สวัสดีค่ะ เมื่อวานดิฉันเพิ่งจะไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามาค่ะ เลยมีเรื่องมาแชร์ เผื่อเป็นประโยชน์เล็กๆน้อยๆค่ะ
ดิฉันอยู่ต่างจังหวัด ได้คิวสัมภาษณ์ก่อน8โมง เลยจองโรงแรมในซอยร่วมฤดี ชื่อ the Quart Rumrudee ซึ่งสามารถเดินเท้าประมาณ 5 นาทีถึงสถานทูต
ดิฉันไปถึงก่อนเวลา30นาที แต่เจ้าหน้าที่ก็ให้ตรวจเอกสารนัดคิว แล้วก็ให้ผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อเข้าไปภายในสถานทูต ตรงนี้ต้องปิดโทรศัพท์และฝากไว้ ดิฉันไม่ได้เอากระเป๋าถือมาค่ะ มีแต่ซองเอกสาร เลยไม่ได้เอาบัตรประจำตัวประชาชนมา (เพื่อเป็นหลักฐานการรับฝาก) เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร เขียนชื่อใส่กระดาษแล้วฝาฝากโทรศัพท์ไว้ที่นี่
เข้าไปแล้ว ก็จะมีเคาท์เตอร์ตรวจรูปถ่ายและปล่อยคิวสัมภาษณ์ ดิฉันอัพโหลดรูปใน DS-160เอง ผ่านด้วยค่ะ (ไม่เห็นใบหู) แต่รู้สึกสะดุดใจว่าคราวก่อน ดิฉันถ่ายรูปเปิดหู เลยถ่ายใหม่ เอาไปทั้งคู่ เจ้าหน้าที่เลือกแบบเปิดให้เห็นใบหูค่ะ
ระหว่างนั่งรอ เห็นสุภาพสตรีสองท่านรอคิวสัมภาษณ์ จู่ๆก็ยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว แล้วพูดพึมพัม ประมาณขอให้ลูกผ่านการสัมภาษณ์วีซ่าครั้งนี้ด้วนเทอญ😅 ในสถานทูตก็มีกล้องวงจรปิด ถึงไม่มีผลต่อการสัมภาษณ์ แต่มันก็ดูประหลาดในสายตาคนแถวนั้นอยู่ดี(รวมถึงจนท.ตรวจรูปถ่ายด้วย)
หลังจากนั้นก็เข้าห้องสัมภาษณ์ เริ่มจากสแกนนิ้วกับจนท.ไทย ดิฉันสแกนไม่คิดค่ะ 🤣 เหงื่อออกมาก สงสัยอ่านข้อมูลมาเยอะ ประสาทกิน จนท.ถึงกับแจกทิชชูให้ แล้วบอกเก็บให้ดี เดี๋ยวใช้อีก ตอนจนท.พูด ก็ไม่ได้ยิน เพราะยืนไม่ตรงตำแหน่งลำโพง จนท.ชี้ให้ดู ดิฉันดันเข้าใจว่าให้แหงนหน้าขึ้นไปพูดซะงั้น🤣🤣 จนท.ซักประวัติ ดูรูปถ่าย ขอดูวีซ่าเก่า แล้วถามว่ามีใครรู้จักมั๊ย ก็บอกตามจริงเลยค่ะ มีเพื่อน จนท.ยังถามนำไปเที่ยวกับเค้าใช่มั๊ย ? ดิฉันก็ตอบว่า ไม่ใช่ อาจจะมีไปเจอกัน แต่ดิฉันจะพักโรงแรม เพราะเค้ามีครอบครัว
หลังจากนั้นก็ไปรอสแกนนิ้ว อันนี้จนท.ต่างชาติพูดเร็วมาก ฟังไม่ทัน เดาๆเอา ทำเสร็จก็ไปรอคิวสัมภาษณ์ ระหว่างนั้น สุภาพสตรีคนนึงก็ขึ้นเสียงดังกับ จนท. ประมาณว่า รูปที่เธอใช้ในการสมัคร เป็นรูปเดิมซึ่งเกิน6เดือน (แสดงว่าจนท.จะดู DS-160ใบก่อนๆย้อนหลัง) เธอก็เถียงว่า ก็ถ่ายรูปร้านเดิม ชุดเดิม มันก็เหมือนกัน จนท.ก็ไม่ยอมให้ถ่ายใหม่จนได้ (เธอน่าจะ ครั้งก่อนสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ดังนั้นถ้าสัมภาษณ์รอบใหม่ ต้องเช็คเอกสารใหม่ให้อัพเดทนะคะ)
พอถึงคิวดิฉันสัมภาษณ์ (ดิฉันเคยได้วีซ่ามาก่อน แต่ตอนนั้นไปกันหลายคนกับครอบครัว ไม่ได้พูดอะไรเลย) จนท.ต่างชาติก็ทักดิฉันเป็นภาษาไทยถามว่าไปทำไม ดิฉันตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพราะคิดในใจว่า จะไปเที่ยว(คนเดียว) พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ น่าจะไม่ผ่าน ดิฉันตอบสั้นๆว่าจะไปเที่ยว อาทิตย์แรกไปไหน อาทิตย์ที่สองไปไหน แล้วจนท.ถามนำว่าทำงานธุรกิจส่วนตัวใช่มั๊ย ดิฉันก็บอกว่าใช่ค่ะ แล้วจนท.ถามว่า ไปกับใคร ดิฉันก็บอกว่าไปคนเดียวค่ะ เดือนที่แล้วดิฉันเพิ่งกลับจากอังกฤษ ไปคนเดียว และดิฉันค้นพบว่ามันสนุกมาก (ดิฉันตอบซีเรียสจริงจัง จน จนท.หัวเราะเลยค่ะ) แต่การที่ได้วีซ่าประเทศอื่นมา น่าจะไม่มีผลต่อการสัมภาษณ์นะคะ จนท.ไม่ขอดูด้วย
หลังจากนั้นจนท.ขอดูหลักการทางการเงิน (ใน DS-160 ดิฉันก็แจ้งค่ะว่า ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเกิดจากทรัพย์สินที่ได้จากมรดกตามคำสั่งศาลหมายเลขอะไร เพราะธุรกิจที่ดิฉันทำไม่ได้ก่อรายได้มากมายจนไปเที่ยวได้)
หลังจากนั้นจนท.ก็บอกว่า เดี๋ยวรอสองสามวัน จะส่งพาสปอร์ตไปให้
เร็วมาก จนดิฉันยังต้องถามซ้ำ เสร็จแล้วหรือคะ??🤣
โดยส่วนตัว DS-160 ต้องกรอกให้ดี ต้องระบุข้อมูลสำคัญให้ครบ อย่าคิดว่า จนท.จะมาถามแล้วขอดูเอกสารเพิ่ม เพราะถ้ารอให้จนท.ถาม เราอาจจะไม่มีโอกาสนั้นค่ะ ขอบคุณค่ะ
ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา สิงหา 65
ดิฉันอยู่ต่างจังหวัด ได้คิวสัมภาษณ์ก่อน8โมง เลยจองโรงแรมในซอยร่วมฤดี ชื่อ the Quart Rumrudee ซึ่งสามารถเดินเท้าประมาณ 5 นาทีถึงสถานทูต
ดิฉันไปถึงก่อนเวลา30นาที แต่เจ้าหน้าที่ก็ให้ตรวจเอกสารนัดคิว แล้วก็ให้ผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อเข้าไปภายในสถานทูต ตรงนี้ต้องปิดโทรศัพท์และฝากไว้ ดิฉันไม่ได้เอากระเป๋าถือมาค่ะ มีแต่ซองเอกสาร เลยไม่ได้เอาบัตรประจำตัวประชาชนมา (เพื่อเป็นหลักฐานการรับฝาก) เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร เขียนชื่อใส่กระดาษแล้วฝาฝากโทรศัพท์ไว้ที่นี่
เข้าไปแล้ว ก็จะมีเคาท์เตอร์ตรวจรูปถ่ายและปล่อยคิวสัมภาษณ์ ดิฉันอัพโหลดรูปใน DS-160เอง ผ่านด้วยค่ะ (ไม่เห็นใบหู) แต่รู้สึกสะดุดใจว่าคราวก่อน ดิฉันถ่ายรูปเปิดหู เลยถ่ายใหม่ เอาไปทั้งคู่ เจ้าหน้าที่เลือกแบบเปิดให้เห็นใบหูค่ะ
ระหว่างนั่งรอ เห็นสุภาพสตรีสองท่านรอคิวสัมภาษณ์ จู่ๆก็ยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว แล้วพูดพึมพัม ประมาณขอให้ลูกผ่านการสัมภาษณ์วีซ่าครั้งนี้ด้วนเทอญ😅 ในสถานทูตก็มีกล้องวงจรปิด ถึงไม่มีผลต่อการสัมภาษณ์ แต่มันก็ดูประหลาดในสายตาคนแถวนั้นอยู่ดี(รวมถึงจนท.ตรวจรูปถ่ายด้วย)
หลังจากนั้นก็เข้าห้องสัมภาษณ์ เริ่มจากสแกนนิ้วกับจนท.ไทย ดิฉันสแกนไม่คิดค่ะ 🤣 เหงื่อออกมาก สงสัยอ่านข้อมูลมาเยอะ ประสาทกิน จนท.ถึงกับแจกทิชชูให้ แล้วบอกเก็บให้ดี เดี๋ยวใช้อีก ตอนจนท.พูด ก็ไม่ได้ยิน เพราะยืนไม่ตรงตำแหน่งลำโพง จนท.ชี้ให้ดู ดิฉันดันเข้าใจว่าให้แหงนหน้าขึ้นไปพูดซะงั้น🤣🤣 จนท.ซักประวัติ ดูรูปถ่าย ขอดูวีซ่าเก่า แล้วถามว่ามีใครรู้จักมั๊ย ก็บอกตามจริงเลยค่ะ มีเพื่อน จนท.ยังถามนำไปเที่ยวกับเค้าใช่มั๊ย ? ดิฉันก็ตอบว่า ไม่ใช่ อาจจะมีไปเจอกัน แต่ดิฉันจะพักโรงแรม เพราะเค้ามีครอบครัว
หลังจากนั้นก็ไปรอสแกนนิ้ว อันนี้จนท.ต่างชาติพูดเร็วมาก ฟังไม่ทัน เดาๆเอา ทำเสร็จก็ไปรอคิวสัมภาษณ์ ระหว่างนั้น สุภาพสตรีคนนึงก็ขึ้นเสียงดังกับ จนท. ประมาณว่า รูปที่เธอใช้ในการสมัคร เป็นรูปเดิมซึ่งเกิน6เดือน (แสดงว่าจนท.จะดู DS-160ใบก่อนๆย้อนหลัง) เธอก็เถียงว่า ก็ถ่ายรูปร้านเดิม ชุดเดิม มันก็เหมือนกัน จนท.ก็ไม่ยอมให้ถ่ายใหม่จนได้ (เธอน่าจะ ครั้งก่อนสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ดังนั้นถ้าสัมภาษณ์รอบใหม่ ต้องเช็คเอกสารใหม่ให้อัพเดทนะคะ)
พอถึงคิวดิฉันสัมภาษณ์ (ดิฉันเคยได้วีซ่ามาก่อน แต่ตอนนั้นไปกันหลายคนกับครอบครัว ไม่ได้พูดอะไรเลย) จนท.ต่างชาติก็ทักดิฉันเป็นภาษาไทยถามว่าไปทำไม ดิฉันตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพราะคิดในใจว่า จะไปเที่ยว(คนเดียว) พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ น่าจะไม่ผ่าน ดิฉันตอบสั้นๆว่าจะไปเที่ยว อาทิตย์แรกไปไหน อาทิตย์ที่สองไปไหน แล้วจนท.ถามนำว่าทำงานธุรกิจส่วนตัวใช่มั๊ย ดิฉันก็บอกว่าใช่ค่ะ แล้วจนท.ถามว่า ไปกับใคร ดิฉันก็บอกว่าไปคนเดียวค่ะ เดือนที่แล้วดิฉันเพิ่งกลับจากอังกฤษ ไปคนเดียว และดิฉันค้นพบว่ามันสนุกมาก (ดิฉันตอบซีเรียสจริงจัง จน จนท.หัวเราะเลยค่ะ) แต่การที่ได้วีซ่าประเทศอื่นมา น่าจะไม่มีผลต่อการสัมภาษณ์นะคะ จนท.ไม่ขอดูด้วย
หลังจากนั้นจนท.ขอดูหลักการทางการเงิน (ใน DS-160 ดิฉันก็แจ้งค่ะว่า ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเกิดจากทรัพย์สินที่ได้จากมรดกตามคำสั่งศาลหมายเลขอะไร เพราะธุรกิจที่ดิฉันทำไม่ได้ก่อรายได้มากมายจนไปเที่ยวได้)
หลังจากนั้นจนท.ก็บอกว่า เดี๋ยวรอสองสามวัน จะส่งพาสปอร์ตไปให้
เร็วมาก จนดิฉันยังต้องถามซ้ำ เสร็จแล้วหรือคะ??🤣
โดยส่วนตัว DS-160 ต้องกรอกให้ดี ต้องระบุข้อมูลสำคัญให้ครบ อย่าคิดว่า จนท.จะมาถามแล้วขอดูเอกสารเพิ่ม เพราะถ้ารอให้จนท.ถาม เราอาจจะไม่มีโอกาสนั้นค่ะ ขอบคุณค่ะ