JJNY : พี่โทนี่เย้ย"ประยุทธ์"ติดกับดัก8ปีเขียนเอง│"อดีตนายกฯ"ไม่เชื่อ"รมว.สธ."│มาแล้ว“มาม่า”ราคาใหม่│‘กอร์บาชอฟ’ ลาโลก

พี่โทนี่ เย้ย "ประยุทธ์" ติดกับดัก 8 ปีเขียนเอง แนะถอยไม่ต้องรอศาลตัดสิน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7240270
 
“พี่โทนี่” แซะ “ประยุทธ์” พอจะหมดอำนาจกลับใช้ กม.ทุกฉบับมาช่วยทั้งที่ฉีก รธน.เข้ามา เย้ยติดกับดัก 8 ปีที่เขียนเอง แนะถอยแล้วหล่อกว่า ไม่ต้องรอศาลตัดสิน
 
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 30 ส.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ พี่โทนี่ วู้ดซัม กล่าวผ่าน CARE Talk x Care ClubHouse  หัวข้อ “ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่…แล้วไงต่อ?” กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ ว่า
 
วันนี้ถ้าคุณประยุทธ์พักงาน ผมอยากแนะหลักคุณประยุทธ์ว่าหลักการในการคิดว่าจะอยู่ได้ไม่ได้ อะไรควรอยู่หรือไม่ควรอยู่นั้น เริ่มจากหลักนิติศาสตร์ เอาหลักกฎหมายมาดู กฎหมายว่าอย่างไร ซึ่งกฎหมายเขียนชัดเจนว่าแปดปี แต่คุณจะมาบอกว่าเริ่มจากตรงนั้นตรงนี้ ตอนคุณเข้ามาคุณฉีกกฎหมายทุกฉบับโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญเพื่อเข้ามามีอำนาจ แต่วันนี้พอจะหมดอำนาจกลับเอากฎหมายทุกฉบับมาใช้หมด
 
โดยหลักการแล้วคุณในฐานะหัวหน้าคสช.เป็นคนสั่งให้ร่างรัฐธรรมนูญแล้วอย่าให้เกินแปดปี และขอเวลาอีกไม่นาน แต่บังเอิญว่าสามารถอยู่ได้ถึงแปดปี แล้วชักมัน เลยอยากอยู่ต่อ จากเดิมที่ฉีกกฎหมายเข้ามา วันนี้ต้องไปเอากฎหมายทุกอย่างและเอาศรีธนญชัยมาช่วย เมื่อคุณไม่ต้องการแปดปีเพราะกลัวเพื่อไทยอยู่เกินแปดปี ก็เลยเอาแปดปีมาล็อกไว้ ผลสุดท้ายก็มาติดกับดักตัวเองที่วางไว้ให้คนอื่น
 
นายทักษิณ ระบุอีกว่า หลักที่สองคือหลักรัฐศาสตร์ คือเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและบ้านเมือง วันนี้ท่านไม่ต้องไปถามคนข้างตัว วันนี้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการแล้ว อยากให้ท่านพอแล้ว โพลทุกโพลบอกว่าพอแล้ว นี่คือหลักรัฐศาสตร์ที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย คนเราต้องรู้จักพอ และหลักจริยธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างวันที่ผมยุบสภาฯ เพราะพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าผมไม่ผิดกฎหมายก็ผิดหลักจริยธรรมกรณีครอบครัวขายหุ้น
 
” ความจริงแล้วไม่มีกฎหมายสักข้อที่ผิด ก็พยายามตะแบงว่าพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวยังต้องเสียภาษี คนขายก๋วยเตี๋ยวต้องเสียภาษีเพราะขายสินค้า ถ้าพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวเอาหุ้นไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ แล้วขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษีเพราะกฎหมายบอกไว้ว่าไม่มีการเสียภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จากนั้นก็บอกว่าผมขายหุ้นได้หมื่นล้านทำไมไม่เสียภาษี ก็การขายหุ้นไม่เสียภาษีเพราะกฎหมายบอก ก็ยังตะแบงว่าผิดหลักจริยธรรมงั้นผมบอกผมยุบสภาฯ ก็ได้ สุดท้ายก็มาบอยคอร์ตการเลือกตั้ง “
 
นายทักษิณ ระบุต่อว่า ผมจะชี้ให้เห็นว่าเรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่ผู้นำต้องแคร์ ดังนั้นโดยประการทั้งปวงถ้าผมเป็นพล.อ.ประยุทธ์จะไม่รอให้ศาลตัดสิน ถอยแล้วหล่อกว่า ถ้าเมื่อไหร่ศาลตัดสินแล้วคุณประยุทธ์กลับไปทำงานใหม่ วันนั้นจะเป็นวันที่คุณประยุทธ์จะไม่มีความสุขเลยในชีวิตจากวันนั้นเป็นต้นไป เชื่อผมเถอะ นี่พูดในฐานะรุ่นพี่ที่โดนมาก่อนทุกอย่าง ทุกรูปแบบ เลยเล่าให้ฟังว่าถ้าเป็นผม ไม่กลับมามันหล่อกว่า มาเดินถนนแล้วมีแต่คนทักทายยกมือไหว้
 
แต่ถ้าย้อนกลับไปอีกทีคุณจะไม่มีความสุขเลยตั้งแต่วันกลับมา อาจจะมีความสุขวันเดียวคือวันกลับมา และความสุขอีกวันคือวันเลิก แต่ระหว่างทางหรือหลังจากวันเลิกแล้วก็จะไม่มีความสุขอีกเลย เชื่อผมเถอะมันไม่มีประโยชน์อะไร อย่าไปยึดติด วัยขนาดนี้ไม่รู้ว่ายมบาลหรือพระเจ้าจะเอาไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังนั้นอยู่ให้มีความสุข ถือว่าได้ทำงานให้บ้านเมืองมานานพอสมควรแล้ว สำเร็จหรือไม่ถือว่าได้ทุ่มเทแล้ว อย่างนั้นดีกว่า
 
“ส่วนเรื่องป้อม (พล.อ.ประวิตร) ที่รักษาการ วันนี้เห็นในข่าวเห็นว่ามีการแก้ระเบียบของสำนักนายกฯ เพื่อให้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย ใช้งบประมาณ อันนี้เป็นระเบียบสำนักนายกฯ ถ้าระเบียบเดิมไม่ให้อำนาจไว้ ก็ให้อำนาจไว้ เพราะในช่วงนี้เป็นฤดูแต่งตั้งโยกย้ายพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเซ็นคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย 
 
จริงๆแล้วป้อมกับตู่คงคุยกันได้อยู่แล้วเพราะเป็นพี่น้องกัน แต่การจะเซ็นตามกฎหมายต้องเซ็นและกราบบังคมทูลฯ เพราะเป็นฤดูกาลของมัน การแก้ระเบียบสำนักนายกฯ เป็นเรื่องธรรมดาเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร” นายทักษิณ ระบุ


 
"อดีตนายกฯ" ไม่เชื่อ "รมว.สธ." ตอนแรกประกาศไม่เลือก "ประยุทธ์" ตอนหลังเป็นไงหละ
https://siamrath.co.th/n/378311

วันที่ 31 ส.ค.65 เพจเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่คำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี วู้ดซัม  กล่าวในรายการ CARE Talk :  "ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่...แล้วไงต่อ?" เมื่อวัน อังคาร ที่ 30 สิงหาคม 20.00 น.เป็นต้นไป โดยช่วงหนึ่ง นายทักษิณ ได้กล่าวว่า...
 
“...อย่าไปเชื่ออนุทิน ตอนแรกก็บอกว่าจะไม่เลือกประยุทธ์ ตอนหลังเป็นไงหละ...ประยุทธ์ จันทร์โอชา...”
 
การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องเลือกจากในบัญชีแคนดิเดต ซึ่งฝ่ายรัฐบาลก็เหลือเพียงอนุทิน ที่เต้นฟุตเวิร์ครอแล้ว ถามว่า ฝั่งรัฐบาลกับส.ว.จะเลือกไหม ซึ่งฝ่ายป้อมก็คงไม่ยอม คือ ส.ว.และพลังประชารัฐ ส่วนฝั่งประชาธิปไตยก็มีแต่ของเพื่อไทยพรรคเดียว ซึ่งฝ่ายค้านคนอื่นก็คงไม่เลือกเหมือนกัน
ทีนี้ก็เหลือว่า จะเลือกนายกรัฐมนตรีคนนนอกไหม ซึ่งต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของ 2 สภารวมกัน ซึ่งก็คือ 500 คน ถามว่า 500 คนนั้นจะเอามาจากไหน มีคนบอกว่าอนุทินคงไม่ยอม
 
ผมบอกได้เลยว่า อย่าไปเชื่ออนุทิน ตอนแรกก็ประกาศยืนยันว่าไม่เลือกพลเอกประยุทธ์ ไม่อยู่ฝ่ายสืบทอดอำนาจ ไม่เอา [เผล่ะจัง] แต่ตอนหลังเป็นไงหละ ...พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาครับ ดังนั้นคนแบบนี้พูดยังไงก็ไม่เชื่อ ผมไม่ฟังครับ



มาแล้ว "มาม่า" ราคาใหม่ ร้านค้าขายชุด 10 ซอง 65 บาท "ห้าง" ลดกระหน่ำ "น้ำมันปาล์ม" ส่วน "ถั่วเหลือง" ยังแพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3536528
 
มาแล้ว “มาม่า” ราคาใหม่ ร้านค้าขายชุด 10 ซอง 65 บาท “ห้าง” ลดกระหน่ำ “น้ำมันปาล์ม” ส่วน “ถั่วเหลือง” ยังแพง
 
วันที่ 31 สิงหาคม แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและค้าส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า หลังได้รับอนุมัติจากกรมการค้าภายในให้ปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้อีกซองละ 1 บาท มีผลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดวันที่ 27 สิงหาคมได้รับแจ้งราคาใหม่จากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ”มาม่า”ในชุด 10 ซอง กำหนดราคาต้นทุนอยู่ที่ 59.60 บาท และราคาขายปลีกอยู่ที่ 65 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท จากเดิมขายอยู่ที่ 57 บาท ส่วนสินค้าอื่นๆ ยังไม่มีแจ้งปรับราคา เช่นเดียวกับน้ำมันพืชขวด 1 ลิตร ราคายังทรงตัว โดยนำ้มันปาล์มอยู่ที่ 55 บาท/ขวด น้ำมันถั่วเหลือง อยู่ที่ 69-70 บาท/ขวด
 
“บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของเงียบมาก เพราะคนไม่มีกำลังซื้อ ซึ่งโครงการคนละครึ่งเฟส5 จะเริ่มใช้วันที่ 1 กันยายนนี้ ที่รัฐบาลให้คนละ 800 บาท ถึงจะน้อย แต่ก็คงจะช่วยได้บ้าง” แหล่งข่าวกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำมันพืชขวดในห้างสรรพสินค้าย่านกรุงเทพฯ พบว่าในส่วนของน้ำมันปาล์มห้างบางแห่งกำหนดราคาขายอยู่ที่ 58-61 บาท/ขวด และน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 69-73 บาท/ขวด ขณะที่บางแห่งมีจัดโปรโมชั่นลดราคา โดยน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 54-57 บาท/ขวดและน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 66-68 บาท/ขวด
  
สำหรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชุด 10 ซองแต่ละยี่ห้อยังคงขายราคาเดิม เนื่องจากยังเป็นสินค้าที่ผลิตล็อตเก่าก่อนที่จะได้รับอนุมัติให้ขึ้นราคา เช่น มาม่ารสหมูสับและต้มยำกุ้งอยู่ที่ 58 บาท ไวไวรสปรุงสำเร็จ 53-55 บาท ยำยำจัมโป้รสหมูสับอยู่ที่ 51 บาท นิสชินอยู่ที่ 53 บาท ส่วนซื่อสัตย์ชุด 6 ซอง อยู่ที่ 36 บาท
 
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งและค้าปลีกไทย กล่าวว่า การที่ราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้างสรรพสินค้ายังขายราคาเดิม เนื่องจากเป็นสินค้าผลิตก่อนที่ได้ปรับราคาและยังมีสต็อกเก่าเหลือ ขณะที่การเปลี่ยนราคาต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนอีกมาก จะไม่เหมือนร้านค้ายี่ปั๊วซาปั๊วที่ขายราคาใหม่ได้เลย
 
“หลังปรับราคาขึ้น 1 บาท ประชาชนยังซื้อมาม่ากินอยู่เพราะเป็นสินค้าที่ขึ้นราคาต่ำกว่าสินค้าอื่น ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองที่ราคาในห้างยังแพงเกิน 70 บาท/ขวด เป็นเพราะยังเป็นสินค้าสต็อกเก่าที่ซื้อมาแพง จึงทำให้ตั้งราคาขายแพง ซึ่งน้ำมันถั่วเหลืองเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ผู้บริโภคจะซื้อ ส่วนใหญ่จะซื้อน้ำมันปาล์มมากกว่าเพราะราคาถูกกว่า” นายสมชายกล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่