไรเหมือนเพื่อนเราก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ ชุดนักเรียนของเราก็หายบ้างใส่แบบชื้นๆเหม็นอับไปโรงเรียนบ้าง และที่สำคัญเราคิดถึงพ่อกับแม่มากเราร้องไห้ทุกวันอยากได้ความรักความอบอุ่น เราต้องนอนรวมกับคนอื่นจนติดเหาสุขภาพของเราคือแย่มากๆ เด็กอายุ 6 ขวบที่ต้องไปดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง เราป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งพ่อกับแม่ก็มาเยี่ยมบ้างนานๆที เราต้องอดทนกล้ำกลืนมาตลอดจนเราโตขึ้นเข้ามัธยมเราก็ต้องห่อข้าวไปโรงเรียนซึ่งเราอายเพราะเพื่อนๆมีเงินไปโรงอาหาร เราต้องแอบเอาข้าวออกมากินตอนที่ทุกคนไม่ทานข้าวเที่ยง เราได้อยู่โรงเรียนประจำจนเราจบม. 6 พอเราเข้ามหาวิทยาลัยเราก็กู้เงินเรียนจนจบด้วยตัวเอง
พอเราเรียนจบมีงานทำพ่อกับแม่ก็อยากให้เราส่งเงินให้ใช้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเด็กจะเป็นปมในใจ เราก็ยังพยายามเลี้ยงดูพวกเขา ให้เงินใช้ ซื้อเสื้อผ้ารองเท้าดีๆให้ อยากกินอะไรเราก็พาไปกิน เราให้ไปเยอะจนเราตั้งตัวไม่ได้ ไม่มีบ้านไม่มีรถแต่เหมือนพวกเขาอยากได้ไม่สิ้นสุดแถมยังขอให้เราส่งเงินไปช่วยพี่ชายน้องชายน้องสาวเราอีกด้วย เราก็ให้ยืมทุกคนรวมๆก็เป็นแสนแต่ก็ไม่ได้กลับคืนมาสักที ถ้าช่วงไหนที่เราเงียบๆไปพ่อกับแม่มักจะบอกว่าป่วยเราพาไปหาหมอจ่ายครั้งละเป็นหมื่น หรือบางทีเราก็โอนเงินให้ไปหาหมอเองแต่ก็ไม่หายสักที
พ่อกับแม่เราไม่มีเงินเกษียณไม่รู้จักวางแผนอนาคต พ่อทำงานคนเดียวรายได้เดือนละหมื่นนิดๆ เรารู้สึกว่าพวกเขาไม่ยอมทำอะไรเลย ไม่ดิ้นรนตั้งแต่เราเด็กจนตอนนี้อายุ 33 แล้วพวกเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรารู้สึกมาตลอดว่าพ่อแม่เอาเราไปทิ้งไว้ที่โรงเรียนประจำเพื่อผลักภาระของตัวเอง เราจึงคิดว่าที่ผ่านมาเราก็ให้ทุกอย่างเท่าที่เรามีแต่ไม่ได้อะไรเลย พวกเขามีที่ดินก็แบ่งให้ลูกชายอย่างชัดเจน พอเราบอกว่าอยากสร้างบ้านหลังเล็กของเราไว้ในที่ส่วนหนึ่งของพ่อแม่ พอเรามารู้อีกที่พวกเขาก็เอาที่ตรงนั้นไปสร้างบ้านให้น้องสาวเราแทนพอเงินสร้างบ้านไม่พอก็ส่งข้อความมาขอยืมเรา เราเลยบอกไปว่าหนี้กู้ยืมเรียนของเราก็เหลืออีกหลายแสนถ้าเรามัวแต่ช่วยคนอื่นเมื่อไหร่เราจะตั้งตัวได้ เรารู้สึกแย่มากๆและเครียด
เราจึงคิดว่าจากนี้ไปเราจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไปสร้างชีวิตของตัวเอง เราจะปฏิเสธทุกคำขอของพวกเขาดีไหมคะ
เราคิดว่าพอซักทีกับความใจดีของเรา