JJNY : ตัดงบกลาโหม ขยายโรงงานยา│ณัฐชา ติง พม.จัดงบ│สุดทน! ปลูกกัญชาใกล้รร.อนุบาล│เซเลนสกีสั่งสอบเหตุขีปนาวุธโจมตีเมือง

ส.ส.ประชาชน ลุกตัดงบกลาโหม ขยายโรงงานยา ข้องใจผลิตซูโดฯ สารตั้งต้นยาเสพติด-ซีกรบ.แจงยิบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4771860
 
 
ปชน.ข้องใจภารกิจกองทัพผลิตยา จวกผลิตซูโดฯ ไม่โปร่งใสเหตุทั่วโลกไม่ผลิตแล้ว ฟาก กมธ.เสียงข้างมากแจงจ้างเอกชนผลิตไม่ได้ สวนกลับอย่ามโนมียาเสพติดเพราะทหารผลิตยา

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ปรับลด 7,824,398,500 บาท โดยเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตรานั้น
 
โดย น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม ว่า ขอตั้งข้อสังเกตการผลิตยาของโรงงานเภสัชกรรมทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ผลิตยาอันตราย 2 ตัวคือ 

1. อัลปราโซแลม หรือยาเสียตัว ใช้รักษาโรควิตกกังวล ชนิดออกฤทธิ์สั้น ทำให้ผู้ทานหลับเร็ว จำเหตุการณ์ 1-2 ชั่วโมงระหว่างกินยาไม่ได้ เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพนำไปก่อเหตุได้ เหตุใดโรงงานเภสัชกรรมทหารผลิตยาตัวนี้ ทั้งที่มียาคลายกังวลชนิดอื่นที่คลายกังวลได้ดีกว่า ใช้ทางการแพทย์บ่อยกว่า 

2. ซูโดอีเฟดรีน เป็นส่วนผสมยาแก้แพ้ ระยะหลังยาชนิดนี้ไม่มีขายตามตลาดแล้ว เพราะเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้า ยาไอซ์ ทั่วโลกเลิกผลิตแล้ว ยังเหลือผลิตที่โรงงานเภสัชกรรมทหารที่เดียวในประเทศ สะท้อนมีเรื่องน่าสงสัย ไม่โปร่งใสในการผลิตยาที่โรงงานนี้
 
ล่าสุดงบรายจ่ายปี 2568 ของบประมาณเตรียมก่อสร้างโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ของกองทัพ ที่ จ.ราชบุรี วงเงิน 938 ล้านบาท พื้นที่ใหญ่ขึ้นเท่าตัว ทั้งที่โรงงานเก่าก็ยังผลิตอยู่ ทำให้มีกำลังผลิตมากขึ้น 3.3 เท่าตัว จากผลิตยา 180 ล้านเม็ดต่อปี เป็น 600 ล้านเม็ดต่อปี ทหารมีอาการเป็นหวัด คัดจมูกเพิ่มขึ้นถึงขนาดนั้นหรือ โรงงานเดิมผลิตยาได้กำไรปีละ 3-5 ล้านบาทต่อปี แต่โรงงานใหม่จะได้กำไร 50 ล้านบาทต่อปี คำนวณจากอะไรหรือมียาออเดอร์ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นขอตัดงบประมาณสร้างโรงงานใหม่นี้ทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นต้องขยายโรงงานเภสัชกรรมทหาร ความต้องการใช้ยาไม่เพิ่ม มีหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพปลอดภัยกว่าทำได้อยู่แล้ว การผลิตยาไม่ใช่ภารกิจหลักกองทัพ ให้องค์กรเภสัชกรรมผลิตแทนได้
 
ด้าน นายพัฒนา สัพโส ฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมากฯ ชี้แจงว่า ที่เพื่อนสมาชิกถามว่า ทำไมกระทรวงกลาโหมต้องมีโรงงานผลิตยาเป็นของตัวเอง ขอชี้แจงเหตุผลความจำเป็น คือเรื่องด้านความมั่นคง การป้องกันประเทศ การพึ่งพาตนเองด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อสนับสนุนกองทัพ ประเทศชาติและประชาชนในยามปกติและสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่ปกติในอนาคตที่เกี่ยวกับเรื่องยา
 
ส่วนโรงงานผลิตยาเดิมที่ได้ดำเนินการมา มีวิธีการบริหารอย่างไรนั้น ขอชี้แจงว่าการบริหารจัดการด้านการศึกษา ค้นคว้า วิจัย เตรียมผลิตยาและเวชภัณฑ์ทางการทหารที่จำเป็นในภาวะฉุกเฉิน การรับจ้างผลิต การจำหน่าย การจัดหาเวชภัณฑ์สนับสนุนกองทัพ และหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหม หน่วยงานอื่นและภาคประชาชนทั่วไป ส่วนเรื่องผลกำไรนั้น ขอชี้แจงว่าโรงงานเภสัชกรรมทหารเราไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร และเรามีการศึกษาวิจัยค้นคว้าผลิตยาสามัญ เราผลิตที่ใช้สำหรับกระทรวงกลาโหม
 
นายพัฒนาชี้แจงว่า ที่สำคัญที่สุดโรงงานเภสัชกรรมทหารผลิตยาที่เอกชนไม่ผลิต เช่น ยาทากันยุง ผงโรยตัว ผงโรยเท้า ยาฉีดต้านพิษเคมีชีวะ สีพรางบุคคล เป็นต้น ส่วนที่เพื่อนสมาชิกพูดถึงยาซูโดฯ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด ซึ่งเราจะให้เอกชนผลิตไม่ได้ เราต้องควบคุม ดังนั้น ต้องเป็นโรงงานเภสัชกรรมทหารเท่านั้น ถ้าให้เอกชนผลิตท่านก็รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร ยิ่งเป็นปัญหา บางคนอาจเคลือบแคลงว่าที่ยาเสพติดมีอยู่เพราะทหารผลิตยา ถือเป็นจินตนาการ เป็นมโน แต่ถ้าเอกชนผลิตยิ่งเป็นปัญหากับสังคมมากกว่านี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องมีโรงงานผลิตยาของเภสัชกรรมทหาร
นาบพัฒนาชี้แจงอีกว่า ส่วนที่มีคำถามว่ายาที่ผลิตนั้นเป็นยาชนิดใด ต้องควบคุมหรือไม่ เอกชนสามารถทำได้หรือไม่อย่างไรนั้น รายการที่โรงงานเภสัชกรรมทหารผลิต ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายยาที่จำเป็นตามบัญชียาหลักแห่งชาติ จำนวน 60 รายการ การผลิตยาและเวชภัณฑ์ทางทหาร 8 รายการ การผลิตยาที่มีผู้ผลิตในประเทศน้อยรายและยากำพร้า จำนวน 5 รายการ การผลิตยาและเวชภัณฑ์ภาวะวิกฤตต่างๆ เช่น สถานการณ์โควิด 19 และการรับจ้างผลิตยาให้กับหน่วยงานต่างๆ เช่น คณะกรรมการอาหารและยา จำนวน 3 รายการ



ณัฐชา ติง พม.จัดงบตกหล่นคนทุกช่วงวัย ชี้แม้แต่ดวงวิญญาณยังไม่ได้เงินค่าทำศพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4772058

ณัฐชา ติง พม.จัดงบตกหล่นคนทุกช่วงวัย ชี้แม้แต่ดวงวิญญาณยังไม่ได้เงินค่าทำศพ
 
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ปรับลด 7,824,398,500 บาท โดยเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตรานั้น

จากนั้นเวลา 20.32 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 12 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ 
ส.ส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า สำหรับงบประมาณสวัสดิการจำแนกตามช่วงวัยที่ พม.ดูแลของปี 2567 ตกหล่นทุกช่วงวัย เมื่อดูงบประมาณรายกรมของปี 2568 แทบไม่แตกต่าง วันนี้ประเทศไทยลงทุนให้เด็กเพียง 0.25% ของจีดีพี ถ้าตัดเงินเด็กแรกเกิดตั้งแต่ศูนย์ถึงหกขวบออกไป 0.07% เหลือเงินลงทุนในเด็กเพียงแค่ 0.18% ของจีดีพี ซึ่งเราลงทุนในเด็กน้อยมาก ขณะที่เงินผู้สูงอายุก็ไม่เพียงพอ ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ได้ตั้งคณะกรรมการฯ และมีมติออกมาแล้วว่าจะเพิ่มเงินผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็น 1,000 บาท แต่ในงบประมาณ รายจ่ายต่างๆ ก็ไม่ปรากฏทั้งในงบ อปท.และงบอุดหนุน
 
ในส่วนของกรมกิจการผู้สูงอายุ อีกส่วนที่ตกหล่น เป็นเรื่องน่าเศร้าและเป็นเครื่องการันตีว่าสวัสดิการตกหล่นตั้งแต่เกิดจนตาย คือเงินทำศพ 3000 บาท ปีนี้มีการอนุมัติวงเงินงบประมาณ 461.7 ล้านบาท สามารถจ่ายให้กับศพได้กว่า 1.57 แสนราย และยังมีดวงวิญญาณตกหล่นที่ยังไม่ได้เงินอีก 1.38 แสนราย ใช้เงินอีก 416 ล้านบาท หมายความว่าเรากำลังอนุมัติงบประมาณที่ผิดฝา ผิดตัว ผิดจุด
 
นายณัฐชา อภิปรายอีกว่า ในส่วนของงบประมาณที่ตกหล่นทุกช่วงวัย เพราะตกหล่นตั้งแต่แรกเกิดเด็กประมาณ 9 แสนกว่าคนตกหล่น วัยเรียนอีก 1 ล้านกว่าคนหลุดออกจากการศึกษา ผู้สูงอายุไม่ตกหล่นเชิงปริมาณก็ตกหล่นเชิงคุณภาพ เมื่อไปถึงเป็นศพแล้วยังตกหล่นเป็นตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ แล้วปีหน้าก็คาดว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อ เราจะเอาอย่างไรกับการบริหารจัดงานงบประมาณของ พม.ที่ไม่ถูกจุด จึงต้องขอตัดลดงบประมาณของ พม.
จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากด้วยคะแนน 288 ต่อ 147 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2



ครู-ผู้ปกครองสุดทน! ปลูกกัญชาใกล้รร.อนุบาลกลิ่นโชย เด็กเจ็บป่วยจนต้องหยุดเรียน
https://www.dailynews.co.th/news/3824355/

เจ้าของโรงเรียนอนุบาลร้องได้รับผลกระทบจากโรงปลูกกัญชา ต้นกำลังโตส่งกลิ่นโชย เด็กๆ ที่มาโรงเรียนได้รับผลกระทบหนักมีอาการเจ็บป่วย ผู้ปกครองต้องให้ลูกหลานหยุดเรียน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขด่วน

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในจ.มุกดาหาร หลังได้รับการร้องเรียนจากครูและผู้ปกครอง ว่ามีการปลูกกัญชาอยู่บนดาดฟ้าตึก 4 ชั้นใกล้โรงเรียน ที่ผ่านมาประชาชนบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบทางกลิ่นของต้นกัญชามาอย่างต่อเนื่อง
 
ผู้จัดการโรงเรียนอนุบาล เปิดเผยว่า โรงเรียนอนุบาลก่อตั้งมา 20 ปี ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองที่เอาลูกหลานมาฝาก ปัจจุบันที่ผ่านมาเดือนกว่า ได้รับปัญหาที่สุดคือ กลิ่นกัญชาที่โชยมาจากตึกที่อยู่ติดกับโรงเรียน และผู้ปกครองหลายท่านที่มาส่งบุตรหลานก็รับรู้ได้เช่นเดียวกัน นี่คือกลิ่นของกัญชา อยากจะขอผู้รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานจากภาครัฐให้ลงมาดูเพราะที่สำคัญคือสุขภาพเด็ก เขาต้องมาอยู่ในโรงเรียนวันละ 8 ชั่วโมง ถามว่าได้รับกลิ่นนี้ทุก ๆ วันสะสมในร่างกายอันตรายที่สุด
 
ด้านนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ปรากฎว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดจึงได้ติดต่อเจ้าของกัญชาที่ได้รับอนุญาตก็ได้เข้าไปดูแปลงปลูกในตึก 3 ชั้น และได้ดูเอกสารในการจดแจ้งขออนุญาต ปรากฏว่าเอกสารทุกอย่างถูกต้อง ต้นกัญชาอยู่ระดับเอว ความสูงประมาณ 1 เมตร ได้ออกดอกเริ่มให้ผลผลิต และกลิ่นก็เริ่มขึ้นมา

ทางเทศบาลสามารถทำได้ในส่วนของการร้องเรียนเรื่องก่อความเดือดร้อนรำคาญเท่านั้น อยากฝากคนที่ออกใบอนุญาต ปัญหาเกิดแล้วเห็นแล้วก็ควรพิจารณาเพิกถอน หรือให้หยุดประกอบกิจการ หรือย้ายออกไป เพราะกัญชามันโตขึ้นทุกวัน และยิ่งโตยิ่งออกดอกเมื่อไหร่ กลิ่นยิ่งมากเท่านั้น ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเรื่องนี้กระทบสิทธิเด็ก กฎหมายคุ้มครองเด็ก ให้เคลื่อนย้ายออกไว ๆ

ล่าสุด ผู้ปกครอง นักเรียนโรงเรียนอนุบาลได้แจ้งขอลาหยุดเรียนของลูกหลาน เพราะห่วงสุขภาพของลูกหลานที่มาดมกลิ่นกัญชาทุกวัน เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย และผลข้างเคียงของเด็ก ๆ ซึ่งทุกคนยังรอคอยการแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่