พลังประชารัฐประกาศเป็นพรรคอันดับ 1 คนเทให้ 7.9 ล้านคะแนน เดินเกมตั้งรัฐบาล หนุน ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯ ต่อ
วันนี้ (25 มี.ค.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดทิศทางหลังทราบคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ
นายอุตตมกล่าวว่า พรรคได้รับคะแนนรวมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ถึง 7,939,937 คะแนน ถือเป็นคะแนนสูงสุดของที่พรรคการเมืองแข่งขันกันในครั้งนี้
รวมถึงยังได้รับชัยชนะ ส.ส. เขตในทุกภาค ทั้งเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และ กทม.
สำหรับแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล พรรคยืนยันแนวทางที่ได้ยืนยันมาแต่ต้นว่า พรรคใดรวมเสียงข้างมากได้ ก็สามารถดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลได้
แต่ตนดูแล้วพรรคพลังประชารัฐได้เสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้
จากนี้จะไปดำเนินการพูดคุยกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และนโยบายที่สอดรับกัน เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยก็ประกาศตัวเป็นพรรคอันดับ 1 เพราะได้ ส.ส. เขตมากที่สุดนั้น สนธิรัตน์ชี้แจงว่า ต้องดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะมีคะแนนรวมของประชาชน และหลักการคือทุกคะแนนจะไม่ถูกทิ้ง
รัฐธรรมนูญได้วางหลักไว้คือ เสียงที่ประชาชนไว้วางใจคือเสียงที่ถูกนับ ดังนั้นถือว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุด
ส่วนการที่ชนะในเขต แต่บางเขตแพ้กันเพียงหลักร้อย แล้วจะบอกว่า คะแนนที่แพ้เราไม่นับหรือ ดังนั้นพรรคยึดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง
แต่ท้ายที่สุดใครที่มีเสียงส่วนใหญ่ รวบรวมเสียงในรัฐสภาได้มากที่สุด ก็ได้เป็นรัฐบาล และขณะนี้ก็เริ่มคุยกันแล้ว มั่นใจว่าน่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้
ขณะที่นายอุตตมบอกว่า จะจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด แต่จะบอกเวลาตายตัวไม่ได้ และยังไม่เปิดเผยว่ามีกี่พรรค เพราะอยู่ในช่วงเวลาของการพูดคุย โดยการหารือจะดำเนินการไปตอนนี้เลย โดยไม่รอผลคะแนนอย่างเป็นทางการ
นายอุตตมเปิดเผยด้วยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ได้ให้คำแนะนำในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการ โดยพรรคมีมติให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการดำเนินการหาพรรคร่วมรัฐบาล
โดยย้ำว่า พรรคที่จะพูดคุยต้องเป็นพรรคที่ร่วมอุดมการณ์และมีความสอดคล้องในเรื่องของนโยบาย
นักข่าวถามด้วยว่า เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาลต้องมี พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือไม่
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรคเสนอ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ และได้คะแนนเสียงกว่า 7.9 ล้าน เสียงเหล่านี้คือความไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ และพรรคไม่เห็นเหตุผลที่จะไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยต้องรวมเสียง ส.ส. ให้ได้ถึง 376 เสียงขึ้นไปนั้น พรรคพลังประชารัฐจะรวมเสียงไปให้ถึงจุดนั้นโดยไม่ต้องใช้เสียง ส.ว. ร่วมด้วยหรือไม่
นายสนธิรัตน์ตอบว่า เราเคารพรัฐธรรมนูญ และเชื่อมั่นว่า ส.ว. ก็เป็นห่วงบ้านเมืองเช่นกัน จึงเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ว. ในการพิจารณา
🌹🌹มาลาริน/ยินดีพลังประชารัฐประกาศเป็นพรรคอันดับ 1 คนเทให้ 7.9 ล้านคะแนน เดินเกมตั้งรัฐบาล หนุน ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯ ต่
นายอุตตมกล่าวว่า พรรคได้รับคะแนนรวมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ถึง 7,939,937 คะแนน ถือเป็นคะแนนสูงสุดของที่พรรคการเมืองแข่งขันกันในครั้งนี้
รวมถึงยังได้รับชัยชนะ ส.ส. เขตในทุกภาค ทั้งเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และ กทม.
สำหรับแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล พรรคยืนยันแนวทางที่ได้ยืนยันมาแต่ต้นว่า พรรคใดรวมเสียงข้างมากได้ ก็สามารถดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลได้
แต่ตนดูแล้วพรรคพลังประชารัฐได้เสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้
จากนี้จะไปดำเนินการพูดคุยกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และนโยบายที่สอดรับกัน เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยก็ประกาศตัวเป็นพรรคอันดับ 1 เพราะได้ ส.ส. เขตมากที่สุดนั้น สนธิรัตน์ชี้แจงว่า ต้องดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะมีคะแนนรวมของประชาชน และหลักการคือทุกคะแนนจะไม่ถูกทิ้ง
รัฐธรรมนูญได้วางหลักไว้คือ เสียงที่ประชาชนไว้วางใจคือเสียงที่ถูกนับ ดังนั้นถือว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุด
ส่วนการที่ชนะในเขต แต่บางเขตแพ้กันเพียงหลักร้อย แล้วจะบอกว่า คะแนนที่แพ้เราไม่นับหรือ ดังนั้นพรรคยึดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง
แต่ท้ายที่สุดใครที่มีเสียงส่วนใหญ่ รวบรวมเสียงในรัฐสภาได้มากที่สุด ก็ได้เป็นรัฐบาล และขณะนี้ก็เริ่มคุยกันแล้ว มั่นใจว่าน่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้
ขณะที่นายอุตตมบอกว่า จะจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด แต่จะบอกเวลาตายตัวไม่ได้ และยังไม่เปิดเผยว่ามีกี่พรรค เพราะอยู่ในช่วงเวลาของการพูดคุย โดยการหารือจะดำเนินการไปตอนนี้เลย โดยไม่รอผลคะแนนอย่างเป็นทางการ
นายอุตตมเปิดเผยด้วยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ได้ให้คำแนะนำในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการ โดยพรรคมีมติให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการดำเนินการหาพรรคร่วมรัฐบาล
โดยย้ำว่า พรรคที่จะพูดคุยต้องเป็นพรรคที่ร่วมอุดมการณ์และมีความสอดคล้องในเรื่องของนโยบาย
นักข่าวถามด้วยว่า เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาลต้องมี พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือไม่
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรคเสนอ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ และได้คะแนนเสียงกว่า 7.9 ล้าน เสียงเหล่านี้คือความไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ และพรรคไม่เห็นเหตุผลที่จะไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยต้องรวมเสียง ส.ส. ให้ได้ถึง 376 เสียงขึ้นไปนั้น พรรคพลังประชารัฐจะรวมเสียงไปให้ถึงจุดนั้นโดยไม่ต้องใช้เสียง ส.ว. ร่วมด้วยหรือไม่
นายสนธิรัตน์ตอบว่า เราเคารพรัฐธรรมนูญ และเชื่อมั่นว่า ส.ว. ก็เป็นห่วงบ้านเมืองเช่นกัน จึงเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ว. ในการพิจารณา