สวัสดีค่ะ เราหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำวีซาอเมริกาหลายที่รวมถึงจากพันทิปนี้ด้วย ตั้งใจว่าถ้าผ่านจะมาตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์(ถ้าไม่ผ่านคงหดหู่ไม่มีอารมณ์มาตั้ง) ผลสัมภาษณ์คือผ่านค่ะ ที่จะมาแชร์นี้เป็นประสบการณ์ของเราเองและจากการหาข้อมูลเอามาแบ่งปันกันนะคะ
Background
อายุ 32 ทำงานมาแล้ว 7 ปี เป็นพนักงานรัฐ เงินเดือน 3x,xxx แต่งงานแล้ว วัตถุประสงค์การเดินทางเพื่อไปร่วมงานเรียนจบหลักสูตรของสามี(ข้าราชการ) ไปอเมริกาด้วยหนังสือเดินทางราชการ
- - - เตรียมตัวก่อนทำเอกสาร - - -
1. หาข้อมูลว่าการเดินทางของเราเป็นประเภทไหน ได้ความว่าต้องขอแบบท่องเที่ยวเพราะอเมริกาไม่มีวีซ่าเยี่ยมเยียน การกรอกข้อมูลต้องมีเลข passport และ รูปถ่าย
2. เนื่องจาก passport เราจะหมดอายุ 2023 และการขอ passport นี้จะมีแบบ 5 ปี และ 10 ปี เราจึงไปทำ passport ก่อนจะเริ่มดำเนินการ โดยทำแบบ 10 ปี ค่าทำ 1,500 บาท
3. การกรอกแบบฟอร์ม DS-160 จะมีให้แนบไฟล์รูปถ่าย สามารถซื้อไฟล์จากร้านได้หรือจะเอาเป็นรูปมาสแกนเองก็ได้ค่ะ เราไปถ่ายรูปก่อน....อันนี้ไม่แนะนำให้ทำตามค่ะ เพราะหากรอคิวสัมภาษณ์นานเกิน 6 เดือน รูปถ่ายอาจหมดอายุก่อนต้องถ่ายใหม่เสียเวลา อาจจะถ่ายหลังได้คิวแล้วค่อยมาแนบรูปและ submit ข้อมูลก่อนวันสัมภาษณ์ก็ได้
- - - จ่ายเงิน // จองคิวสัมภาษณ์ - - -
1. กรอกข้อมูล DS-160 ซึ่งเป็นเอกสารสำหรับขอวีซ่าได้ที่
https://ceac.state.gov/genniv/
2. เลือก THAILAND และจังหวัดที่จะสัมภาษณ์วีซ่า มีกทม. กับ เชียงใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
start an application สำหรับการกรอกครั้งแรก
retrieve an application สำหรับเข้าไปแก้ไขข้อมูล ซึ่งแก้ได้เรื่อยๆ
3. เข้าไปแล้วกรอกข้อมูลนิดหน่อยพอให้ได้เลข Application ID
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. เอา Application ID ไปสร้างโปรไฟล์สำหรับจ่ายเงินและจองคิวสัมภาษณ์ที่
https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand
5. เราชำระด้วยเงินสด ก็ปริ้นท์ใบจ่ายเงินไปที่ธนาคาร เราทำตามนี้คือ
https://travelling-as-a-couple.com/2019/08/25/payment-us-visa/
6. เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วหากเป็นวันธรรมดาวันรุ่งขึ้นหลังเที่ยงระบบก็จะอัพเดท (จากที่อ่านมา) แต่ถ้าติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะขึ้นหลังวันหยุด .... ของเราจ่ายวันอังคาร 3 พ.ค. ซึ่งวันที่ 4 เป็นวันฉัตรมงคล ดังนั้นยอดเราขึ้นว่าชำระแล้ววันพฤหัสค่ะ
7. จองคิวสัมภาษณ์ ซึ่งพอจ่ายเงินแล้ว แล้ว login เข้าไปบางครั้งจะขึ้นวันนัดให้เลยซึ่งไกลพอสมควร ไกลแบบข้ามปีเลย .... ตรงนี้เราจ้างคนรับกดคิวค่ะ แจ้งไปว่าเราต้องการสัมภาษณ์ช่วงเดือนไหน เวลาประมาณกี่โมง แล้วเราก็เอา login-password ให้เขาไปค่ะ โดยการเข้าไปดูคิวนี้จะให้ดูไม่เกิน 5 ครั้งต่อวัน เพื่อให้คนที่เราจ้างทำงานง่าย เราจึงไม่ login เลย เพื่อจะได้เก็บโควต้าให้เขา เราแจ้งว่าต้องการสัมภาษณ์ช่วง กค-ตค ที่กรุงเทพ เราใช้เวลาเฝ้าคิว 3 เดือนกว่าจะได้ค่ะ
8. เมื่อได้คิวสัมภาษณ์ก็เตรียมเอกสารที่จะเอาไปวันสัมภาษณ์
- - - กรอก DS-160 - - -
1. พอจ่ายค่าสมัครแล้วระหว่ารอคิวเราก็มากรอก DS-160 ซึ่งจากการรีวิวส่วนใหญ่บอกว่าการตัดสินว่าผ่านหรือไม่ ท่านกงสุลดูจาก DS-160 มาก่อนแล้วการสัมภาษณ์เป็นไปเพื่อเช็คข้อมูล ดังนั้นเขียน DS-160 ดีๆแน่นไว้ก่อนค่ะ
2. วิธีกรอกเสริชหาเอาใน google มีทั้งแบบข้อความและ yputube เช่น
https://www.changtrixget.com/tiptrick/america-visa-ds-160/ หรือ
https://travelling-as-a-couple.com/2019/07/27/us-visa-application/ หรือ
https://www.youtube.com/watch?v=r3hUpTxb268&list=WL&index=18&t=649s ลองศึกษาดูค่ะ
3. กรณีของเรา เราบินคนเดียวเพื่อไปพบสามีที่อเมริกา และจะบินกลับมาพร้อมกัน เราพักที่อพาร์ทเม้นของเขา... จึงได้มาตั้งกระทู้ถามในพันทิปนี้ว่ากรอกยังไงดี.... สรุปคือเราตามภาพค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่อยู่ เราใส่ที่อยู่อพาร์ทเม้นสามี ... หากมีคนรู้จักที่เกี่ยวพันทางสายเลือดหรือกฎหมาย แนะนำว่าบอกตามจริงจะดีที่สุดค่ะ
4. ข้อมูลส่วนตัวก็กรอกไปตามที่มี จะมีช่อง Briefly Describe your Duties ที่ให้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงาน ..... ตรงนี้ไฮไลท์เลย รีวิวส่วนใหญ่บอกว่ากรอกตรงนี้แน่นๆ เรากรอกรายละเอียดของงาน เราทำตำแหน่งอะไร ตำแหน่งของเรารับผิดชอบอะไรบ้าง เริ่มงานตั้งแต่เมื่อไหร่ เราวางแผนจะเติบโตตาม Career Path ของเรายังไง และตรงนี้เราใส่ข้อมูลของสามีไปด้วยค่ะเลข passport เลขสัญญาการเดินทาง หลักสูตรที่ไปเรียน บอกวันที่เรียนจบอ้างตามตารางของหลักสูตร เขียนไปว่าเราจะไปร่วมงานเรียนจบเขาในวันนี้ และหลังจากนั้นเราจะไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนบ้าง เนื่องจากไม่ได้วางแผนเที่ยวก็ใส่แค่ที่ที่อยากไป.......เราเขียนตรงนี้ไป 600 กว่าคำ
5. เราเขียนๆ แก้ๆ ไปตั้งแต่ พค.- สค. ยังไม่กด submit มีคนแนะนำว่าควร submit ก่อนวันสัมภาษณ์ 3 วัน ซึ่งก็โชคดีที่เราไม่รีบกด เนื่องจากเรามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลายจุด
6. เมื่อได้คิวสัมภาษณ์ เรากดเช็คข้อมูล DS-160 และกด Submit
7. ส่วนนี้จะมีการให้แนบไฟล์ภาพ คือโชคดีที่ระยะเวลาที่เรารอคิวไม่เกิน 6 เดือน ไม่งั้นรูปที่ถ่ายมาคงต้องเปลี่ยน จึงแนะนำว่าหากได้คิวแล้วค่อยไปถ่ายรูป มาแนบไฟล์แล้วกด submit ก็ยังทันค่ะ (ในกรณีที่ได้คิวแบบไม่กระชั้นมาก ยังพอมีเวลานะ)
8. พอเรา submit เสร็จจะมีปุ่มให้ดาว์นโหลด DS-160 ที่เรากรอกลงเครื่อง แนะนำว่าควรโหลดค่ะ เอามาอ่านเตรียมสัมภาษณ์จะได้พูดตรงกับสิ่งที่เขียน
- - - เตรียมเอกสารก่อนสัมภาษณ์ - - -
ต้องเตรียม**
- ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์ (login profile แล้วปริ้นท์X
- ใบ confirmation
- รูปถ่าย 2x2
- passport ทุกเล่ม
- ใบจ่ายเงิน (เอาไปเผื่อๆ)
ที่เราเตรียมเพิ่ม
- ใบรับรองการทำงาน
- ใบรับรองสถานะการเป็นนักศึกษา (ตอนนี้เราเรียนอยู่ด้วย)
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
- Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (ปริ้นท์จาก application ไม่ต้องไปขอธนาคาร)
- ใบรับรองสลากออมสิน (ขอธนาคารเสียค่าธรรมเนียมการขอ 100 บาท)
- เอกสารที่แสดงรายละเอียดการทำงานของเรา
เอกสารของสามี (เนื่องจากเราจะไปเยี่ยมเขา และสถานภาพการไปของเขาก็น่าเชื่อถือ)
- สำเนา passport + US visa ของสามี
- จดหมายที่ทางหลักสูตรเขาออกให้
- ตารางกำหนดการต่างๆของเขา
- - - วันสัมภาษณ์ - - -
1. แต่งกายสุภาพ ชุดทำงานปกติ คนอื่นๆที่ไปก็แต่งกันธรรมดาไม่ได้จัดเต็มกันทุกคน แนะนำว่าคนที่จะไปแต่งให้สุภาพและเป็นตัวของตัวเองค่ะ
2. การเดินทาง bts เพลินจิต ทางออก 2 เดินตรงๆลงบันไดไปตามฟุตบาท หรือเลี้ยวซ้ายทะลุเข้าตึกไม่แน่ใจว่าตึกอะไร ลงบันไดเลื่อนเดินออกนอกตึกเลั้ยวซ้าย ในตึกนี้มีห้องน้ำค่ะ แวะเข้าได้เผื่อต้องไปต่อคิวหน้าสถานทูตนาน
3. เราเลี้ยวผิดล่ะ จริงๆออกจากตึกต้องเลี้ยวซ้าย ยามบอกเลี้ยวขวา เดินสักพักคิดว่าไม่น่าใช่เช็ค google map ชัดเลยผิดทาง!! เลยขึ้นพี่วินไปสถานทูตเลยค่ะ 30 บาท
4. ถึงหน้าสถานทูต 07.20 งงค่ะ ไม่รู้เริ่มยังไง ก็ไปถามเจ้าหน้าที่เขาบอกให้ต่อแถวตรงเสาสีส้มๆ ถึงคิวก็ยื่น passport ให้เจ้าหน้า เขาจะแจกบัตรคิว และติดรหัสไว้ที่ passport ของเรา ที่เขาติดจะมีเลขแทรคไปรษณีย์กรณีที่วีซ่าผ่าน จุดนี้เขายังไม่ได้ให้ปิดมือถือ แนะนำให้ถ่ายภาพไว้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. ต่อคิวเข้าสถานทูต เขาคิวแล้วเดินไปเรื่อยๆ จะมีเจ้าหน้าที่บอกให้ปิดโทรศัพท์ หากใครมีสายชาร์ต หูฟังมีสาย แอร์พอต ให้หยิบออกมาต้องฝากเจ้าเจ้าที่เอาไว้ ใช้บัตรประชาชนในการฝาก
6. เมื่อได้เข้าประตูให้ฝากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ไว้ที่เจ้าหน้าที่ ใช้บัตรประชาชนฝาก ส่วนของอื่นๆใส่ถาดเข้าเครื่องสแกน เราเอากระเป๋าเข้าได้นะคะ เป็นกระเป๋าสะพายผู้หญิง ขนาดกลาง ของข้างในมีสเปร์ยแอลกอฮอล์ ทิชชู่ ปากกา กระเป๋าตัง ร่ม และเอกสารเท่านี้ค่ะ ส่วนคนอื่นที่มองๆดูก็เห็นเอากระเป๋าเข้าได้ แต่เพื่อความชัวร์คนไหนมีเพื่อนไปด้วยก็ฝากเพื่อนให้หมดเลย พยายามเอาของไปให้น้อยๆเผื่อเขาไม่ให้เข้าจะได้ไม่เสียเวลาหาที่ฝาก
7. ของที่ติดตัวเอาออกให้หมดเลยนะคะ เราใส่สูทก็ถอดสูทสแกนไปด้วย
8. ผ่านจุดสแกน เดินตามทางเลยไม่ยากค่ะ วีซ่าชั่วคราวเดินตามแถบสีแดงเขาติดไว้บนพื้น ตอนเราไปคนไม่เยอะเลยเดินเรื่อยๆ จนเข้าไปในห้องสัมภาษณ์
9. เข้าห้องสัมภาษณ์ มีเจ้าหน้าที่มาเช็ค passport และรูปถ่าย ใครที่รูปมีปัญหาในห้องมีตู้บริการถ่าย 150 บาทค่ะ
10. ต่อแถวไปเรื่อย เจอเจ้าหน้าที่คนไทยช่อง14 ยื่น passport ล่าสุดให้เขา(เอกสารอื่นไม่ขอเลย) เขาถามชื่อ เคยเปลี่ยนชื่อไหม และพิมพ์ลายนิ้วมือ
11. เขาให้ไปต่อช่อง 10 เจ้าหน้าที่ต่างชาติ(พูดไทยได้) หัน passport ด้านที่ติดสติกเกอร์ให้เขา เขาจะยิงบาร์โค้ด และให้สแกนนิ้วอีกรอบ
12. ต่อแถวรอสัมภาษณ์ อ่านรีวิวมาเขาว่าได้ยินบทสนทนาของคิวก่อนหน้าด้วย แต่เราไม่ได้ยิน หัวใจเต้นดังมาก ตื่นเต้นค่ะ
13. ได้กงสุลผู้ชายใส่แว่น หล่อๆ เรายื่น passport ทุกเล่มให้เลย และสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษมีคำถาม ดังนี้
ท่านกง: ไปทำไม
เรา : ไปเยี่ยมสามี สามีเรียนxxxxxx (พูดตามที่ท่องมา)
เราไม่ได้พูดใกล้ลำโพงท่านกงไม่ได้ยิน พอพูดใหม่ก็ตื่นเต้นเริ่มผิดๆถูกๆ เลยยื่นเอกสารสามีให้ท่านกงไปเลย ท่านกงเปิดๆดูและพิมพ์ๆ เราสังเกตว่าเขาพิมพ์ชื่อสามี เพราะเขาเหลือบมองเอกสาร ระหว่างเขาพิมพ์ก็มีคำถาม
ท่านกง : เขา (สามี)ไปเมื่อไหร่
เรา : เมษา ถึง กรกรฎา ปีหน้า
ท่านกง : คุณจะไปนานเท่าไหร่
เรา : 2 weeks
ท่านกงพิมพ์เสร็จ บอกอะไรสักอย่างเราได้ยินไม่ชัด ได้ยินแค่ให้รอสักครู่แล้วเขาก็เอาหยิบ passport เรากับเอกสารสามีที่เราเตรียมมาหายไปข้างหลัง ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร เรามองไม่เห็น เขาพูดจายิ้มแย้มตลอดพอเขาหายไปคุยเราใช้แป้วเลย สักพักท่านกงก็กลับมาบอกว่าขอบคุณที่รอ พิมพ์ต่ออีกนิดหน่อย
ท่านกง : ทำงานอะไร (ระหว่างถามก็เปิด passport เล่มเก่าดู)
เรา : ทำงานxxx ที่xxx (ตื่นเต้นจนตอบชื่อที่ทำงานผิดด้วยค่ะ)
ท่านกง : everything look good your visa is approved คุณจะได้รับวีซ่าทางไปรษณีย์ในอีก 1 วีค
เรา : Thank you
14. สรุปคือ เราโดน 4 คำถาม เขาโฟกัสที่ข้อมูลสามีเรามากกว่าค่ะเพราะวัตถุประสงค์เราคือไปหาเขา ขนาดตอนตอบเกี่ยวกับงานเรายื่นใบรับรองงานเขาไม่มองเลย
15. เอกสารที่เตรียมไปทั้งหมดเราใช้แค่ passport รูปถ่าย เอกสารของสามี....เท่านี้จริงๆใบนัดอะไรไม่ดูเลย
ไปถึง 07.30 สัมภาษณ์เสร็จออกมา 08.00 ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ (จริงๆเราได้คิว 08.00 ด้วยอ่ะ แต่พอไปถึงก็ได้เข้าเลย)
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆนะคะ คนจองคิวสัมภาษณ์เราหาจากกลุ่มไลน์ open chat VISA อเมริกา เราไปห้องย่อยจองคิวแล้วทักคนรับจองคุยรายละเอียดตกลงราคาค่ะ แต่ละคนคิดราคาไม่เท่ากัน เราไม่แน่ใจว่าโพสไลน์ได้หรือไม่ เอาเป็นว่าเราเจอ open chat นี้จากการยูทูปของน้องคนนี้ค่ะ น้องเขาใส่ไว้ให้
https://www.youtube.com/watch?v=ps0Uyaegx5M&list=LL&index=74
- จบค่ะ -
แชร์ประสบการณ์วีซ่าอเมริกา ทำเองเกือบทุกขั้นตอน August 2022
Background
อายุ 32 ทำงานมาแล้ว 7 ปี เป็นพนักงานรัฐ เงินเดือน 3x,xxx แต่งงานแล้ว วัตถุประสงค์การเดินทางเพื่อไปร่วมงานเรียนจบหลักสูตรของสามี(ข้าราชการ) ไปอเมริกาด้วยหนังสือเดินทางราชการ
- - - เตรียมตัวก่อนทำเอกสาร - - -
1. หาข้อมูลว่าการเดินทางของเราเป็นประเภทไหน ได้ความว่าต้องขอแบบท่องเที่ยวเพราะอเมริกาไม่มีวีซ่าเยี่ยมเยียน การกรอกข้อมูลต้องมีเลข passport และ รูปถ่าย
2. เนื่องจาก passport เราจะหมดอายุ 2023 และการขอ passport นี้จะมีแบบ 5 ปี และ 10 ปี เราจึงไปทำ passport ก่อนจะเริ่มดำเนินการ โดยทำแบบ 10 ปี ค่าทำ 1,500 บาท
3. การกรอกแบบฟอร์ม DS-160 จะมีให้แนบไฟล์รูปถ่าย สามารถซื้อไฟล์จากร้านได้หรือจะเอาเป็นรูปมาสแกนเองก็ได้ค่ะ เราไปถ่ายรูปก่อน....อันนี้ไม่แนะนำให้ทำตามค่ะ เพราะหากรอคิวสัมภาษณ์นานเกิน 6 เดือน รูปถ่ายอาจหมดอายุก่อนต้องถ่ายใหม่เสียเวลา อาจจะถ่ายหลังได้คิวแล้วค่อยมาแนบรูปและ submit ข้อมูลก่อนวันสัมภาษณ์ก็ได้
- - - จ่ายเงิน // จองคิวสัมภาษณ์ - - -
1. กรอกข้อมูล DS-160 ซึ่งเป็นเอกสารสำหรับขอวีซ่าได้ที่ https://ceac.state.gov/genniv/
2. เลือก THAILAND และจังหวัดที่จะสัมภาษณ์วีซ่า มีกทม. กับ เชียงใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. เข้าไปแล้วกรอกข้อมูลนิดหน่อยพอให้ได้เลข Application ID
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. เอา Application ID ไปสร้างโปรไฟล์สำหรับจ่ายเงินและจองคิวสัมภาษณ์ที่ https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand
5. เราชำระด้วยเงินสด ก็ปริ้นท์ใบจ่ายเงินไปที่ธนาคาร เราทำตามนี้คือ https://travelling-as-a-couple.com/2019/08/25/payment-us-visa/
6. เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วหากเป็นวันธรรมดาวันรุ่งขึ้นหลังเที่ยงระบบก็จะอัพเดท (จากที่อ่านมา) แต่ถ้าติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะขึ้นหลังวันหยุด .... ของเราจ่ายวันอังคาร 3 พ.ค. ซึ่งวันที่ 4 เป็นวันฉัตรมงคล ดังนั้นยอดเราขึ้นว่าชำระแล้ววันพฤหัสค่ะ
7. จองคิวสัมภาษณ์ ซึ่งพอจ่ายเงินแล้ว แล้ว login เข้าไปบางครั้งจะขึ้นวันนัดให้เลยซึ่งไกลพอสมควร ไกลแบบข้ามปีเลย .... ตรงนี้เราจ้างคนรับกดคิวค่ะ แจ้งไปว่าเราต้องการสัมภาษณ์ช่วงเดือนไหน เวลาประมาณกี่โมง แล้วเราก็เอา login-password ให้เขาไปค่ะ โดยการเข้าไปดูคิวนี้จะให้ดูไม่เกิน 5 ครั้งต่อวัน เพื่อให้คนที่เราจ้างทำงานง่าย เราจึงไม่ login เลย เพื่อจะได้เก็บโควต้าให้เขา เราแจ้งว่าต้องการสัมภาษณ์ช่วง กค-ตค ที่กรุงเทพ เราใช้เวลาเฝ้าคิว 3 เดือนกว่าจะได้ค่ะ
8. เมื่อได้คิวสัมภาษณ์ก็เตรียมเอกสารที่จะเอาไปวันสัมภาษณ์
- - - กรอก DS-160 - - -
1. พอจ่ายค่าสมัครแล้วระหว่ารอคิวเราก็มากรอก DS-160 ซึ่งจากการรีวิวส่วนใหญ่บอกว่าการตัดสินว่าผ่านหรือไม่ ท่านกงสุลดูจาก DS-160 มาก่อนแล้วการสัมภาษณ์เป็นไปเพื่อเช็คข้อมูล ดังนั้นเขียน DS-160 ดีๆแน่นไว้ก่อนค่ะ
2. วิธีกรอกเสริชหาเอาใน google มีทั้งแบบข้อความและ yputube เช่น https://www.changtrixget.com/tiptrick/america-visa-ds-160/ หรือ https://travelling-as-a-couple.com/2019/07/27/us-visa-application/ หรือ https://www.youtube.com/watch?v=r3hUpTxb268&list=WL&index=18&t=649s ลองศึกษาดูค่ะ
3. กรณีของเรา เราบินคนเดียวเพื่อไปพบสามีที่อเมริกา และจะบินกลับมาพร้อมกัน เราพักที่อพาร์ทเม้นของเขา... จึงได้มาตั้งกระทู้ถามในพันทิปนี้ว่ากรอกยังไงดี.... สรุปคือเราตามภาพค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. ข้อมูลส่วนตัวก็กรอกไปตามที่มี จะมีช่อง Briefly Describe your Duties ที่ให้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงาน ..... ตรงนี้ไฮไลท์เลย รีวิวส่วนใหญ่บอกว่ากรอกตรงนี้แน่นๆ เรากรอกรายละเอียดของงาน เราทำตำแหน่งอะไร ตำแหน่งของเรารับผิดชอบอะไรบ้าง เริ่มงานตั้งแต่เมื่อไหร่ เราวางแผนจะเติบโตตาม Career Path ของเรายังไง และตรงนี้เราใส่ข้อมูลของสามีไปด้วยค่ะเลข passport เลขสัญญาการเดินทาง หลักสูตรที่ไปเรียน บอกวันที่เรียนจบอ้างตามตารางของหลักสูตร เขียนไปว่าเราจะไปร่วมงานเรียนจบเขาในวันนี้ และหลังจากนั้นเราจะไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนบ้าง เนื่องจากไม่ได้วางแผนเที่ยวก็ใส่แค่ที่ที่อยากไป.......เราเขียนตรงนี้ไป 600 กว่าคำ
5. เราเขียนๆ แก้ๆ ไปตั้งแต่ พค.- สค. ยังไม่กด submit มีคนแนะนำว่าควร submit ก่อนวันสัมภาษณ์ 3 วัน ซึ่งก็โชคดีที่เราไม่รีบกด เนื่องจากเรามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลายจุด
6. เมื่อได้คิวสัมภาษณ์ เรากดเช็คข้อมูล DS-160 และกด Submit
7. ส่วนนี้จะมีการให้แนบไฟล์ภาพ คือโชคดีที่ระยะเวลาที่เรารอคิวไม่เกิน 6 เดือน ไม่งั้นรูปที่ถ่ายมาคงต้องเปลี่ยน จึงแนะนำว่าหากได้คิวแล้วค่อยไปถ่ายรูป มาแนบไฟล์แล้วกด submit ก็ยังทันค่ะ (ในกรณีที่ได้คิวแบบไม่กระชั้นมาก ยังพอมีเวลานะ)
8. พอเรา submit เสร็จจะมีปุ่มให้ดาว์นโหลด DS-160 ที่เรากรอกลงเครื่อง แนะนำว่าควรโหลดค่ะ เอามาอ่านเตรียมสัมภาษณ์จะได้พูดตรงกับสิ่งที่เขียน
- - - เตรียมเอกสารก่อนสัมภาษณ์ - - -
ต้องเตรียม**
- ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์ (login profile แล้วปริ้นท์X
- ใบ confirmation
- รูปถ่าย 2x2
- passport ทุกเล่ม
- ใบจ่ายเงิน (เอาไปเผื่อๆ)
ที่เราเตรียมเพิ่ม
- ใบรับรองการทำงาน
- ใบรับรองสถานะการเป็นนักศึกษา (ตอนนี้เราเรียนอยู่ด้วย)
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
- Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (ปริ้นท์จาก application ไม่ต้องไปขอธนาคาร)
- ใบรับรองสลากออมสิน (ขอธนาคารเสียค่าธรรมเนียมการขอ 100 บาท)
- เอกสารที่แสดงรายละเอียดการทำงานของเรา
เอกสารของสามี (เนื่องจากเราจะไปเยี่ยมเขา และสถานภาพการไปของเขาก็น่าเชื่อถือ)
- สำเนา passport + US visa ของสามี
- จดหมายที่ทางหลักสูตรเขาออกให้
- ตารางกำหนดการต่างๆของเขา
- - - วันสัมภาษณ์ - - -
1. แต่งกายสุภาพ ชุดทำงานปกติ คนอื่นๆที่ไปก็แต่งกันธรรมดาไม่ได้จัดเต็มกันทุกคน แนะนำว่าคนที่จะไปแต่งให้สุภาพและเป็นตัวของตัวเองค่ะ
2. การเดินทาง bts เพลินจิต ทางออก 2 เดินตรงๆลงบันไดไปตามฟุตบาท หรือเลี้ยวซ้ายทะลุเข้าตึกไม่แน่ใจว่าตึกอะไร ลงบันไดเลื่อนเดินออกนอกตึกเลั้ยวซ้าย ในตึกนี้มีห้องน้ำค่ะ แวะเข้าได้เผื่อต้องไปต่อคิวหน้าสถานทูตนาน
3. เราเลี้ยวผิดล่ะ จริงๆออกจากตึกต้องเลี้ยวซ้าย ยามบอกเลี้ยวขวา เดินสักพักคิดว่าไม่น่าใช่เช็ค google map ชัดเลยผิดทาง!! เลยขึ้นพี่วินไปสถานทูตเลยค่ะ 30 บาท
4. ถึงหน้าสถานทูต 07.20 งงค่ะ ไม่รู้เริ่มยังไง ก็ไปถามเจ้าหน้าที่เขาบอกให้ต่อแถวตรงเสาสีส้มๆ ถึงคิวก็ยื่น passport ให้เจ้าหน้า เขาจะแจกบัตรคิว และติดรหัสไว้ที่ passport ของเรา ที่เขาติดจะมีเลขแทรคไปรษณีย์กรณีที่วีซ่าผ่าน จุดนี้เขายังไม่ได้ให้ปิดมือถือ แนะนำให้ถ่ายภาพไว้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. ต่อคิวเข้าสถานทูต เขาคิวแล้วเดินไปเรื่อยๆ จะมีเจ้าหน้าที่บอกให้ปิดโทรศัพท์ หากใครมีสายชาร์ต หูฟังมีสาย แอร์พอต ให้หยิบออกมาต้องฝากเจ้าเจ้าที่เอาไว้ ใช้บัตรประชาชนในการฝาก
6. เมื่อได้เข้าประตูให้ฝากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ไว้ที่เจ้าหน้าที่ ใช้บัตรประชาชนฝาก ส่วนของอื่นๆใส่ถาดเข้าเครื่องสแกน เราเอากระเป๋าเข้าได้นะคะ เป็นกระเป๋าสะพายผู้หญิง ขนาดกลาง ของข้างในมีสเปร์ยแอลกอฮอล์ ทิชชู่ ปากกา กระเป๋าตัง ร่ม และเอกสารเท่านี้ค่ะ ส่วนคนอื่นที่มองๆดูก็เห็นเอากระเป๋าเข้าได้ แต่เพื่อความชัวร์คนไหนมีเพื่อนไปด้วยก็ฝากเพื่อนให้หมดเลย พยายามเอาของไปให้น้อยๆเผื่อเขาไม่ให้เข้าจะได้ไม่เสียเวลาหาที่ฝาก
7. ของที่ติดตัวเอาออกให้หมดเลยนะคะ เราใส่สูทก็ถอดสูทสแกนไปด้วย
8. ผ่านจุดสแกน เดินตามทางเลยไม่ยากค่ะ วีซ่าชั่วคราวเดินตามแถบสีแดงเขาติดไว้บนพื้น ตอนเราไปคนไม่เยอะเลยเดินเรื่อยๆ จนเข้าไปในห้องสัมภาษณ์
9. เข้าห้องสัมภาษณ์ มีเจ้าหน้าที่มาเช็ค passport และรูปถ่าย ใครที่รูปมีปัญหาในห้องมีตู้บริการถ่าย 150 บาทค่ะ
10. ต่อแถวไปเรื่อย เจอเจ้าหน้าที่คนไทยช่อง14 ยื่น passport ล่าสุดให้เขา(เอกสารอื่นไม่ขอเลย) เขาถามชื่อ เคยเปลี่ยนชื่อไหม และพิมพ์ลายนิ้วมือ
11. เขาให้ไปต่อช่อง 10 เจ้าหน้าที่ต่างชาติ(พูดไทยได้) หัน passport ด้านที่ติดสติกเกอร์ให้เขา เขาจะยิงบาร์โค้ด และให้สแกนนิ้วอีกรอบ
12. ต่อแถวรอสัมภาษณ์ อ่านรีวิวมาเขาว่าได้ยินบทสนทนาของคิวก่อนหน้าด้วย แต่เราไม่ได้ยิน หัวใจเต้นดังมาก ตื่นเต้นค่ะ
13. ได้กงสุลผู้ชายใส่แว่น หล่อๆ เรายื่น passport ทุกเล่มให้เลย และสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษมีคำถาม ดังนี้
ท่านกง: ไปทำไม
เรา : ไปเยี่ยมสามี สามีเรียนxxxxxx (พูดตามที่ท่องมา)
เราไม่ได้พูดใกล้ลำโพงท่านกงไม่ได้ยิน พอพูดใหม่ก็ตื่นเต้นเริ่มผิดๆถูกๆ เลยยื่นเอกสารสามีให้ท่านกงไปเลย ท่านกงเปิดๆดูและพิมพ์ๆ เราสังเกตว่าเขาพิมพ์ชื่อสามี เพราะเขาเหลือบมองเอกสาร ระหว่างเขาพิมพ์ก็มีคำถาม
ท่านกง : เขา (สามี)ไปเมื่อไหร่
เรา : เมษา ถึง กรกรฎา ปีหน้า
ท่านกง : คุณจะไปนานเท่าไหร่
เรา : 2 weeks
ท่านกงพิมพ์เสร็จ บอกอะไรสักอย่างเราได้ยินไม่ชัด ได้ยินแค่ให้รอสักครู่แล้วเขาก็เอาหยิบ passport เรากับเอกสารสามีที่เราเตรียมมาหายไปข้างหลัง ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร เรามองไม่เห็น เขาพูดจายิ้มแย้มตลอดพอเขาหายไปคุยเราใช้แป้วเลย สักพักท่านกงก็กลับมาบอกว่าขอบคุณที่รอ พิมพ์ต่ออีกนิดหน่อย
ท่านกง : ทำงานอะไร (ระหว่างถามก็เปิด passport เล่มเก่าดู)
เรา : ทำงานxxx ที่xxx (ตื่นเต้นจนตอบชื่อที่ทำงานผิดด้วยค่ะ)
ท่านกง : everything look good your visa is approved คุณจะได้รับวีซ่าทางไปรษณีย์ในอีก 1 วีค
เรา : Thank you
14. สรุปคือ เราโดน 4 คำถาม เขาโฟกัสที่ข้อมูลสามีเรามากกว่าค่ะเพราะวัตถุประสงค์เราคือไปหาเขา ขนาดตอนตอบเกี่ยวกับงานเรายื่นใบรับรองงานเขาไม่มองเลย
15. เอกสารที่เตรียมไปทั้งหมดเราใช้แค่ passport รูปถ่าย เอกสารของสามี....เท่านี้จริงๆใบนัดอะไรไม่ดูเลย
ไปถึง 07.30 สัมภาษณ์เสร็จออกมา 08.00 ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ (จริงๆเราได้คิว 08.00 ด้วยอ่ะ แต่พอไปถึงก็ได้เข้าเลย)
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆนะคะ คนจองคิวสัมภาษณ์เราหาจากกลุ่มไลน์ open chat VISA อเมริกา เราไปห้องย่อยจองคิวแล้วทักคนรับจองคุยรายละเอียดตกลงราคาค่ะ แต่ละคนคิดราคาไม่เท่ากัน เราไม่แน่ใจว่าโพสไลน์ได้หรือไม่ เอาเป็นว่าเราเจอ open chat นี้จากการยูทูปของน้องคนนี้ค่ะ น้องเขาใส่ไว้ให้ https://www.youtube.com/watch?v=ps0Uyaegx5M&list=LL&index=74
- จบค่ะ -