JJNY : 6in1 เฮโลขึ้นราคา│โอด'เป๋าตัง'ล่ม│ครป.แนะประยุทธ์│พท.รุมเฉ่งค้าภายใน│ก.ก.ตัดงบก.ทรัพย์ฯ │ไทยเสี่ยงท่วมหนักสิ้นปี

‘น้ำหวานเฮลบลูบอย-ผงพะโล้’ เฮโลขึ้นราคา ‘เส้นหมี่ไวไว’ จ่อปรับรอบ 2
https://www.matichon.co.th/economy/news_3516436
  
  
‘น้ำหวานเฮลบลูบอย-ผงพะโล้’ เฮโลขึ้นราคา ‘เส้นหมี่ไวไว’ จ่อปรับรอบ 2
  
วันที่ 19 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าในตลาดสดแห่งหนึ่งย่านกรุงเทพฯ พบว่ายังมีสินค้าทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  
โดยนางอุบล แม่ค้าในตลาดกล่าวว่า ในรอบเดือนสิงหาคมนี้ มีสินค้าขึ้นราคาไปหลายรายการแล้ว ล่าสุดมีน้ำหวานเฮลบลูบอยขึ้นอีก 30 บาท/ลัง(12 ขวด)หรือขึ้น 2.50 บาท/ขวด นมข้นหวานตรามะลิลดน้ำหนัก 30 กรัม จาก 380 กรัม เหลือ 350 กรัม แต่ขายราคาเดิม 24 บาท/กระป๋อง เส้นหมี่อบแห้งไวไวหลังขึ้นราคาไปแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา 100 บาท/ลัง(จำนวน 40 ห่อ) หรือปรับขึ้น 3-4 บาท/ห่อ(ขนาด 180 กรัม)ล่าสุดแจ้งว่าจะขึ้นราคารอบสองอีก 10 บาท/ห่อ
 
ยังมีพริกไทยเม็ดยี่ห้อไร่ทิพย์ขึ้น 10บาท/กิโลกรัม ผงพะโล้ขึ้น 5 บาท/กล่อง(400 กรัม) จาก 105 บาท เป็น 110 บาท ส่วนถั่วลิสงแจ้งว่าจะขึ้นแต่ยังไม่แจ้งราคาว่าจะขึ้นเท่าไหร่
 
ส่วนน้ำมันพืชขวด 1 ลิตร ตอนนี้น้ำมันปาล์มบางยี่ห้อราคาลดลงมาอยู่ที่ 54 บาท/ขวด ส่วนน้ำม้นถั่วเหลืองราคายังสูงอยู่ที่ 68-70 บาท/ขวด
 


คนละครึ่งเฟส 5 ชาวบ้านโอด 'เป๋าตัง' ล่มเข้าไม่ได้ เปิดอีกทีเต็มแล้ว วอนเพิ่มสิทธิ์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7221273

คนละครึ่งเฟส 5 ชาวบ้านโอด ‘เป๋าตัง’ ล่มเข้าไม่ได้ เปิดอีกทีเต็มแล้ว อยากให้รัฐบาลเพิ่มสิทธิ์ผู้ใช้ใหม่ให้มากกว่านี้ รวมทั้งเพิ่มจำนวนเงินด้วย

19 ส.ค. 2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 5 สำหรับประชาชนทั่วไป ในวันนี้เป็นวันแรก ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และแอปลิเคชัน “เป๋าตัง” จนกว่าจะครบจำนวนไม่เกิน 26.5 ล้านสิทธิ์
 
โดยแบ่งเป็นประชาชนที่เคยใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จำนวน 26.27 ล้านสิทธิ์ และประชาขนที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จำนวน 2.3 แสนสิทธิ์
 
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจประชาชนที่ลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 5 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่ามีประชาชนทั้งที่เคยใช้สิทธิ์ และไม่เคยใช้สิทธิ์คนละครึ่งเฟส 4 ลงทะเบียนกันอย่างคึกคัก
 
จากการสอบถาม นายธนกฤต ตาลพุดซา อายุ 22 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ตนไม่เคยใช้สิทธิ์คนละครึ่ง เมื่อได้ทราบข่าวว่าจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนผู้ใช้สิทธิ์ใหม่เป็นวันแรก ก็พยายามลงทะเบียนแต่เช้า แต่เข้าแอปลิเคชัน “เป๋าตัง” ไม่ได้เลย กระทั่งมาเข้าได้ตอนเที่ยงพบว่าสิทธิ์เต็มหมดแล้ว จึงเสียดายมาก อยากให้รัฐบาลเพิ่มสิทธิ์ผู้ใช้ใหม่ให้มากกว่านี้ รวมทั้งเพิ่มจำนวนเงินด้วย
  
น.ส.เพ็ญนภา เนตรสาย อายุ 23 ปี กล่าวว่า ตนพยายามลงทะเบียนใช้สิทธิ์รายใหม่ตั้งแต่เช้า แต่พบว่าระบบลงทะเบียนล่มตลอด ไม่สามารถเข้าได้ กระทั่งถึงเวลา 12.00 น. จึงลองเข้าลงทะเบียนอีกครั้ง แต่ต้องผิดหวัง เพราะระบบแจ้งว่ามีผู้ลงทะเบียนเต็มแล้ว รู้สึกเสียดาย เพราะตั้งความหวังว่า ถ้าลงทะเบียนได้แล้วจะนำไปซื้อของกิน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย อยากให้รัฐบาลเพิ่มจำนวนสิทธิ์ผู้ใช้ใหม่ให้มากกว่านี้อีก
 


‘ประธานครป.’ ห่วงบ้านเมืองปั่นป่วน-แนะ ‘ประยุทธ์’ รีบลาออก-ยุบสภา
https://www.dailynews.co.th/news/1378281/

ประธาน ครป.ห่วงบ้านเมืองปั่นป่วน แนะนายกฯ เลือกทางลง ไม่ลาออกก็ยุบสภา ด้านเลขาฯ ครป.ย้ำไม่ต้องพยายามอยู่ถึงประชุมเอเปค เพราะ "ประยุทธ์" ไม่มีความเหมาะสมที่จะเชื่อมประสานสุดยอดผู้นำโลก แนะงดเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตราตามรอยพระยามโนปกรณ์ฯ

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาถกเถียงกันแล้วว่าวาระ 8 ปี เริ่มเมื่อไหร่และจะจบลงเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ต้องให้ศรีธนญชัยคนที่สองคนที่สามคนที่สี่มาพูดกรอกหูอีก เรื่องนี้ป่วยการที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญมาตีความเพื่อคนๆ เดียว เพราะควรจะไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญต่อประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่า
 
“สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักคือ การที่นายกรัฐมนตรี หรือผู้นำประเทศที่ขาดสัจจะ และหิริโอตตัปปะ ความละอายเกรงกลัวต่อบาป ไม่สมควรอยู่ในอำนาจอีกต่อไป นี่คือหลักการที่เป็นสากล ผู้นำที่ประเทศพัฒนาแล้วควรต้องมี ช่วงเวลานึ้จึงเหมาะสมแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกก้าวลงจากหลังเสืออย่างไร้ความกังวล ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปเถอะครับ โดยปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ หาไม่แล้วตนเป็นห่วงว่าบ้านเมืองจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ความเสียหายย่อมจะเกิดขึ้นอีกโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การดันทุรังต่อไปย่อมไม่มีประโยชน์ต่อสังคมไม่ว่าประการใดๆ” นายบุญแทน กล่าว
 
ทางด้าน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป. กล่าวว่ามีกระแสว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจเลือกหนทางยุบสภา เพื่อเป็นนายกฯ รักษาการ ในช่วงการประชุมเอเปคในปลายปีนี้ แต่ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความเหมาะสมที่จะเชื่อมประสานสุดยอดผู้นำโลก เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสันติภาพ เนื่องจากขาดศักยภาพและคณะทำงานมืออาชีพ เพราะบริหารประเทศเหมือนขายของเด็กเล่น ทีมทำงานก็ใช้แต่ผู้ที่ตนเองรักและไว้ใจ แต่ไม่มีฝีมือ ซ้ำร้ายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มา 2 ปีกว่า ซึ่งขัดธรรมาภิบาลและกฎหมายระหว่างประเทศ
 
“ผลงานเด่นของรัฐบาลประยุทธ์ คือการสร้างความเหลื่อมล้ำและเจ้าสัวคนใหม่ ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจอย่างไรให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เกิดการสัมปทานและต่อสัญญาโครงการต่างๆ ให้อภิมหาเศรษฐีมากมายในยุครัฐบาล คสช. ผืนแผ่นดินไทยกลายเป็นเค๊กก้อนใหญ่ที่รัฐบาลโยนมีดให้นายทุนเลือกเฉือนท่ามกลางหยดเลือดของประชาชน ทุกสัญญาสัมปทานต้องเปิดเผยโปร่งใสให้ประชาชนรับทราบเข้าถึงได้ เรื่องหนึ่งที่คลางแคลงใจและเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผมขอให้รองฯ วิษณุ ช่วยเปิดเผยสัญญาสัมปทานการผลิตไฟฟ้า 20 ปี ที่บริษัทเอกชนทำสัญญาผูกชาด โดยมีการประกันราคา อยากทราบว่าเกี่ยวกับการปล้นกระเป๋าคนไทยและค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นหรือไม่”
 
นายเมธา กล่าวว่า ส่วนเรื่อง 8 ปีนายกฯ นั้นเป็นเรื่องคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นต่อได้ต้องออกพระราชบัญญัติล้างมลทินเท่านั้น แต่มีความพยายามโยนไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินวินิจฉัยตีความ แต่ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยอย่างไร เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นว่า จะมีความเป็นอิสระทางการเมือง และศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะถือเป็นการกระทำของรัฐบาล ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ การโยนหินถามทางให้นับตั้งแต่ปี 2560 หรือ 2562 ล้วนเป็นการพยายามสืบทอดอำนาจ โดยการงดเว้นรัฐธรรมบางมาตรา ซึ่งจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซ้ำรอยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ซึ่งเป็นจุดด่างพร้อยของประชาธิปไตยไทยมาจนถึงปัจจุบัน สุดท้ายพระยามโนปกรณ์ฯ ถูกรัฐประหารขับออกจากตำแหน่ง
 
“สิ่งที่ทุกฝ่ายควรรับผิดชอบชาติบ้านเมืองคือ ประธานรัฐสภาควรจะต้องเรียกประชุมสมาชิกรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ 5 คน เพื่อไม่ให้เกิดการรัฐประหารเงียบ โดยการงดเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตรา การร่วมรับผิดชอบชาติบ้านเมืองเป็นคุณธรรมจริยธรรมสูงสุดของนักการเมือง ซึ่งถ้าขาดหายไปแล้ว จะทำให้บ้านเมืองไปต่อได้ยากยิ่ง แต่ทุกวันนี้ เราคุยกันเรื่องขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ต่ำที่สุดในการประกันการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม” นายเมธา กล่าว.


 
“ส.ส.เพื่อไทย” รุมเฉ่ง กรมการค้าภายใน ปล่อยของแพง เอื้อเจ้าสัว “ชูวิทย์ กุ่ย” ซัด ไข่ “ประยุทธ์”ลูกเล็กสุดแต่แพง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3516758

"ส.ส.เพื่อไทย" รุมเฉ่ง กรมการค้าภายใน ปล่อยของแพง เอื้อเจ้าสัว "ชูวิทย์ กุ่ย" ซัด ไข่ "ประยุทธ์"ลูกเล็กสุดแต่แพง
 
จากนั้นเวลา 16.40 มาตรา 19 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 3,617,636,600 บาท โดยสมาชิกฝ่ายค้านตำหนิกรมการค้าภายใน ที่ปล่อยให้สินค้าราคาอุปโภค บริโภคราคาแพง เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าสัว และไม่สนใจสินค้าการเกษตรที่ปล่อยให้ราคาตกเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะข้าวราคาตก
 
โดยนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนขอปรับลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะกรมการค้าภายใน ที่ได้งบประมาณ 642 ล้านบาท เป็นแผนงานความเสมอภาคของประชาชน แต่วันนี้ประชาชนไม่มีความเสมอภาคเลย เพราะอุ้มคนรวย ไม่ช่วยคนจน วันนี้สินค้าราคาสูงขึ้นทุกตัว เป็นสินค้าที่ประชาชนใช้ ทำให้ประชนชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ในอดีตย้อนหลังไป 10 ปี ปลากระป๋องกระป๋องละ 8 บาท ข้าวเปลือกกิโลกรัมละ 8 บาท แต่วันนี้ปลากระป๋องกระป๋องละ 25 บาท ข้าวเปลือกก็ยังกิโลกรัมละ 8 บาท เมื่อก่อนมาม่าซองละ 3 บาท วันนี้ซองละ 8 บาท แต่ข้าวเปลือกก็ยังกิโลกรัมละ 8 บาท ตลอดจนไข่ โดยเฉพาะไข่ยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ลูกเล็กที่สุด แต่ราคาแพงที่สุด จึงอยากถามกระทรวงพาณิชย์ว่าโครงการธงฟ้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนหายไปไหน แต่รัฐบาลกลับช่วยเจ้าสัว โดยการใช้เงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
 
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนขอปรับลด 20 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะกรมการค้าภายในขอปรับลด 10 เปอร์เซนต์ ทั้งที่วันนี้ข้าวของราคาแพง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ควบคุม แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถควบคุมสินค้าที่ราคาพุ่งสูงขึ้นทุกประเภท โดยเฉพาะปัจจัยการผลิต ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าครองชีพต่างๆ ไม่สามารถตรึงราคาไว้ได้ ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนและลำบาก รวมถึงไม่ดำเนินการแก้ไขราคาสินค้าการเกษตรที่ราคาตกต่ำ อย่างเป็นรูปธรรม
 
ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การบริหารงานในกระทรวงพาณิชย์ ตนไม่ได้โทษปลัดกระทรวง หรือข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมด ข้าราชการก็เหมือนรถ มีรัฐมนตรีเป็นผู้ขับ โดยมีพี่น้องประชาชน ชาวไร่ ชาวนา เอสเอ็มอี ผู้ส่งออก เป็นผู้โดยสาร วันนี้คนขับรถ ขับรถวน ไม่ไปสู่เป้าหมาย ทั้งนี้ตนเป็นห่วงความสัมพันธ์ ความสมดุลระหว่างมหาอำนาจ วันนี้นายกรัฐมนตรีเลือกที่จะไปสหรัฐฯ ทำให้กระทรวงพาณิชย์ยากลำบาก รมว.พาณิชย์ได้ไปพูดคุย และเจรจากับประเทศจีนถึงขั้นไหน วันนี้เป็นปัญหาจริงๆ สำหรับการเลือกข้างของประเทศไทย ทั้งที่ไทยรักษาความเป็นกลางมานาน รวมทั้งมีสงครามเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องพึงสังวรไว้ว่าเราจะดำรงตนอยู่อย่างไร เพราะทำให้เวลานี้ขนส่งสินค้าเข้าประเทศจีนได้ยากมาก เพราะเขากีดกันทางการค้า ดังนั้นตนขอโทษ รมว.พาณิย์ เพราะเป็นผู้ขับรถของกระทรวง
 
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบ 230 ไม่เห็นชอบ 106 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่