เท่าที่ผมอ่านใน บทสวด
อุปาทาน หรือ ตัณหาครับ ?
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ (ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์)
ข้อนี้แลเป็นเหตุให้ทุกข์อย่างแท้จริง คือ)
ยายัง ตัณหา (ความทะยานอยากนี้ใด)
แล้วอุปทาน ภาษาไทยแปลว่า ความรู้สึกเป็นเจ้าของถูกไหมครับ ?
คือที่เราละสังโยชน์ข้อ 1 กันครับ ?
ตัวไหนคือ last boss แล้ว ต้องละตัวไหนก่อนครับ ?
ถ้าละอุปทานได้ ตัณหาจะหายไหม ?
หรือถ้าละตัณหาได้ อุปทานจะหายไหมครับ ?
แล้วการ เจริญสติที่ เห็นความไม่เที่ยง ของ กาย , ความคิด หรือ วัตถุ นี้ถูกไหมครับ ?
การปฏิบัติในข้อนี้ ช่วยในการละ ตัวไหนครับ ?
"""
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ (ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์)
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อนี้แลเป็นเหตุให้ทุกข์อย่างแท้จริง คือ)
ยายัง ตัณหา (ความทะยานอยากนี้ใด)
โปโนพภะวิกา (ทำให้มีภพอีก)"""""
เหตุแห่งทุกข์ คืออะไรกันแน่ครับ ?
อุปาทาน หรือ ตัณหาครับ ?
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ (ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์)
ข้อนี้แลเป็นเหตุให้ทุกข์อย่างแท้จริง คือ)
ยายัง ตัณหา (ความทะยานอยากนี้ใด)
แล้วอุปทาน ภาษาไทยแปลว่า ความรู้สึกเป็นเจ้าของถูกไหมครับ ?
คือที่เราละสังโยชน์ข้อ 1 กันครับ ?
ตัวไหนคือ last boss แล้ว ต้องละตัวไหนก่อนครับ ?
ถ้าละอุปทานได้ ตัณหาจะหายไหม ?
หรือถ้าละตัณหาได้ อุปทานจะหายไหมครับ ?
แล้วการ เจริญสติที่ เห็นความไม่เที่ยง ของ กาย , ความคิด หรือ วัตถุ นี้ถูกไหมครับ ?
การปฏิบัติในข้อนี้ ช่วยในการละ ตัวไหนครับ ?
"""
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ (ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์)
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อนี้แลเป็นเหตุให้ทุกข์อย่างแท้จริง คือ)
ยายัง ตัณหา (ความทะยานอยากนี้ใด)
โปโนพภะวิกา (ทำให้มีภพอีก)"""""