'สุทิน' จวก 'ประยุทธ์' แจงซักฟอก จากเรื่องใหญ่มากเป็นเรื่องเล็ก ซัด พปชร.ไม่มีจุดยืนสูตรปาร์ตี้ลิสต์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3466816
‘สุทิน’ จวกนายกฯมองเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก ซัด พปชร.ไม่มีจุดยืนสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ เผยไม่อยากชงตีความปม 8 ปี ‘บิ๊กตู่’ กลัวเป็นตราประทับ
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 22 กรกฎาคมว่า หากไม่มีอะไรเป็นอุบัติเหตุทางอารมณ์ในสภา ตนจะสามารถอภิปรายปิดได้ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. และเชื่อว่าคงเร็วกว่าทุกครั้ง ไม่ได้อภิปรายไปถึง 23.00 น.เหมือนทุกครั้ง แต่ทุกอย่างสามารถคลาดเคลื่อนได้ ส่วนภาพรวมการอภิปรายเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ถือว่าภาพรวมเป็นไปด้วยดี เราพอใจ เพราะมีเนื้อหาที่เข้มข้น มีการทำงานเป็นทีมที่ชัดเจน มีประเด็นใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น เรื่องการบรรจุลูกคนใกล้ชิดให้ได้เป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่และมาจากคนที่อยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรานำเสนอว่าฝ่ายการเมืองตอบแทนบุญคุณกันโดยไม่เกรงใจประชาชน ไม่ให้ความเป็นธรรมกับลูกชาวบ้าน
นาย
สุทินกล่าวว่า แต่เรื่องนี้ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่รการกระทรวงกลาโหม รวมถึงคนอื่นๆ ไม่ชี้แจงเลย ถือเป็นประเด็นที่ค้างคาใจประชาชน นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเด็น อย่างเรื่องการใช้งบกลางไม่สอดคล้องวัตถุประสงค์ เรื่องเหมืองอัครา เรื่องเครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้าประเทศ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่นายกฯกลับตอบให้เป็นเรื่องเล็ก ตนจะอภิปรายสรุปอีกครั้ง
เมื่อถามว่า กังวลเรื่องงูเห่าจะปรากฏตัวเพิ่มเติมในการโหวตอีกหรือไม่ นาย
สุทินกล่าวว่า ไม่กังวล คิดว่าคงมีประมาณเดิมที่รู้กันอยู่ ซึ่งมีทั้งขาออก ขาเข้า ไม่อยากให้ความสนใจมือในสภา แต่อยากให้คำนึงถึงศรัทธาและความรู้สึกของคนข้างนอก และประชาชนได้ประโยชน์จากการอภิปรายหรือไม่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากกลับไปใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหารด้วย 100 นาย
สุทินกล่าวว่า นี่คือความไม่มีจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ เหมือนที่เขาบอกว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจคือ ไม่มีรากเหง้าของความคิดที่เป็นแก่นสาร สะท้อนให้เห็นว่าวันหนึ่งเอา 100 วันหนึ่งเอา 500 ไม่ได้เปรียบอย่างที่คิด ไปเคาะเครื่องคิดเลข ตนรู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยน เพราะไปคุยกันมา พรรคร่วมรัฐบาลคุยไปคุยมาไม่ได้เปรียบ บางพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่า ส.ส.พึงมีได้ 55 คน แต่หวังจะได้ ส.ส.เขต 60 คน แบบนี้กลับมา 100 ดีกว่า หมายความว่าอยู่บนพื้นฐานได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ไม่ได้คิดจะวางระบบที่ดีให้กับประเทศ
“ไม่ว่าใครจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราจะยืนหลักของเรา และสังคมจะได้เห็นใครมีจุดยืนไม่มีจุดยืน ใครคิดเพื่อการเลือกตั้งเท่านั้น การหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอาจต้องการทำให้สับสน อาจนำไปสู่การโหวตคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ หากปล่อยให้สูตรหาร 500 ผ่านไปจนประกาศกฎหมายออกมา และเมื่อถึงการเลือกตั้งแล้วรัฐบาลแพ้โดยที่ยังเป็นรัฐบาล ยังรักษาการอยู่ อาจจะมีการใช้กลไกให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ” นายสุทินระบุ
เมื่อถามถึงประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.
ประยุทธ์จะยื่นตีความเมื่อไรนั้น นายสุทินกล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกัน แต่ส่วนตัวไม่อยากยื่น เพราะหวั่นว่าจะกลายเป็นการประทับตรา อยากให้นายกฯแสดงสปิริตเอง เพราะนายกฯน่าจะนับเลข 1-8 เป็น
‘ส.ส.เสรีรวมไทย’ ซัด ‘ทหารไทย’ ซูเอี๋ย กัมพูชา ทุจริตลักลอบสินค้าหนีภาษี-ขนแรงงานผิด กม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3466598
‘ส.ส.เสรีรวมไทย’ ซัด ‘ทหารไทย’ ซูเอี๋ย กัมพูชา ทุจริตลักลอบสินค้าหนีภาษี-ขนแรงงานผิด กม. ผ่าน ถ.ศรีเพ็ญ จ.สระแก้ว ในเขตป่าสงวน 5 พันไร่ เย้ย 3 ป.ชนะ ‘ฮุนเซน’ เรื่องเดียวคือคิดเลขเก่งกว่า
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม เวลา 22.19 น. นาย
วิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายกล่าวหา พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ไม่ดู และปกป้องอธิปไตย อาณาเขต เกียรติภูมิของประเทศและผลประโยชน์ของชาติ จึงขอเปิดโปงการทุจริตนำความเดือดร้อนของประชาชน และอธิปไตยของชาติ ไปหารับประทาน ของกองทัพภาคที่ 1 ตลอดเส้นทางถนนศรีเพ็ญ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีระยะทาง 165 กิโลเมตร เป็นถนนที่คู่ขนานไปกับชายแดนกัมพูชา โดยไม่มีแม่น้ำ ลำคลอง หรือภูเขาข้างกั้นชายแดน บางจุดห่างระหว่างชายแดนไม่ถึง 100 เมตร ลักษณะภูมิทัศน์เหมาะแก่การขนถ่ายสินค้าหนีภาษี สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมาย เพราะไม่ไกลจนเดินทางลำบาก และไม่ใกล้จนเป็นเป้าสายตาคน
นาย
วิรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนขอเปิดโปงระยะทางเพียงเส้นสั้นๆ 5-6 กิโลเมตร จากหน้ากองร้อยทหารพรานที่ 1206 ซึ่งมีด่านตรวจ 12 ด่าน คาดว่ามีรายได้ที่เก็บได้แต่ละวันอย่างน้อยวันละ 1 ล้านบาท สิ่งที่เป็นปัจจัยให้เกิดกระบวนการหากินกับสิ่งผิดกฎหมายของทหารบางคนในกองทัพภาคที่ 1 ก็คือ การที่กองทัพภาคที่ 1 เช่าที่ป่าสงวนแห่งชาติ จากกรมป่าไม้ เฉพาะใน ต.ป่าไร่ อย่างเดียวมีเนื้อที่ถึง 5 พันไร่ ทำให้ทหารมีสิทธิผูกขาดอำนาจในการใช้ที่ดินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่ชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องก็ตาม แต่ไม่สามารถเข้าไปในที่ทำกินของตนเอง เพราะที่ดินอยู่ใกล้ชุมชนเขมร ที่เป็นจุดรับส่งสินค้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ทหารจึงต้องการพื้นที่บริเวณนั้นให้เป็นป่าทึบ เพราะเกรงว่าชาวบ้านจะไปไถที่ทำประโยชน์ จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางลำเลียงสินค้า รวมถึงการประกาศกฎอัยการศึก ทำให้ทการตั้งด่านปิดกั้นตั้งแต่หัวถนนถึงท้ายถนนเสมือนเป็นถนนส่วนบุคคล ของกระบวนการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้า ซึ่งตามกฎอัยการศึกนี้ทำให้ทหารรวมอำนาจไว้เพียงผู้เดียว ตำรวจ ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) หรือหน่วยงานอื่นๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่ดินแปลงนี้ทำเลดี ตรงข้ามที่ดินมีทางลัดไปตลาดโรงเกลือได้ ส่งออกนำเข้าสินค้าได้สะดวก และที่ดินดังกล่าวมีสัญญาเช่า 30 ปี สัญญาครบปี 62 ทำให้ชาวบ้านพยายามจะเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินให้ได้ร้อยละ 70 เพื่อขอออกโฉนด แต่ทหารไม่ให้เข้าโดยมีทหารกัมพูชามาไล่ชาวบ้านไม่ให้เข้าไปในพื้นที่โดยขู่ว่ามีกับระเบิด ถ้าเป็นคนไทยต้องจับติดคุก แต่เป็นทหารกัมพูชาโทษต้องหนักกว่า แต่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาซูเอี๋ยกันให้นโยบายนายกฯ ว่าไม่ให้เรื่องใหญ่โตให้ผ่านๆไป แล้วเรื่องนี้จะดำเนินการอย่างไร แม้สัญญาเช่า 30 ปีจะหมดอายุไปแล้ว แต่ทราบว่ามีการประสานขอต่ออายุการเช่ากับกรมป่าไม้อีก 30 ปี
“เมื่อดูแล้วฝั่งกัมพูชาเขาเจริญ แต่ไทยเอาที่ดินไปทำมาหากินกองทัพรวย ซวยประชาชน ฮุนเซน เป็นใหญ่เพราะสู้รบ แต่ ป๊อก ป้อม ประยุทธ์ เป็นใหญ่เพราะยึดอำนาจ ความสามารถมันต่างกันเยอะ เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วต้องยอมรับว่านายกฮุนเซน นักรบรองเท้าแตะ ทั้งเก่งทั้งฉลาด เหนือกว่า 3 ป.หลายขุม ถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรก็แพ้เขาทุกเรื่อง มีชนะเขาอยู่เรื่องเดียวคือคิดเครื่องคิดเลขเก่งกว่าเขาเท่านั้น และกัมพูชาผลักดันคนมาอยู่เต็มพื้นที่บ้านน้อยป่าไร่ บ้านหนองดอน บ้านโคกสูง พื้นที่นี้เป็นของกัมพูชาไปหมดแล้ว เท่ากับเราเสียดินแดนให้กัมพูชาไปโดยปริยาย” นาย
วิรัตน์ กล่าว
เอาแล้ว! บิ๊กตู่ ล็อบบี้พรรคเล็ก พีระวิทย์ เปิดเงื่อนไขต่อรองโหวตให้ทั้ง 11 รมต.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7175057
พีระวิทย์ ยอมรับ บิ๊กตู่ เรียกคุยเช้านี้ ขอให้โหวต 11 รมต. วอนรัฐบาล ต่อนโยบายผู้สูงอายุ บอกยอมถูกสังคมด่า เผยช่วงบ่ายนัดพบ ธรรมนัส
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา นา
ยพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม กล่าวถึงทิศทางการลงมติรัฐมนตรีทั้ง 11 คนว่า เบื้องต้นจะลงมติไม่ไว้วางใจนาย
จุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับนาย
สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง แต่เมื่อมติของพวกเราถูกเปิดเผยไป ผู้ใหญ่ได้นัดเคลียร์และขอให้กลุ่ม 16 พูดคุยกันอีกครั้ง
นาย
พีระวิทย์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าพวกเราเป็นเพียงผู้น้อย ซึ่งคงต้องเปิดใจและกลับมาทบทวนอีกรอบ ซึ่งผู้ใหญ่ในที่นี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้เชิญนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หัวหน้ากลุ่ม 16 ไปพูดคุยเพื่อขอให้โหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 11 คนในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และหากมีสงสัยอะไร พล.อ.ประยุทธ์ ยินดีจะเชิญรัฐมนตรีแต่ละคนมาให้ข้อมูล โดยอาจมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนกลางให้ ทั้งนี้ ทิศทางการโหวตของพรรคเล็กจะเป็นไปในทิศทางเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล
“ยอมรับว่าพวกเราหนักใจ และวันนี้เรามีนัดกันในเวลา 09.00 น. ซึ่งจะมีพรรคเล็กร่วมประชุมครบทุกพรรค จะพูดคุยว่า หากส.ส.มีความเห็นว่าไม่ขอลงมติไว้วางใจ หากจะไล่ออกจากรัฐบาลก็ยอม เราถูกขอให้รักษาความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คือการโหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 11 คนไปในทิศทางเดียวกัน แต่มีเพียง 2-3 พรรคที่ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม หากเกิดการบังคับ อาจมีการสวนมติ และถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล” นาย
พีระวิทย์ กล่าว
นาย
พีระวิทย์ กล่าวว่า เราอาจขอให้นายพิเชษฐ ออกเสียงไปคนเดียวเพื่อรักษาความเป็นสังกัดพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรก็ตาม หากพรรคเล็กพูดคุยกันแล้ว ตน และนายพิเชษฐ จะไปพบไปพบพูดคุยกับนายกฯ โดยตนตั้งใจจะไปถามนายกฯ ถึงนโยบายผู้สูงอายุ เพราะถ้าทำให้ต่อ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยกมือให้ทั้ง 11 คน ตนจะโดนสังคมด่าก็ด่าไป แต่ตนเอาเงินมาให้ผู้สูงอายุ ตนยอมโดนด่า หรือ หากตนจะไปลงสมัครที่สระบุรี ในนามพรรคพลังประชารัฐ นายกฯจะลงพื้นที่ไปพบประชาชนกับตนสักครั้งได้ไหม ถ้านายกฯทำได้ ตนก็ไม่มีปัญหา
เมื่อถามถึงทิศทางการลงมติของพรรคเล็ก ที่มีกระแสข่าวการต่อรองผลประโยชน์โดยการเลื่อนขั้นของลูกชายนาย
พิเชษฐนั้น นาย
พีระวิทย์ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้มีเรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัวเข้ามาโยงใย และในฐานะที่ตนสนิทกับนาย
พิเชษฐ ยืนยันว่า นาย
พิเชษฐไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร และเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เรื่องจบไปนานแล้ว และถ้าเอาเข้าจริง ลูกนาย
พิเชษฐควรได้ขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งนั่นก็จะกลายเป็นประเด็นการเมืองอีกว่า ถูกดองการเมือง
นาย
พีระวิทย์ กล่าวว่า บ่ายวันนี้ พรรคเล็กทุกพรรคได้นัดพบกันกับร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย โดยจะไปกันทุกพรรค ยกเว้นพรรคเศรษฐกิจใหม่
JJNY : 'สุทิน'จวก'ประยุทธ์'แจงซักฟอก│‘เสรีรวมไทย’ซัด‘ทหารไทย’ซูเอี๋ยกัมพูชา│ตู่ล็อบบี้พรรคเล็ก│บาทอ่อนทะลุ 36.78 บาท
https://www.matichon.co.th/politics/news_3466816
‘สุทิน’ จวกนายกฯมองเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก ซัด พปชร.ไม่มีจุดยืนสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ เผยไม่อยากชงตีความปม 8 ปี ‘บิ๊กตู่’ กลัวเป็นตราประทับ
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 22 กรกฎาคมว่า หากไม่มีอะไรเป็นอุบัติเหตุทางอารมณ์ในสภา ตนจะสามารถอภิปรายปิดได้ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. และเชื่อว่าคงเร็วกว่าทุกครั้ง ไม่ได้อภิปรายไปถึง 23.00 น.เหมือนทุกครั้ง แต่ทุกอย่างสามารถคลาดเคลื่อนได้ ส่วนภาพรวมการอภิปรายเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ถือว่าภาพรวมเป็นไปด้วยดี เราพอใจ เพราะมีเนื้อหาที่เข้มข้น มีการทำงานเป็นทีมที่ชัดเจน มีประเด็นใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น เรื่องการบรรจุลูกคนใกล้ชิดให้ได้เป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่และมาจากคนที่อยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรานำเสนอว่าฝ่ายการเมืองตอบแทนบุญคุณกันโดยไม่เกรงใจประชาชน ไม่ให้ความเป็นธรรมกับลูกชาวบ้าน
นายสุทินกล่าวว่า แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่รการกระทรวงกลาโหม รวมถึงคนอื่นๆ ไม่ชี้แจงเลย ถือเป็นประเด็นที่ค้างคาใจประชาชน นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเด็น อย่างเรื่องการใช้งบกลางไม่สอดคล้องวัตถุประสงค์ เรื่องเหมืองอัครา เรื่องเครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้าประเทศ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่นายกฯกลับตอบให้เป็นเรื่องเล็ก ตนจะอภิปรายสรุปอีกครั้ง
เมื่อถามว่า กังวลเรื่องงูเห่าจะปรากฏตัวเพิ่มเติมในการโหวตอีกหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่กังวล คิดว่าคงมีประมาณเดิมที่รู้กันอยู่ ซึ่งมีทั้งขาออก ขาเข้า ไม่อยากให้ความสนใจมือในสภา แต่อยากให้คำนึงถึงศรัทธาและความรู้สึกของคนข้างนอก และประชาชนได้ประโยชน์จากการอภิปรายหรือไม่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากกลับไปใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหารด้วย 100 นายสุทินกล่าวว่า นี่คือความไม่มีจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ เหมือนที่เขาบอกว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจคือ ไม่มีรากเหง้าของความคิดที่เป็นแก่นสาร สะท้อนให้เห็นว่าวันหนึ่งเอา 100 วันหนึ่งเอา 500 ไม่ได้เปรียบอย่างที่คิด ไปเคาะเครื่องคิดเลข ตนรู้ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยน เพราะไปคุยกันมา พรรคร่วมรัฐบาลคุยไปคุยมาไม่ได้เปรียบ บางพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่า ส.ส.พึงมีได้ 55 คน แต่หวังจะได้ ส.ส.เขต 60 คน แบบนี้กลับมา 100 ดีกว่า หมายความว่าอยู่บนพื้นฐานได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ไม่ได้คิดจะวางระบบที่ดีให้กับประเทศ
“ไม่ว่าใครจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราจะยืนหลักของเรา และสังคมจะได้เห็นใครมีจุดยืนไม่มีจุดยืน ใครคิดเพื่อการเลือกตั้งเท่านั้น การหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอาจต้องการทำให้สับสน อาจนำไปสู่การโหวตคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ หากปล่อยให้สูตรหาร 500 ผ่านไปจนประกาศกฎหมายออกมา และเมื่อถึงการเลือกตั้งแล้วรัฐบาลแพ้โดยที่ยังเป็นรัฐบาล ยังรักษาการอยู่ อาจจะมีการใช้กลไกให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ” นายสุทินระบุ
เมื่อถามถึงประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์จะยื่นตีความเมื่อไรนั้น นายสุทินกล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกัน แต่ส่วนตัวไม่อยากยื่น เพราะหวั่นว่าจะกลายเป็นการประทับตรา อยากให้นายกฯแสดงสปิริตเอง เพราะนายกฯน่าจะนับเลข 1-8 เป็น
‘ส.ส.เสรีรวมไทย’ ซัด ‘ทหารไทย’ ซูเอี๋ย กัมพูชา ทุจริตลักลอบสินค้าหนีภาษี-ขนแรงงานผิด กม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3466598
‘ส.ส.เสรีรวมไทย’ ซัด ‘ทหารไทย’ ซูเอี๋ย กัมพูชา ทุจริตลักลอบสินค้าหนีภาษี-ขนแรงงานผิด กม. ผ่าน ถ.ศรีเพ็ญ จ.สระแก้ว ในเขตป่าสงวน 5 พันไร่ เย้ย 3 ป.ชนะ ‘ฮุนเซน’ เรื่องเดียวคือคิดเลขเก่งกว่า
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม เวลา 22.19 น. นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ดู และปกป้องอธิปไตย อาณาเขต เกียรติภูมิของประเทศและผลประโยชน์ของชาติ จึงขอเปิดโปงการทุจริตนำความเดือดร้อนของประชาชน และอธิปไตยของชาติ ไปหารับประทาน ของกองทัพภาคที่ 1 ตลอดเส้นทางถนนศรีเพ็ญ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีระยะทาง 165 กิโลเมตร เป็นถนนที่คู่ขนานไปกับชายแดนกัมพูชา โดยไม่มีแม่น้ำ ลำคลอง หรือภูเขาข้างกั้นชายแดน บางจุดห่างระหว่างชายแดนไม่ถึง 100 เมตร ลักษณะภูมิทัศน์เหมาะแก่การขนถ่ายสินค้าหนีภาษี สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมาย เพราะไม่ไกลจนเดินทางลำบาก และไม่ใกล้จนเป็นเป้าสายตาคน
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนขอเปิดโปงระยะทางเพียงเส้นสั้นๆ 5-6 กิโลเมตร จากหน้ากองร้อยทหารพรานที่ 1206 ซึ่งมีด่านตรวจ 12 ด่าน คาดว่ามีรายได้ที่เก็บได้แต่ละวันอย่างน้อยวันละ 1 ล้านบาท สิ่งที่เป็นปัจจัยให้เกิดกระบวนการหากินกับสิ่งผิดกฎหมายของทหารบางคนในกองทัพภาคที่ 1 ก็คือ การที่กองทัพภาคที่ 1 เช่าที่ป่าสงวนแห่งชาติ จากกรมป่าไม้ เฉพาะใน ต.ป่าไร่ อย่างเดียวมีเนื้อที่ถึง 5 พันไร่ ทำให้ทหารมีสิทธิผูกขาดอำนาจในการใช้ที่ดินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่ชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องก็ตาม แต่ไม่สามารถเข้าไปในที่ทำกินของตนเอง เพราะที่ดินอยู่ใกล้ชุมชนเขมร ที่เป็นจุดรับส่งสินค้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ทหารจึงต้องการพื้นที่บริเวณนั้นให้เป็นป่าทึบ เพราะเกรงว่าชาวบ้านจะไปไถที่ทำประโยชน์ จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางลำเลียงสินค้า รวมถึงการประกาศกฎอัยการศึก ทำให้ทการตั้งด่านปิดกั้นตั้งแต่หัวถนนถึงท้ายถนนเสมือนเป็นถนนส่วนบุคคล ของกระบวนการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้า ซึ่งตามกฎอัยการศึกนี้ทำให้ทหารรวมอำนาจไว้เพียงผู้เดียว ตำรวจ ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) หรือหน่วยงานอื่นๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่ดินแปลงนี้ทำเลดี ตรงข้ามที่ดินมีทางลัดไปตลาดโรงเกลือได้ ส่งออกนำเข้าสินค้าได้สะดวก และที่ดินดังกล่าวมีสัญญาเช่า 30 ปี สัญญาครบปี 62 ทำให้ชาวบ้านพยายามจะเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินให้ได้ร้อยละ 70 เพื่อขอออกโฉนด แต่ทหารไม่ให้เข้าโดยมีทหารกัมพูชามาไล่ชาวบ้านไม่ให้เข้าไปในพื้นที่โดยขู่ว่ามีกับระเบิด ถ้าเป็นคนไทยต้องจับติดคุก แต่เป็นทหารกัมพูชาโทษต้องหนักกว่า แต่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาซูเอี๋ยกันให้นโยบายนายกฯ ว่าไม่ให้เรื่องใหญ่โตให้ผ่านๆไป แล้วเรื่องนี้จะดำเนินการอย่างไร แม้สัญญาเช่า 30 ปีจะหมดอายุไปแล้ว แต่ทราบว่ามีการประสานขอต่ออายุการเช่ากับกรมป่าไม้อีก 30 ปี
“เมื่อดูแล้วฝั่งกัมพูชาเขาเจริญ แต่ไทยเอาที่ดินไปทำมาหากินกองทัพรวย ซวยประชาชน ฮุนเซน เป็นใหญ่เพราะสู้รบ แต่ ป๊อก ป้อม ประยุทธ์ เป็นใหญ่เพราะยึดอำนาจ ความสามารถมันต่างกันเยอะ เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วต้องยอมรับว่านายกฮุนเซน นักรบรองเท้าแตะ ทั้งเก่งทั้งฉลาด เหนือกว่า 3 ป.หลายขุม ถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรก็แพ้เขาทุกเรื่อง มีชนะเขาอยู่เรื่องเดียวคือคิดเครื่องคิดเลขเก่งกว่าเขาเท่านั้น และกัมพูชาผลักดันคนมาอยู่เต็มพื้นที่บ้านน้อยป่าไร่ บ้านหนองดอน บ้านโคกสูง พื้นที่นี้เป็นของกัมพูชาไปหมดแล้ว เท่ากับเราเสียดินแดนให้กัมพูชาไปโดยปริยาย” นายวิรัตน์ กล่าว
เอาแล้ว! บิ๊กตู่ ล็อบบี้พรรคเล็ก พีระวิทย์ เปิดเงื่อนไขต่อรองโหวตให้ทั้ง 11 รมต.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7175057
พีระวิทย์ ยอมรับ บิ๊กตู่ เรียกคุยเช้านี้ ขอให้โหวต 11 รมต. วอนรัฐบาล ต่อนโยบายผู้สูงอายุ บอกยอมถูกสังคมด่า เผยช่วงบ่ายนัดพบ ธรรมนัส
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม กล่าวถึงทิศทางการลงมติรัฐมนตรีทั้ง 11 คนว่า เบื้องต้นจะลงมติไม่ไว้วางใจนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง แต่เมื่อมติของพวกเราถูกเปิดเผยไป ผู้ใหญ่ได้นัดเคลียร์และขอให้กลุ่ม 16 พูดคุยกันอีกครั้ง
นายพีระวิทย์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าพวกเราเป็นเพียงผู้น้อย ซึ่งคงต้องเปิดใจและกลับมาทบทวนอีกรอบ ซึ่งผู้ใหญ่ในที่นี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้เชิญนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หัวหน้ากลุ่ม 16 ไปพูดคุยเพื่อขอให้โหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 11 คนในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และหากมีสงสัยอะไร พล.อ.ประยุทธ์ ยินดีจะเชิญรัฐมนตรีแต่ละคนมาให้ข้อมูล โดยอาจมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนกลางให้ ทั้งนี้ ทิศทางการโหวตของพรรคเล็กจะเป็นไปในทิศทางเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล
“ยอมรับว่าพวกเราหนักใจ และวันนี้เรามีนัดกันในเวลา 09.00 น. ซึ่งจะมีพรรคเล็กร่วมประชุมครบทุกพรรค จะพูดคุยว่า หากส.ส.มีความเห็นว่าไม่ขอลงมติไว้วางใจ หากจะไล่ออกจากรัฐบาลก็ยอม เราถูกขอให้รักษาความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คือการโหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 11 คนไปในทิศทางเดียวกัน แต่มีเพียง 2-3 พรรคที่ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม หากเกิดการบังคับ อาจมีการสวนมติ และถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล” นายพีระวิทย์ กล่าว
นายพีระวิทย์ กล่าวว่า เราอาจขอให้นายพิเชษฐ ออกเสียงไปคนเดียวเพื่อรักษาความเป็นสังกัดพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรก็ตาม หากพรรคเล็กพูดคุยกันแล้ว ตน และนายพิเชษฐ จะไปพบไปพบพูดคุยกับนายกฯ โดยตนตั้งใจจะไปถามนายกฯ ถึงนโยบายผู้สูงอายุ เพราะถ้าทำให้ต่อ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยกมือให้ทั้ง 11 คน ตนจะโดนสังคมด่าก็ด่าไป แต่ตนเอาเงินมาให้ผู้สูงอายุ ตนยอมโดนด่า หรือ หากตนจะไปลงสมัครที่สระบุรี ในนามพรรคพลังประชารัฐ นายกฯจะลงพื้นที่ไปพบประชาชนกับตนสักครั้งได้ไหม ถ้านายกฯทำได้ ตนก็ไม่มีปัญหา
เมื่อถามถึงทิศทางการลงมติของพรรคเล็ก ที่มีกระแสข่าวการต่อรองผลประโยชน์โดยการเลื่อนขั้นของลูกชายนายพิเชษฐนั้น นายพีระวิทย์ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้มีเรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัวเข้ามาโยงใย และในฐานะที่ตนสนิทกับนายพิเชษฐ ยืนยันว่า นายพิเชษฐไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร และเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เรื่องจบไปนานแล้ว และถ้าเอาเข้าจริง ลูกนายพิเชษฐควรได้ขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งนั่นก็จะกลายเป็นประเด็นการเมืองอีกว่า ถูกดองการเมือง
นายพีระวิทย์ กล่าวว่า บ่ายวันนี้ พรรคเล็กทุกพรรคได้นัดพบกันกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย โดยจะไปกันทุกพรรค ยกเว้นพรรคเศรษฐกิจใหม่