งบประมาณกลาโหม.....โรงงานเภสัชกรรมทหาร......คิดนอกกรอบ cnck

ใกล้ถึงวันเลือกตั้ง เห็นหลายพรรคมีนโยบายแข่งกันตัดลดงบทหาร หรือ เรียกเป็นทางการคือ งบประมาณกระทรวงกลาโหม

ส่วนตัวคิดว่า งบทหารที่ได้รับถ้าเทียบกับ GDP แล้ว  ยังไม่สูงถ้าเทียบกับประเทศต่างๆในภูมิภาค

แม้แต่เทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลก  แต่.......



งบกระทรวงกลาโหมที่ได้รับในแต่ละปี ก็สมควรมีการปรับปรุงบูรณาการใหม่ให้มีประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

และถ้าปรับปรุงแก้ไขแล้ว บางทีอาจจะพบว่า เราอาจจะต้องเพิ่มงบกลาโหมก็เป็นได้....

ส่วนที่ จขกท คิด บางอย่างอาจจะติดขัดในข้อกฏหมาย ก็ระดมความคิดแก้ไขกฏหมายกันต่อไป

วิธีที่จะปฏิรูปงบประมาณกลาโหม วิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วย คือ ลดจำนวนกำลังพลในกองทัพ

แต่มีอีกหลายๆวิธี หนึ่งในนั้นคือ  สร้างรายได้ให้กับกระทรวงกลาโหม

เมื่อเจาะลึกไปในหน่วยที่ขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหม จะพบว่ามีหลายหน่วยงานที่จะทำรายได้ให้

กับกระทรวง และจะต่อเนื่องเป็นรายได้ของประเทศ ซึ่งในกระทู้นี้ จะกล่าวถึง "โรงงานเภสัชกรรมทหาร"



วันที่ 1 มีนาคม 2562 จขกท เดินทางไปที่โรงงานเภสัชกรรมทหาร ที่ตั้งอยู่ที่ ซอยตรีมิตร แถวกล้วยน้ำไท

เมื่อไปถึงได้พบกับการต้อนรับอย่างดี และได้มีโอกาสสนทนากับ เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้า  ซึ่งได้ให้ข้อมูล

เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เป็นอย่างดี และเมื่อพูดถึงช่องทางที่ประชาชนจะเข้าถึงหน่วยงานนี้ก็ได้รับคำแนะนำ

ที่สร้างความประทับใจให้ จขกท เป็นอย่างมาก

มาถึงผลิตภัณฑ์ของ กรมโรงงานเภสัชกรรมทหาร จะพบว่ามีสินค้าหลายตัวที่มีคุณภาพสูง และ ราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ

ตัวอย่างเช่น





ยาสมุนไพร  เช่น แคปซูลเพชรสังฆาต (แก้ริดสีดวง)  แคปซูลพริกไทดำ (ขับลม เพิ่มการดูดซึมของโภชนาการ)

แคปซูล กระเทียมสกัด (บำรุงร่างกาย)

ยาสามัญประจำบ้าน เช่น  พาราเซตตามอล  A.F balm (ยาหม่อง)   ยาแก้ท้องเสีย  ครีมบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ

Ethanol 70% ใช้ทำความสะอาดแผล  เจลล้างมือ  ผงป้องกันน้ำกัดเท้า

โลชั่นกันยุง 7 ชั่วโมง

ยาเฉพาะโรค (ต้องมีใบสั่งแพทย์ )  ยารักษาเบาหวาน ยาแก้ข้อเสื่อม (อันนี้ทีเด็ด) กลูโคซามีน

เวชสำอางค์   เช่น สบู่ A.F ฟอกทำความสะอาดผิว ระงับเชื้อ แบคทีเรีย


จากการศึกษาพบว่า ในแต่ละปี ตลาดยามีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 1.7 แสนล้านบาท

และมีอัตราโต 1 เท่าตัว ทุกๆ 10 ปี

นั่นหมายความว่า เมื่อถึงปี พ.ศ. 2572 ตลาดยาจะมีมูลค่ารวมโดยประมาณ 3 แสน 4 หมื่นล้านบาท

ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าถึง 70%

แปลว่า ในอนาคตถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ เราจะต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์ยา อย่างน้อย 2 แสน 5 หมื่นล้านบาทต่อปี

แต่ถ้าเราสนับสนุนให้เกิดโรงงานในประเทศ ผลิตยาคุณภาพออกมา เราก็จะลดการนำเข้า ดุลการค้าเราก็จะดีขึ้นโดยปริยาย

และถ้าสามารถทำถึงขั้นส่งออกได้ เราก็จะเปลี่ยนจากการเสียดุลการค้าเกี่ยวกับยา มาเป็นได้ดุลการค้า

ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศเราเป็นอย่างมาก


จากความจำเป็นเบื้องต้นที่กล่าว จขกท จึงเห็นว่า โรงงานเภสัชกรรมทหาร เป็นหนึ่งในคำตอบที่จะแก้ปัญหาการนำเข้ายา

เพียงแต่ติดขัดในเรื่องงบประมาณและงบการวิจัยและพัฒนา

เมื่อเราย้อนไปดูงบที่โรงงานเภสัชกรรมทหารได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล

เราจะพบว่ามันน่าตกใจ !!! กระทรวงกลาโหมที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่างบอุดหนุนในแต่ละปีมีมากมาย

แต่ในส่วนกองทุนหมุนเวียน กลับพบว่า ในรอบ 12 ปี

กระทรวงกลาโหม ได้รับงบกองทุนหมุนเวียนอุดหนุนช่วยเหลือเพียง 191 ล้านบาท จาก 3 หน่วยงาน

โดยเฉพาะ โรงงานเภสัชกรรมทหาร ได้รับงบเพียง 1 ล้านบาท

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ได้รับงบช่วยเหลือจากกองทุนทั้งสิ้นกว่า 1 ล้าน 7 หมื่นล้านบาท

แปลว่า กระทรวงกลาโหมได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนหมุนเวียนน้อยกว่ากระทรวงสาธารณสุข 1 ล้านเท่า


เขียนมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะแย้งว่า หน่วยงานราชการไม่ควรทำอะไรแข่งกับเอกชน

ซึ่งเหตุผลนี้ก็มีส่วนถูก ถ้าเอกชนมีการแข่งขันอย่างยุติธรรม

แต่ทุกวันนี้ เราจะเห็นว่ากิจการที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก

ยักษ์ใหญ่เอกชนไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศก็จะเข้ามาผูกขาด ทำให้ประชาชนตกเป็นเบี้ยล่าง ไม่มีทางเลือก

เพราะฉะนั้นในส่วนความคิดของ จขกท คิดว่าถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานราชการบางหน่วย

จะต้องทำอะไรออกมาแข่งหรือคานอำนาจกับยักษ์ใหญ่เอกชนที่จ้องจะกินรวบ

เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกที่ดีในอนาคต


มาถึงตรงส่วนนี้ บางคนก็อาจจะแย้งว่า ในส่วนของยา เรามีองค์กรเภสัชของกระทรวงสาธารณสุขดูแลอยู่แล้ว

แต่ในส่วนนี้ จขกท คิดว่า องค์กรเภสัชถึงแม้จะทำหน้าที่ได้ดีระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ

อย่าลืมว่า ยา เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์

เพราะฉะนั้น จะต้องทำให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน

อีกอย่าง สิทธิบัตรยาจำนวนมากเริ่มหมดอายุ อีกทั้งพืชบางชนิดซึ่งสมัยก่อนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เช่น กัญชา

ปัจจุบันนี้ถูกนำมาปรับปรุงใช้ในวงการแพทย์ ดังนั้น ยิ่งมีหน่วยงานเข้ามาช่วยมากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น

จากเหตุผลข้างต้น จขกท จึงอยากให้สนับสนุนโรงงานกรมเภสัชกรรมทหาร ทั้งงบประมาณด้านวิจัยและพัฒนา

อีกทั้งอยากให้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของหน่วยงานนี้ เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนในอนาคต

และหวังว่าหน่วยงานนี้จะยืนได้มั่นคง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณประเทศต่อไป

ป.ล เม้นท์ย่อยจะเชิญทุกท่านที่สนใจไปชมนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องนี้

ป.ล 2 ถ้าอยากจะลดงบประมาณจริงๆ ยังมีอีกหลายกระทรวงที่ใช้งบอย่างฟุ่มเฟือย ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน

ป.ล 3 ยังมีผลิตภัณฑ์จากโรงงานเภสัชกรรมทหารอีกหลายชนิดที่จะแนะนำ

ป.ล 4 กระทู้นี้แนะนำหน่วยงานให้รู้จัก สมาชิกคนใดสนใจอยากติดต่อ

สามารถติดต่อหน่วยงานนี้ได้ทางเวป จขกท ไม่รับเป็นตัวกลางติดต่อให้

cnck
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่