สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ (1 ก.ย. 2022) ผมไปสัมภาษณ์วีซ่า B1/B2 ที่สถานทูตอเมริกา ถนนวิทยุมาครับ ก็จะมาบอกเล่าประสบการณ์ในการขอวีซ่าครั้งนี้ครับ
ก่อนอื่นผมเคยได้วีซ่า J1 มาก่อนครับ ไปแลกเปลี่ยนมาตอน 2016-2017 ส่วนตอนนี้ก็พึ่งเรียนจบจากมหาลัยแถวสยาม กำลังรอ Canada Study Permitไปเรียนต่อครับ ก็เลยจะขอวีซ่า B1/B2 ไว้เพื่อไปเยี่ยมเพื่อนที่ไปเรียนต่อป.โทที่เมกากันแล้วตอนนี้/ host ช่วงChristmas New Year ไรงี้ครับ ตอนแรกที่เข้าไปเช็คเว็บนี้
https://travel.state.gov/content/travel/en/us-visas/visa-information-resources/wait-times.html คิวที่ Bangkok, Thailand คือยาวมากแบบมันขึ้น 200 วัน กะจะไปขอที่ Canada แทนแหละ555555 จนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้วลองเข้าไปเช็คอีกรอบ ปรากฎเหลือ 25 วันก็เลยตัดสินใจขอเลยครับ
งั้นมาเริ่มขั้นตอนกันเลยครับ!!!!
ขั้นที่ 1 กรอกข้อมูลใน DS-160
ผมกรอกทุกอย่างให้เป็นตามความจริงแล้วก็ช่องBriefly describe your duties ก็กรอกไปให้ละเอียดเลย เพราะผมว่าเจ้า DS-160 นี่แหละที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการพิจารณาหลักๆเลยครับ ไม่จำเป็นต้องกรอกให้เสร็จก่อนก็ได้ แต่ให้เก็บ Application ID ไว้ดีๆกับจำคำตอบไว้ตอบคำถามตอน retrieve application แล้วไปจ่ายเงิน นัดสัมภาษณ์ก่อนก็ได้ครับ
Link:
https://ceac.state.gov/GenNIV/Default.aspx
ขั้นที่ 2 การชำระค่าวีซ่าและการจองคิว
ก็เข้าไปสร้าง Profile กรอกข้อมูล แล้วก็ปริ้นท์ใบจ่ายเงิน ไปจ่ายที่ธนาคารกรุงศรี ของผมทั้งหมด 6080 บาทครับ (1USA = 38 บาท เรทโหดมากกก) จากนั้นรอประมาณ 11 โมงของอีกวันหลังจ่ายเงิน เราก็สามารถจองคิวนัดสัมภาษณ์ได้ครับ โดยเราสามารถเปลี่ยนคิวได้ 2 ครั้งเท่านั้นครับ ผมก็เปลี่ยนไป 2 ครั้งจนได้คิวที่เร็วสุดตอนนั้นแหละ 1 ก.ย. 2022 รอบ 8.00 ผมเข้าไปเช็คคิวทุกเช้าเลยครับ55555
Link:
https://www.ustraveldocs.com/th/
ขั้นที่ 3 เตรียมเอกสาร
ผมเตรียมไปดังนี้
Mandatory
1. Passport เล่มปัจจุบัน + เล่มเก่าทั้งหมด (โดยเฉพาะเล่มที่มีวีซ่า USA มาก่อน)
2. ใบappointment ที่ปริ้นท์มา
3. ใบ confirmation DS-160
4. ใบเสร็จที่จ่ายเงิน
5. รูปถ่ายขนาด 2x2 พื้นหลังสีขาว
Optional
1. Transcript
2. ใบจบ
3. LOA ของสถาบันที่แคนาดา
4. Proof of fees deposit ของสถาบันที่แคนาดา
5. Proof of Canada study permit apply
6. เอกสารการเงิน (คุณพ่อเป็น Sponsor): Statemnt 6 เดือนย้อนหลัง,Bank Guarantee , ใบจดทะเบียนบริษัท, หนังสือรับรองบริษัท,สมุดบัญชีตัวจริง, Passport คุณพ่อ
7. Plan เดินทางคร่าวๆ
8. เอกสารส่วนตัวต่างๆ: สูติบัตร, ใบเปลี่ยนชื่อ, ทะเบียนบ้าน, สด.8, IELTS , Criminal record (ใช้อันเดวกับตอนขอCanada)
ขั้นที่ 4 สัมภาษณ์จริง คิวผม 8.00
คุณแม่มาส่ง ผมมาถึงประมาณ 6.30 ก็ไปนั่งกินข้าวเช้า กาแฟที่ Starbuck ตึก Sindhorn ก่อนครับ ก็รอจนสัก 7.10 ก็เดินไปสถานทูต แล้วก็รอหน้าสถานทูตจนสัก7.30 ก็ไปต่อแถวเข้า รอบัตรคิวเข้าสถานทูตครับ วันนี้ที่ผมไปคนไม่ค่อยเยอะครับ
แล้วตรงนี้เขาจะติด Track EMS ไปรษณีย์ไว้หลัง Passport ให้ถ่ายรูปไว้ก็ได้ครับ เราสามารถเอาไว้เช็คสถานะการส่งPassportคืน หลังจากเขาติด Visa มาให้แล้วครับ
ก่อนเข้าเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ปิดโทรศัพท์ก่อนเข้าเลย จากนั้นก็จะเข้าไปตรวจแบบในสนามบินเลยครับ ฝากโทรศัพท์มือถือได้เครื่องเดียวนะครับใช้บัตรประชาชนด้วย ส่วนกระเป๋าถ้าไม่ใหญ่เกินก็ฝากได้เช่นกันครับ ผมใช้กระเป๋าStarbuck ตามรูปเลยก็ฝากได้ แล้วก็อีกอย่าง เครื่องดื่ม อาหาร ขนม ทุกอย่างห้ามนำเข้ามาและไม่รับฝาก ต้องทิ้งไม่ก็หาที่ฝากข้างนอกอย่างเดียวเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากผ่าน security check point ก็เดินไปเรื่อยๆ จะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ เขาก็ขอดูรูปกับ Passport แค่นั้นครับ
แล้วจากนั้นก็เดินเข้าห้องสัมภาษณ์ไป ก็ไปต่อแถวรอ ในห้องก็เป็นห้องเล็กๆมีห้องน้ำในห้องนี้ครับ ก็จะแบ่งเป็นเช็คเอกสารเจ้าหน้าที่คนไทยก่อนมีประมาณ 5 ช่อง (เบอร์11-15) แล้วค่อยไปสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ฝรั่งผมไปเปิด3ช่อง ระหว่างรอก็จะมีคนโดนให้มาถ่ายรูปใหม่บ้าง , จ่ายเงินเพิ่มบ้างสำหรับวีซ่าบางประเภท
พอถึงคิว เจ้าหน้าที่คนไทยก็เรียกไปดูเอกสาร เขาขอPassport เล่มปัจจุบัน แล้วก็ถามว่าเคยได้วีซ่า USA มาก่อนใช่ไหม แล้วก็ขอดูเล่มที่มีวีซ่ามาก่อน แล้วก็ถามว่าไปทำอะไร ไปเมื่อไร แล้วจากนั้นก็ขอดูรูปถ่ายว่าใช้ได้ไหม จากนั้นก็สแกนลายนิ้วมือ ซ้าย4 นิ้ว ขวา 4 ขิ้ว นิ้วโป้ง 2นิ้วพร้อมกัน
หลังจากนั้นก็ไปสแกนลายนิ้วมือซ้าย 4 นิ้ว กับฝรั่งช่องเบอร์ 10 อีกรอบพร้อมเขาจะยิง Barcode stickerที่เขาติดมาหลังเล่มเราตอนเข้ามา
หลังจากนี้ก็ต่อแถวรอสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าฝรั่งแหละครับ ตรงนี้ตื่นเต้นมาก เพราะคนก่อนๆหน้าก็มีทั้งผ่านและไม่ผ่าน วันนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำการ 3 ท่านมีที่ผชวัยกลางคน หน้าตาแขก ท้วมๆหน่อย,ฝรั่งขาววัยหนุ่ม ใส่แว่น หล่อ , ผญ. ขาววัยกลางคน
ผมได้สัมภาษณ์ฝรั่งขาววัยหนุ่ม ใส่แว่นครับ ผมพูดเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย
ผมก็ยกมือไหว้ เขาตอบกลับมาว่าสวัสดีเป็นภาษาไทย
เจ้าหน้าที่: How are you today?
ผม: I'm good.
เจ้าหน้าที่: Can I have your Passport?
ผม: ยื่นให้
เจ้าหน้าที่: ก็คีย์ข้อมูล แล้วก็บอกผมว่า Have you had US Visa already?
ผม: งงเลย
เจ้าหน้าที่: On 2016, Can I have Passport that has US Visa?
ผม: Abosolutely. แล้วกำลังหยิบแล้วยื่นเล่มนั้นไปให้ พร้อมกับพูดว่า That's my brother or not?
เจ้าหน้าที่: Yes, yes. He had, Not you55555 แล้วเขาก็ถามว่า What do you want to do in USA?
ผม: For travelling with my friends who are currently studying Master in USA.
เจ้าหน้าที่: What do you do now?
ผม: Now, I'm waiting for Canada Study Permit and I will continue studying xxx at xxx on xxx.
เจ้าหน้าที่: So, you just graduated, right?
ผม: Yes, I just graduated.
เจ้าหน้าที่: Who is your sponsor?
ผม: My dad.
เจ้าหน้าที่: What does he do?
ผม: He is the xxx of xxx.
เจ้าหน้าที่: Your visa is approved. The visa will send to you about next 3 to 7 days. แล้วเอาPassport เล่มปัจจุบันไป
ผม: Thank you. Have a great day, sir.
เจ้าหน้าที่: You, too.
จบการสัมภาษณ์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แล้วก็ไม่ขอดูเอกสารเลยสักอย่างเลย ดูแค่ Passport เล่มปัจจุบัน กับ Passport เล่มเก่มที่มีวีซ่า กับรูปถ่ายเท่านั้น
เสร็จแล้วก็เดินกลับมา security check point แล้วก็รับกระเป๋า โทรศัพท์มือถือคืน
แล้วก็รอวีซ่าคืน ส่งมาที่บ้าน เป็นอันจบครับผม
อันนี้เป็นประสบการณ์ของผมนะครับ ท่านใดมีคำถามหรืออยากเสนอประสบการณ์อื่นที่ท่านเจอ เชิญคอมเมนต์หรือถามได้เลยครับ
ขอบคุณครับ ขอให้โชคดีทุกคนครับ
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่า B1/B2 USA กันยายน 2022
วันนี้ (1 ก.ย. 2022) ผมไปสัมภาษณ์วีซ่า B1/B2 ที่สถานทูตอเมริกา ถนนวิทยุมาครับ ก็จะมาบอกเล่าประสบการณ์ในการขอวีซ่าครั้งนี้ครับ
ก่อนอื่นผมเคยได้วีซ่า J1 มาก่อนครับ ไปแลกเปลี่ยนมาตอน 2016-2017 ส่วนตอนนี้ก็พึ่งเรียนจบจากมหาลัยแถวสยาม กำลังรอ Canada Study Permitไปเรียนต่อครับ ก็เลยจะขอวีซ่า B1/B2 ไว้เพื่อไปเยี่ยมเพื่อนที่ไปเรียนต่อป.โทที่เมกากันแล้วตอนนี้/ host ช่วงChristmas New Year ไรงี้ครับ ตอนแรกที่เข้าไปเช็คเว็บนี้ https://travel.state.gov/content/travel/en/us-visas/visa-information-resources/wait-times.html คิวที่ Bangkok, Thailand คือยาวมากแบบมันขึ้น 200 วัน กะจะไปขอที่ Canada แทนแหละ555555 จนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้วลองเข้าไปเช็คอีกรอบ ปรากฎเหลือ 25 วันก็เลยตัดสินใจขอเลยครับ
งั้นมาเริ่มขั้นตอนกันเลยครับ!!!!
ขั้นที่ 1 กรอกข้อมูลใน DS-160
ผมกรอกทุกอย่างให้เป็นตามความจริงแล้วก็ช่องBriefly describe your duties ก็กรอกไปให้ละเอียดเลย เพราะผมว่าเจ้า DS-160 นี่แหละที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการพิจารณาหลักๆเลยครับ ไม่จำเป็นต้องกรอกให้เสร็จก่อนก็ได้ แต่ให้เก็บ Application ID ไว้ดีๆกับจำคำตอบไว้ตอบคำถามตอน retrieve application แล้วไปจ่ายเงิน นัดสัมภาษณ์ก่อนก็ได้ครับ
Link: https://ceac.state.gov/GenNIV/Default.aspx
ขั้นที่ 2 การชำระค่าวีซ่าและการจองคิว
ก็เข้าไปสร้าง Profile กรอกข้อมูล แล้วก็ปริ้นท์ใบจ่ายเงิน ไปจ่ายที่ธนาคารกรุงศรี ของผมทั้งหมด 6080 บาทครับ (1USA = 38 บาท เรทโหดมากกก) จากนั้นรอประมาณ 11 โมงของอีกวันหลังจ่ายเงิน เราก็สามารถจองคิวนัดสัมภาษณ์ได้ครับ โดยเราสามารถเปลี่ยนคิวได้ 2 ครั้งเท่านั้นครับ ผมก็เปลี่ยนไป 2 ครั้งจนได้คิวที่เร็วสุดตอนนั้นแหละ 1 ก.ย. 2022 รอบ 8.00 ผมเข้าไปเช็คคิวทุกเช้าเลยครับ55555
Link: https://www.ustraveldocs.com/th/
ขั้นที่ 3 เตรียมเอกสาร
ผมเตรียมไปดังนี้
Mandatory
1. Passport เล่มปัจจุบัน + เล่มเก่าทั้งหมด (โดยเฉพาะเล่มที่มีวีซ่า USA มาก่อน)
2. ใบappointment ที่ปริ้นท์มา
3. ใบ confirmation DS-160
4. ใบเสร็จที่จ่ายเงิน
5. รูปถ่ายขนาด 2x2 พื้นหลังสีขาว
Optional
1. Transcript
2. ใบจบ
3. LOA ของสถาบันที่แคนาดา
4. Proof of fees deposit ของสถาบันที่แคนาดา
5. Proof of Canada study permit apply
6. เอกสารการเงิน (คุณพ่อเป็น Sponsor): Statemnt 6 เดือนย้อนหลัง,Bank Guarantee , ใบจดทะเบียนบริษัท, หนังสือรับรองบริษัท,สมุดบัญชีตัวจริง, Passport คุณพ่อ
7. Plan เดินทางคร่าวๆ
8. เอกสารส่วนตัวต่างๆ: สูติบัตร, ใบเปลี่ยนชื่อ, ทะเบียนบ้าน, สด.8, IELTS , Criminal record (ใช้อันเดวกับตอนขอCanada)
ขั้นที่ 4 สัมภาษณ์จริง คิวผม 8.00
คุณแม่มาส่ง ผมมาถึงประมาณ 6.30 ก็ไปนั่งกินข้าวเช้า กาแฟที่ Starbuck ตึก Sindhorn ก่อนครับ ก็รอจนสัก 7.10 ก็เดินไปสถานทูต แล้วก็รอหน้าสถานทูตจนสัก7.30 ก็ไปต่อแถวเข้า รอบัตรคิวเข้าสถานทูตครับ วันนี้ที่ผมไปคนไม่ค่อยเยอะครับ
แล้วตรงนี้เขาจะติด Track EMS ไปรษณีย์ไว้หลัง Passport ให้ถ่ายรูปไว้ก็ได้ครับ เราสามารถเอาไว้เช็คสถานะการส่งPassportคืน หลังจากเขาติด Visa มาให้แล้วครับ
ก่อนเข้าเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ปิดโทรศัพท์ก่อนเข้าเลย จากนั้นก็จะเข้าไปตรวจแบบในสนามบินเลยครับ ฝากโทรศัพท์มือถือได้เครื่องเดียวนะครับใช้บัตรประชาชนด้วย ส่วนกระเป๋าถ้าไม่ใหญ่เกินก็ฝากได้เช่นกันครับ ผมใช้กระเป๋าStarbuck ตามรูปเลยก็ฝากได้ แล้วก็อีกอย่าง เครื่องดื่ม อาหาร ขนม ทุกอย่างห้ามนำเข้ามาและไม่รับฝาก ต้องทิ้งไม่ก็หาที่ฝากข้างนอกอย่างเดียวเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากผ่าน security check point ก็เดินไปเรื่อยๆ จะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ เขาก็ขอดูรูปกับ Passport แค่นั้นครับ
แล้วจากนั้นก็เดินเข้าห้องสัมภาษณ์ไป ก็ไปต่อแถวรอ ในห้องก็เป็นห้องเล็กๆมีห้องน้ำในห้องนี้ครับ ก็จะแบ่งเป็นเช็คเอกสารเจ้าหน้าที่คนไทยก่อนมีประมาณ 5 ช่อง (เบอร์11-15) แล้วค่อยไปสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ฝรั่งผมไปเปิด3ช่อง ระหว่างรอก็จะมีคนโดนให้มาถ่ายรูปใหม่บ้าง , จ่ายเงินเพิ่มบ้างสำหรับวีซ่าบางประเภท
พอถึงคิว เจ้าหน้าที่คนไทยก็เรียกไปดูเอกสาร เขาขอPassport เล่มปัจจุบัน แล้วก็ถามว่าเคยได้วีซ่า USA มาก่อนใช่ไหม แล้วก็ขอดูเล่มที่มีวีซ่ามาก่อน แล้วก็ถามว่าไปทำอะไร ไปเมื่อไร แล้วจากนั้นก็ขอดูรูปถ่ายว่าใช้ได้ไหม จากนั้นก็สแกนลายนิ้วมือ ซ้าย4 นิ้ว ขวา 4 ขิ้ว นิ้วโป้ง 2นิ้วพร้อมกัน
หลังจากนั้นก็ไปสแกนลายนิ้วมือซ้าย 4 นิ้ว กับฝรั่งช่องเบอร์ 10 อีกรอบพร้อมเขาจะยิง Barcode stickerที่เขาติดมาหลังเล่มเราตอนเข้ามา
หลังจากนี้ก็ต่อแถวรอสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าฝรั่งแหละครับ ตรงนี้ตื่นเต้นมาก เพราะคนก่อนๆหน้าก็มีทั้งผ่านและไม่ผ่าน วันนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำการ 3 ท่านมีที่ผชวัยกลางคน หน้าตาแขก ท้วมๆหน่อย,ฝรั่งขาววัยหนุ่ม ใส่แว่น หล่อ , ผญ. ขาววัยกลางคน
ผมได้สัมภาษณ์ฝรั่งขาววัยหนุ่ม ใส่แว่นครับ ผมพูดเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย
ผมก็ยกมือไหว้ เขาตอบกลับมาว่าสวัสดีเป็นภาษาไทย
เจ้าหน้าที่: How are you today?
ผม: I'm good.
เจ้าหน้าที่: Can I have your Passport?
ผม: ยื่นให้
เจ้าหน้าที่: ก็คีย์ข้อมูล แล้วก็บอกผมว่า Have you had US Visa already?
ผม: งงเลย
เจ้าหน้าที่: On 2016, Can I have Passport that has US Visa?
ผม: Abosolutely. แล้วกำลังหยิบแล้วยื่นเล่มนั้นไปให้ พร้อมกับพูดว่า That's my brother or not?
เจ้าหน้าที่: Yes, yes. He had, Not you55555 แล้วเขาก็ถามว่า What do you want to do in USA?
ผม: For travelling with my friends who are currently studying Master in USA.
เจ้าหน้าที่: What do you do now?
ผม: Now, I'm waiting for Canada Study Permit and I will continue studying xxx at xxx on xxx.
เจ้าหน้าที่: So, you just graduated, right?
ผม: Yes, I just graduated.
เจ้าหน้าที่: Who is your sponsor?
ผม: My dad.
เจ้าหน้าที่: What does he do?
ผม: He is the xxx of xxx.
เจ้าหน้าที่: Your visa is approved. The visa will send to you about next 3 to 7 days. แล้วเอาPassport เล่มปัจจุบันไป
ผม: Thank you. Have a great day, sir.
เจ้าหน้าที่: You, too.
จบการสัมภาษณ์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แล้วก็ไม่ขอดูเอกสารเลยสักอย่างเลย ดูแค่ Passport เล่มปัจจุบัน กับ Passport เล่มเก่มที่มีวีซ่า กับรูปถ่ายเท่านั้น
เสร็จแล้วก็เดินกลับมา security check point แล้วก็รับกระเป๋า โทรศัพท์มือถือคืน
แล้วก็รอวีซ่าคืน ส่งมาที่บ้าน เป็นอันจบครับผม
อันนี้เป็นประสบการณ์ของผมนะครับ ท่านใดมีคำถามหรืออยากเสนอประสบการณ์อื่นที่ท่านเจอ เชิญคอมเมนต์หรือถามได้เลยครับ
ขอบคุณครับ ขอให้โชคดีทุกคนครับ