JJNY : พอมีหวัง! ปิดสวิตช์ ส.ว.│ณัฐวุฒิชี้ประเทศอยู่ได้ ถ้าไม่มีประยุทธ์│สมชัยกังวลส.ว.โดดประชุม│กาแฟสดเซเว่นฯ ขึ้นราคา

พอมีหวัง! ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ ถกร่วมรัฐสภา ร่างแก้ไขรธน. ลากยาวเที่ยงคืน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7248687

‘สุทิน’ เผยพอมีหวัง ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ ‘วิปฝ่ายค้าน’ ซุ้มทำการบ้านอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับประชุมร่วมรัฐสภา 6-7 ก.ย. ลากถึงเที่ยงคืน
 
5 ก.ย. 65 – ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนเปิดประชุมวิปฝ่ายค้านว่า

ที่ประชุมจะหารือเรื่องระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 6-7 ก.ย. ซึ่งจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยหลายฝ่าย วันนี้วิปฝ่ายค้านจะหารือในเรื่องเนื้อหาสาระ ทิศทาง การจัดสรรเวลาและผู้อภิปราย รวมถึงประเด็นที่ควรจะต้องอภิปรายกัน ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม มีทั้งหมด 5 ฉบับ
 
ได้แก่ ร่างฯ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 272 เสนอโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 64,151 คน ร่างฯ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 120 เสนอโดยนายวิรัช พันธุมะผล ส.ส. ภูมิใจไทย กับคณะ
 
ส่วนที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย มีทั้งหมด 3 ฉบับ ได้แก่ 1. ร่างฯ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ 2. ร่างฯ เพิ่มมาตรา 25 วรรคห้า แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 29 เพิ่มมาตรา 29/1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 34 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 48 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ
  
3. ร่างฯ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 159 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสอง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับที่มาของนายกรัฐมนตรีจากการเลือกโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ตลอดจนการตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งสอดคล้องกับร่างฯ ที่เสนอโดยนายสมชัย และคณะ
 
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ในวาระการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 5 ฉบับนั้น จะเป็นการรวมพิจารณาและอภิปรายพร้อมกันทั้ง 5 ฉบับ และจะลงมติแยกกันทีละฉบับ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประชุมถึงเวลา 24.00 น. ของทั้งวันที่ 6 ก.ย. และ 7 ก.ย.
 
นายสุทิน กล่าวถึงแนวโน้มการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เคยเสนอกันมาหลายเที่ยวแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่สำเร็จ ซึ่งเราเชื่อว่ากาลเวลาที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาโดยเฉพาะส่วนที่เห็นต่างนั้นจะได้ฟังเสียงประชาชนมากขึ้น และจะเห็นความจำเป็นที่จะต้องแก้ เราก็มีความหวังมากกว่าเดิม แม้จะล้มเหลวมาแต่เชื่อว่าเสียงประชาชนคงจะมีความหมายมากขึ้น
 
เมื่อถามว่า ส.ว.จะเห็นชอบกับการตัดอำนาจ ส.ว. ได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า พูดตามหลักแล้วก็ยาก ที่จะให้เขาตัดอำนาจตัวเอง แต่เขาอาจจะคิดได้ว่า จวนจะหมดวาระไปแล้ว อีกประการคือ มี ส.ว.ไม่น้อยที่เห็นควรว่า ตัดอำนาจข้อนี้ออก จากเหตุปัจจัยทั้งสถานการณ์และบริบท จึงจะมีความหวังมากขึ้น
  
เมื่อถามต่อว่า การวินิจฉัยวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมีผลต่อการอภิปรายหารือหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า มี ส่วนประเมินว่าคำวินิจฉัยออกมาเมื่อใด นายสุทิน กล่าวว่า พูดยาก สุดจะคำนวณได้ แต่คาดว่าน่าจะภายในเดือน ก.ย. เพราะมีแค่ 2 มาตรา และด้วยปัญหาสังคม ประเด็นนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน เชื่อว่าศาลคงจะไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ
 

 
ณัฐวุฒิ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ดูนิพนธ์เป็นตัวอย่าง แนะลาออกสู้คดี ชี้ ประเทศอยู่ได้ถ้าไม่มีประยุทธ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3544897

“ณัฐวุฒิ” ถามหาจิตสำนึก “บิ๊กตู่” ยก “นิพนธ์” เป็นตัวอย่างลาออกสู้คดี บี้ “บิ๊กป้อม” สร้างความแตกต่าง เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด เหน็บ อย่าทำให้คนมองแค่แข็งแรงขึ้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 กันยายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูตัวอย่างจาก นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไปต่อสู้คดีในชั้นศาลจึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้พิจารณาแล้วตัดสินใจ เพราะประเทศอยู่ได้เพราะไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ แต่พล.อ.ประยุทธ์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอำนาจ
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีโดยไม่มีข้ออ้างหรือเงื่อนไขใดๆ แม้บรรดาผู้สนับสนุนต่างออกมายกข้อกฎหมายอธิบายสร้างความชอบธรรมเพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อก็ตาม อีกทั้งพล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นคนที่ใช้อำนาจยกร่างฉบับนี้ขึ้นมาเอง จึงจำเป็นต้องควรแสดงจิตสำนึกตัดสินใจได้เอง เปรียบเสมือนการเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้าหรือไม่ ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนั้นก็ขยันลงพื้นที่ เดินเหินแข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งก็ยินดีหากพล.อ.ประวิตรมุ่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เพราะทุกปัญหานั้นมีความสำคัญ แต่อยากให้พล.อ.ประวิตร สร้างความแตกต่างจาก 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ เช่นการจัดการปัญหายาเสพติด ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ เพราะนอกจากมีหนี้ทะลุเพดาน ยังมีปัญหายาเสพติดทะลุหลังคาเรือนด้วย
 
“ปัญหายาเสพติดหลังพลเอกประยุทธ์ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เพียง 13 วัน พบข่าวคนในครอบครัวคลั่งอาระวาดทำร้ายร่างกาย ฆ่า หลายกรณี สะท้อนให้เห็นว่า 8 ปีที่ผ่านมาการบริหารประเทศภายใต้วลีเลือกความสงบจบที่ลุงตู่นั้น ประเทศและอนาคตกลับพังทลาย อยากให้พล.อ.ประวิตร สร้างความแตกต่างเรื่องยาเสพติด ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพราะปัญหาวันนี้ไม่ใช่อยู่ที่เด็กชูสามนิ้ว แต่เป็นการชู 5 นิ้ว เท่ากับ 5 เม็ด 100 ถูกและหาง่าย อยากให้แก้ปัญหาจริงจัง อย่าให้ประชาชนเห็นแค่ว่าพล.อ.ประวิตรแค่แข็งแรงขึ้นหลังพล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่เท่านั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
 


สมชัย กังวล ส.ว.โดดประชุม ทำเสียงหนุนแก้ ม.272 ไม่พอ จี้ อย่าโหวตตามใบสั่ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7248711

“สมชัย” ห่วง ส.ว. ไม่ร่วมประชุม ทำให้เสียงหนุนตัดอำนาจส.ว.ไม่พอ ขอสภาเป็นเวทีถกเถียงจริงจัง เรียกร้องฟังเหตุผล แทนโหวตตามใบสั่ง
 
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2565 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. ร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐสภานัดประชุมวันที่ 6-7 ก.ย. เพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระแรกว่า ตนเชื่อว่าส.ส. จะสนับสนุนการแก้ไขในประเด็นดังกล่าว แต่ส.ว.นั้นยังประเมินได้ยาก เพราะเชื่อว่าส.ว. ต้องพิจารณาตามสัญญาณที่ผู้ใหญ่ส่งมา ส่วนกรณีที่มีส.ว.บางรายออกมายืนยันว่า จะไม่ยอมให้แก้ไขมาตราดังกล่าวนั้น แต่การชี้ขาดหรือตัดสินใจต้องสู้กันในที่ประชุมฯ ผ่านการอภิปรายชี้แจงเหตุผลอีกครั้ง

เมื่อถามกรณีที่ส.ว.ไม่ต้องการให้แก้ไข เพราะอำนาจดังกล่าวเหลืออีกไม่กี่ปีจะหมดไปตามเวลาของบทเฉพาะกาล นายสมชัย กล่าวว่า เวลาเป็นของมีค่า หากใช้เวลาให้หมดไป โดยไม่เกิดประโยชน์การเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ส.ว. ต้องมีความกล้า คือ โหวตรับ หรือไม่รับ ไม่ใช่งดออกเสียงหรือไม่มาประชุม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

“การเสนอให้รัฐสภาพิจารณาโละอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ มีหลายครั้งแล้ว และได้คะแนนแตกต่างกัน ผมจำได้ว่าส.ว.ที่โหวตเห็นด้วยสูงสุด คือ 56 คน แต่หลายครั้งที่ผ่านมา มีการเสนอแก้ไขหลายประเด็นในร่างเดียวทำให้ไม่ผ่าน แต่รอบนี้เสนอแก้ไขเพียงประเด็นเดียว จึงยังประมาณไม่ถูกว่าจะได้คะแนนมากขึ้นหรือไม่ หรือส.ว.คิดอย่างไร ส่วนที่เห็นด้วยจะมีมากแค่ไหนไม่รู้ ปัญหาของส.ว.ตอนนี้ คือ ไม่มาประชุม ที่ผ่านมามีส.ว.มาประชุมเฉลี่ย 150 คนจากจำนวนทั้งหมด 250 คน เมื่อไม่มาประชุมเสียงจะหายไป” นายสมชัย กล่าว
 
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า การพิจารณาประเด็นดังกล่าวขอให้รัฐสภาเป็นเวทีถกเถียงจริงจัง ฟังเหตุผลแต่ละฝ่าย ไม่ใช่ยกมือตามกันหรือตามคำสั่งของวิปแต่ละฝ่ายที่ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี หรือยกมือตามสิ่งที่นัดหมายไว้ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ ตนอยากเห็นสภาไทยเอาเหตุผลคุยกัน หากไม่แก้ไขต้องแสดงเหตุผล ฝ่ายที่จำเป็นต้องแก้ไข ต้องแสดงเหตุผลซึ่งกันและกัน ผลเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่ห้องประชุมไม่ฟัง อยู่กันไม่กี่คน ไม่ถกเถียงกันเท่าที่ควร สะท้อนว่า สภาฯ ไม่ได้เป็นความหวังแก้ปัญหา
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสมชัยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้จับตาการลงมติของส.ว. และส.ส. เพราะการลงมติครั้งนี้มีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเมืองไทยไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ 

1.ส.ว. มีความเป็นกลางทางการเมือง ตามมาตรา 113 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ฝักใฝ่ หรือยอมอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด
  
2.การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่อยู่ภายใต้การพิจารณาว่า ส.ว. จะลงมติให้ใคร หรือควรจับมือกับพรรคการเมืองใดที่ ส.ว. มีแนวโน้มสนับสนุน 
 
และ 3.เป็นการนำประเทศไปสู่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยแบบสากล และเป็นการเสริมสร้างเกียรติภูมิของวุฒิสภา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่