JJNY : ตั้งโครงการกว่า 3.1 พันล.│พท.ค้านต่างชาติซื้อที่ดินไทย│ท่อเหล็กจีนทะลักท่วมปท.│ชัชชาติหนักใจปมอุโมงค์บึงหนองบอน

พบ ‘งบกำลังพล’ กินไปเกินครึ่ง ตั้งโครงการไม่เกี่ยวงานทหารกว่า 3.1 พันล้าน-ขอซื้ออาวุธกันทุกเหล่าทัพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3457799
 
 
‘พริษฐ์’ เผย 6 ข้อกังวลงบกลาโหม พบ ‘งบกำลังพล’ กินไปเกินครึ่ง ตั้งโครงการไม่เกี่ยวงานทหารกว่า 3.1 พันล้าน-ขอซื้ออาวุธกันทุกเหล่าทัพ
 
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม ว่า ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ หน่วยงานหลักภายใต้กระทรวงกลาโหม 6 หน่วยงาน คือ 1.สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 2.กองทัพบก 3.กองทัพเรือ 4.กองทัพอากาศ 5. กองบัญชาการกองทัพไทย และ 6.สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จะเข้ามาชี้แจงกมธ. ในปี 2566 กระทรวงกลาโหมได้ของบประมาณทั้งหมด 197,293 ล้านบาท สูงเป็นอันดัน 4 โดยภาพรวมงบประมาณลดลงมา 1.32 % หรือ 2,644 ล้านบาท

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อดูแล้วอาจจะมีความสอดคล้องกับข้อทักท้วงในปีก่อนๆ ถึงความเหมาะสมกับภารกิจในประเทศ แต่เมื่อดูในรายละเอียด ตนมีข้อกังวล 6 ประเด็น คือ 
 
1. งบบุคลากรที่ยังถือว่าค่อนข้างสูง ที่เพิ่มขึ้น 2,404 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนงบของกระทรวงกลาโหมใช้ไปกับบุคลากร 54% เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 5 ปี ทั้งที่ภัยคุกคามในอนาคตอาจจะพึ่งพาบุคลากรน้อยลง เช่น ภัยคุกคามอาวุธนิวเคลียร์ ภัยคุกคามไซเบอร์ ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ หรือภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ ตนจึงจะตั้งคำถามถึงแผนการจัดการบุคลากร และอัตรากำลังพล ว่าคิดจากฐานและกรอบความคิดอะไร 
 
2. การเกณฑ์ทหาร เมื่อดูจาก 5-10 ปีที่ผ่านมายอดกำลังพลที่กองทัพขอประมาณ 90,000-100,000 คน โดยตนจะถามถึงความชัดเจนว่าปีนี้จะเกณฑ์กำลังพลเท่าใด และจะถามถึงงบประมาณที่ต้องใช้เกณฑ์ทหาร ตนคิดว่า การวางกำลังพลเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ ก็ไม่น่าถึงจำนวนที่กองทัพขอ และปัจจุบันทหารเกณฑ์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเลย หากลดยอดกำลังพล และเพิ่มสวัสดิการ จะทำให้ยอดคนสมัครมีมากเพียงพอต่อกำลังพลที่ต้องการ จนนำไปสู่การยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้
 
นายพริษฐ์ กล่าวว่า 
3.ยุทโธปกรณ์ จากข้อมูลเท่าที่ดูได้ กระทรวงกลาโหมของบในส่วนนี้ 12,389 ล้านบาท กระจายไปที่กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองบัญชาการกองทัพไทย ตนจะสอบถามแต่ละหน่วยงานใน 3 ประเด็น คือ 
1) ความเหมาะสมของยุทโธปกรณ์ในแต่ละโครงการว่าจำเป็นเร่งด่วนมากน้อยเพียงใด และใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร 
2) มีแนวทางการทำนโยบาย Defense Offset หรือแนวคิดการนำเข้ายุทโธปกรณ์ ที่วางเงื่อนไขและสัญญาที่จะต้องให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มมูลค่าให้กับประเทศไทย และการโอนถ่ายเทคโนโลยีอย่างไรบ้าง 
และ 3) มีแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์ภายในประเทศ เพียงพอหรือไม่ และมีแผนการลดการนำเข้าจากต่างประเทศหรือไม่ 4.งบวิจัยและพัฒนาของปีนี้ ยังคงต่ำ คืออยู่ที่ 197 ล้านบาท หรือ 0.1% ของงบกระทรวงฯ จึงจะสอบถามว่ากระทรวงฯ มีความจริงจังกับการลงทุนวิจัยและพัฒนามากน้อยเท่าใด และอยากจะถามถึงผลลัพธ์ของงานที่ผ่านมาว่านำไปสู่อะไรบ้าง
 
นายพริษฐ์ กล่าวว่า 5.งบประมาณที่ถูกใช้ไปกับโครงการที่ไม่น่าเป็นพันธกิจหลักของทหาร ที่ของบมา 3,160 ล้านบาท โดยนำไปใช้กับโครงการพัฒนาศักยภาพด้านการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชน ในรายละเอียดจะเป็นโครงการจัดหาแหล่งน้ำของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ตั้งงบ 1,325 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของงบที่กรมทรัพยากรน้ำได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงชนบท การอนุรักษ์ และฟื้นฟูธรรมชาติ จึงสงสัยว่าเหตุใดทหารจึงมาดำเนินการเรื่องเหล่านี้ 

และ 6.งบราชการลับ ที่ตั้งไว้ 470 ล้านบาท กระจายไปทุกเหล่าทัพ จึงต้องสอบถามว่าเหตุผลที่ต้องระบุเป็นงบราชการลับ และแนวทางการเพิ่มความโปร่งใสของการใช้งบ


 
พท.ขอค้านชาวต่างชาติซื้อที่ดินไทย ทำคนในปท.หมดโอกาส
https://www.innnews.co.th/news/news_374731/

เพื่อไทย ขอค้านนโยบายชาวต่างชาติซื้อที่ดินไทยได้ทำคนในประเทศหมดโอกาส ชี้มี80%ที่ยังไม่มีเป็นของตัวเอง บอก”ประยุทธ”บริหารแบบสะเปะสะปะ เศรษฐกิจไทยคงเจ๊งแน่นอน
  
น.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางรัก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ชาวต่างประเทศซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ในจำนวนไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจหรือกิจการประเภทที่กำหนดว่า  พรรคเพื่อไทยขอคัดค้านนโยบายดังกล่าว เพราะคนไทยเองประมาณ 80% ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งหากให้ต่างชาติเข้าซื้อที่ดินได้ ก็จะยิ่งทำให้คนไทยหมดโอกาสที่จะเป็นเจ้าของที่ดินมากขึ้น
 
ดังนั้น ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนไทยไม่มีเงินและไม่มีรายได้ ความเข้มแข็งทางการเงินของคนไทยอ่อนแอ แต่พลเอกประยุทธ์จะอนุญาตให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินไทย จะทำให้คนไทยจำเป็นต้องขายที่ดินให้ต่างชาติในราคาถูกและเสียเปรียบต่างชาติ ดังนั้น เรื่องนี้ควรต้องยกเลิกไป จนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และ รายได้ต่อหัวของคนไทยพุ่งสูงกว่านี้มากค่อยกลับมาคิดกันใหม่ นอกจากนี้ ยังคัดค้านการเก็บภาษีหุ้น เพราะการส่งเสริมตลาดหุ้นให้พัฒนาขึ้นไปยังจำเป็น อีกทั้งยังต้องใช้ตลาดหุ้นในการระดมทุนสำหรับพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่จะต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะต้องเร่งส่งเสริมธุรกิจด้านนี้ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว จะเป็นการสร้างงาน และจะมีการจ้างงานที่มีรายได้สูง ซึ่งจะเพิ่มจีดีพีให้ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว และจะทำให้หนี้ต่างๆของไทยต่อจีดีพีลดลงได้
 
จากความผิดพลาดในตลอด 8 ปีที่ผ่านมา หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีความรู้ และยังบริหารแบบสะเปะสะปะแบบที่เป็นอยู่ เศรษฐกิจไทยคงเจ๊งแน่นอน และจะพังทลายในทุกระดับรายได้ ทั้งนี้ อยากให้มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน และขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆ เพื่อจะได้เข้าไปแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้
 

 
ท่อเหล็กจีนทะลักท่วมประเทศ ร้อง “พาณิชย์” รีดเอดีป้องอุตฯ 6 หมื่นล้าน
https://www.prachachat.net/economy/news-981386

ตลาดท่อเหล็ก 6.6 หมื่นล้านสะเทือน “สินค้าจีน-เกาหลี” ถล่มตลาด ส.ผู้ผลิตท่อโลหะฯ นำทีมร้องพาณิชย์ ทบทวนภาษีเอดี หลังเก็บครบ 5 ปี หวั่นเหล็กนำเข้าผิดมาตรฐานถล่มราคากระทบอุตสาหกรรมภายใน-ผู้ใช้เสียหาย 1.2 หมื่นล้าน ซ้ำเติมวิกฤตโลก
 
นายกวินพัฒน์ นิธิเตชเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ผลิตท่อและแปรรูปเหล็กแผ่น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ซึ่งมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน
 
เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนให้ต่ออายุมาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าท่อเหล็กจากประเทศจีน และเกาหลี รวม 26 รายการ ก่อนที่มาตรการเอดีดังกล่าว ที่ได้เรียกเก็บมาเป็นเวลา 5 ปี จะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาพิจารณาแล้วเสร็จไม่เกิน 9 เดือนนับจากประกาศเปิดทบทวน
 
“ช่วง 1-2 ปีผ่านมามีการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนที่ราคาต่ำกว่าไทยเฉลี่ย 1-1.50 บาท มาจำหน่ายในประเทศ ส่งผลกระทบผู้ประกอบการมาก โดยปกติเราใช้อยู่ประมาณ 150,000 ตันต่อเดือน คิดว่าสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมนี้ประมาณ 20% หรือ 12,000 ล้านบาท”
 
แต่ที่สำคัญ เราเคยซื้อท่อเหล่านั้นมาทดสอบพบว่า คุณภาพมาตรฐานยังต่ำกว่าท่อของไทย เช่น ค่าผิวเคลือบต่างจากท่อที่ไทยผลิตเท่าตัว ย่อมมีผลต่อผู้บริโภคที่ซื้อไปใช้งาน บางรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสเป็ก หรือคุณภาพท่อนั้นเป็นอย่างไร อายุการใช้งานจะสั้นไม่เกิน 2 ปีหากเป็นท่อของไทยอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี ดังนั้นจึงยื่นขอให้คงเอดีไว้ ส่วนสินค้าที่ภายในผลิตไม่ได้ เคยได้รับการยกเว้น เช่น กลุ่มปิโตรเลียม ให้ยกเว้นดังเดิม
 
รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ สมาชิกสมาคมประกอบด้วย บริษัท เอเชีย เมทัล จำกัด (มหาชน) บริษัท บี.เอสเมทัล จำกัด บริษัท คอทโก้เมททอลเวอร์คส จำกัด บริษัท เค แอนด์ เอส สตีลไพพ์ จำกัด และบริษัท สหไทยสตีล ไพพ์ จำกัด (มหาชน) ยื่นให้เปิดไต่สวนเอดีเหล็กนำเข้าจากจีนและเกาหลีเมื่อปี 2558 ซึ่งในครั้งนั้น ทตอ.พิจารณาเรียกเก็บเอดีจากบริษัทจีน 10 ราย ในอัตรา3.22-31.02% ของราคาซีไอเอฟ ส่วนบริษัทอื่นของจีนเก็บในอัตรา 66.01% และเรียกเก็บภาษีเอดีจากบริษัทเกาหลี 4 ราย อัตรา3.49-53.88% ของราคาซีไอเอฟ ตั้งแต่ปี 2560
 
แหล่งข่าวผู้ผลิตท่อเหล็กอีกรายกล่าวว่า หากดูเฉพาะภาพรวมการนำเข้าปีนี้ 5 เดือนแรก ลดลง 16% (ตามกราฟิก) อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าตัวเลขนำเข้าลดลงแล้วไม่ได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรม แต่จริง ๆ แล้วผลจากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ตลาดเหล็กชะลอตัว ตัวเลขนี้ไม่สะท้อนความเป็นจริง
 
และที่สำคัญตอนนี้เขาหันไปหลบเลี่ยงเอดีโดยการผสมส่วนผสมชนิดอื่นนำเข้าเพื่อให้ไม่ถูกเรียกเก็บเอดี
 
“สินค้าเหล็กจีนยังมีความได้เปรียบไทยตั้งแต่มีวัตถุดิบต้นน้ำ มีแร่เหล็ก โครงสร้างการผลิตฮอตโรลคอยด์หรือโคลด์โรลคอยด์ ได้เปรียบเราหมด และยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ราคาจีนกับเราต่างกันถึง 5-10%”
 
หากมีการพิจารณาต่ออายุเอดีจะช่วยให้เอกชนแข่งขันได้และยังช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ผลิตท่อเหล็ก ซึ่งปัจจุบันต่างก็ได้รับผลกระทบจากตลาดเหล็กที่ชะลอตัว การผลิตลดลง ราคาเหล็กในตลาดโลกหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ลดลงมาเหลือ 30 บาทจากตอนที่สั่งซื้อ 40 บาท รายที่มีสต๊อกก็อาจขาดทุนสต๊อกในช่วงไตรมาส 3 นี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่