แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ถือเป็นหนึ่งในศิลปิน นักร้องเพลง นักแต่งเพลง ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าสิบปี เขาได้ผลิตผลงานออกมาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะเพลงฮิตติดหูมากมาย อีกทั้งเขายังได้รับเลือกเป็นโค้ชในรายการเพลงดัง The Voice Thailand ในปี 2555 นั่นทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ดีนอกเหนือจากชีวิตในวงการบันเทิงแล้ว ในอีกมุมหนึ่ง แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ยังก้าวสู่แวดวงธุรกิจ โดยเขาได้ก่อตั้งค่ายเพลงเล็ก ๆ ของตัวเองชื่อ 12sumrecords (หนึ่งสองซั่ม เรคคอร์ดส์) รวมทั้งยังได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง TOY'S FACTORY ของญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญกับการขยายตลาดเพลงไปยังต่างประเทศ โดยมีผลงานเพลงภาษาอังกฤษและอัลบั้มเต็มชื่อ EKAMAI DREAM 1 ออกมาสู่ตลาดต่างประเทศด้วย
นอกจากธุรกิจค่ายเพลงแล้ว แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ยังตั้งบริษัทขึ้นมาหนึ่งแห่ง เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายลิขสิทธิ์เพลง ภายใต้ชื่อ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด โดยตัวของเขาเองมีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ผ่านระบบการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ Creden Data จากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ ณ 19 มกราคม 2568 พบข้อมูลที่น่าสนใจของบริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัดดังนี้
บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 12 พฤษภาคม 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ถือเป้นบริษัทขนาดเล็ก แจ้งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสิทธิในการผลิตซ้ำดนตรีเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจำหน่ายลิขสิทธิ์เพลง ผลิตดนตรีประกอบสื่อโฆษณาให้คำปรึกษาด้านการแสดงและการร้องเพลงและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีกรรมการ 2 คน คือ น.ส.จีริสุดา ศรีวัฒน์ และ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข
ส่วนโครงสร้างการถือหุ้นของ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด มีด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย จีริสุดา ศรีวัฒน์ ถือหุ้นใหญ่สุดในสัดส่วน 98% จำนวน 9,800 หุ้น รองลงมาคือ อติลาภินี สดเอี่ยม และ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วน 1% จำนวน 100 หุ้น
ขณะที่ข้อมูลด้านการเงิน พบว่า บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ที่มีแสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข เป็นหนึ่งในกรรมการ แจ้งข้อมูลงบการเงินล่าสุดในปี 2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 56.67 ล้านบาท หนี้สินรวม 5.04 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 22.32 ล้านบาท รายจ่ายรวม 12.02 ล้านบาท และมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 8.26 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบข้อมูลเฉพาะด้านรายได้รวม พบว่า บริษัทมีรายได้ในระดับ 20 ล้านบาท มาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2562-2563 โดยในปี 2562 มีรายได้รวม 27.34 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้รวม 21.94 ล้านบาท ก่อนจะมีรายได้ลดลงในปี 2564 เหลือ 8.11 ล้านบาท แต่ต่อมาในปี 2565 บริษัท กลับมามีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 20.75 ล้านบาท และ 22.32 ล้านบาทในปี 2566
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วง 5 ปี พบว่า บริษัท มีกำไรสุทธิมาต่อเนื่อง และขาดทุนสุทธิเพียงแค่ปีเดียว โดยในปี 2562-2563 มีกำไรสุทธิ 9.88 ล้านบาท และ 7.62 ล้านบาท ตามลำดับ ก่อนจะขาดทุน 1.56 ล้านบาทในปี 2564 และพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 2565 จำนวน 6.87 ล้านบาท และมีกำไรโตต่อเนื่องในปี 2566 อยู่ที่ 8.26 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในข้อมูลเชิงลึกสะสมปี 2557-2566 (รวม 10 ปี) บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด มีรายได้รวมสะสมกว่า 214.08 ล้านบาท และยังเคยเป็นผู้รับงานภาครัฐ 1 โครงการ คืองานจ้างออกแบบและสร้างสรรค์เนื้อร้องและทำนองเพลงเพื่อรณรงค์สื่อสาร โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มูลค่า 5 แสนบาท ในปี 2563 อีกด้วย
ฐานเศรษฐกิจยังตรวจสอบข้อมูลพบด้วยว่า นอกจากบริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ที่แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นั่งเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งบริษัทที่แสตมป์ อภิวัชร์ เป็นผู้ถือหุ้นด้วย คือ บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสิทธิในการผลิตซ้ำดนตรีเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บค่าสิทธิ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนในงานดนตรีกรรม ซึ่ง แสตมป์ อภิวัชร์ ถือหุ้นอันดับที่ 748 จำนวน 1 หุ้น
ธุรกิจ “แสตมป์ อภิวัชร์” ไม่ธรรมดา รายได้สะสมกว่า 214 ล้าน
แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ถือเป็นหนึ่งในศิลปิน นักร้องเพลง นักแต่งเพลง ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าสิบปี เขาได้ผลิตผลงานออกมาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะเพลงฮิตติดหูมากมาย อีกทั้งเขายังได้รับเลือกเป็นโค้ชในรายการเพลงดัง The Voice Thailand ในปี 2555 นั่นทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ดีนอกเหนือจากชีวิตในวงการบันเทิงแล้ว ในอีกมุมหนึ่ง แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ยังก้าวสู่แวดวงธุรกิจ โดยเขาได้ก่อตั้งค่ายเพลงเล็ก ๆ ของตัวเองชื่อ 12sumrecords (หนึ่งสองซั่ม เรคคอร์ดส์) รวมทั้งยังได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง TOY'S FACTORY ของญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญกับการขยายตลาดเพลงไปยังต่างประเทศ โดยมีผลงานเพลงภาษาอังกฤษและอัลบั้มเต็มชื่อ EKAMAI DREAM 1 ออกมาสู่ตลาดต่างประเทศด้วย
นอกจากธุรกิจค่ายเพลงแล้ว แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ยังตั้งบริษัทขึ้นมาหนึ่งแห่ง เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายลิขสิทธิ์เพลง ภายใต้ชื่อ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด โดยตัวของเขาเองมีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ผ่านระบบการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ Creden Data จากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ ณ 19 มกราคม 2568 พบข้อมูลที่น่าสนใจของบริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัดดังนี้
บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 12 พฤษภาคม 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ถือเป้นบริษัทขนาดเล็ก แจ้งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสิทธิในการผลิตซ้ำดนตรีเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจำหน่ายลิขสิทธิ์เพลง ผลิตดนตรีประกอบสื่อโฆษณาให้คำปรึกษาด้านการแสดงและการร้องเพลงและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีกรรมการ 2 คน คือ น.ส.จีริสุดา ศรีวัฒน์ และ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข
ส่วนโครงสร้างการถือหุ้นของ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด มีด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย จีริสุดา ศรีวัฒน์ ถือหุ้นใหญ่สุดในสัดส่วน 98% จำนวน 9,800 หุ้น รองลงมาคือ อติลาภินี สดเอี่ยม และ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วน 1% จำนวน 100 หุ้น
ขณะที่ข้อมูลด้านการเงิน พบว่า บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ที่มีแสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข เป็นหนึ่งในกรรมการ แจ้งข้อมูลงบการเงินล่าสุดในปี 2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 56.67 ล้านบาท หนี้สินรวม 5.04 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 22.32 ล้านบาท รายจ่ายรวม 12.02 ล้านบาท และมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 8.26 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบข้อมูลเฉพาะด้านรายได้รวม พบว่า บริษัทมีรายได้ในระดับ 20 ล้านบาท มาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2562-2563 โดยในปี 2562 มีรายได้รวม 27.34 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้รวม 21.94 ล้านบาท ก่อนจะมีรายได้ลดลงในปี 2564 เหลือ 8.11 ล้านบาท แต่ต่อมาในปี 2565 บริษัท กลับมามีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 20.75 ล้านบาท และ 22.32 ล้านบาทในปี 2566
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วง 5 ปี พบว่า บริษัท มีกำไรสุทธิมาต่อเนื่อง และขาดทุนสุทธิเพียงแค่ปีเดียว โดยในปี 2562-2563 มีกำไรสุทธิ 9.88 ล้านบาท และ 7.62 ล้านบาท ตามลำดับ ก่อนจะขาดทุน 1.56 ล้านบาทในปี 2564 และพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 2565 จำนวน 6.87 ล้านบาท และมีกำไรโตต่อเนื่องในปี 2566 อยู่ที่ 8.26 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในข้อมูลเชิงลึกสะสมปี 2557-2566 (รวม 10 ปี) บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด มีรายได้รวมสะสมกว่า 214.08 ล้านบาท และยังเคยเป็นผู้รับงานภาครัฐ 1 โครงการ คืองานจ้างออกแบบและสร้างสรรค์เนื้อร้องและทำนองเพลงเพื่อรณรงค์สื่อสาร โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มูลค่า 5 แสนบาท ในปี 2563 อีกด้วย
ฐานเศรษฐกิจยังตรวจสอบข้อมูลพบด้วยว่า นอกจากบริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ที่แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นั่งเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งบริษัทที่แสตมป์ อภิวัชร์ เป็นผู้ถือหุ้นด้วย คือ บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสิทธิในการผลิตซ้ำดนตรีเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บค่าสิทธิ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนในงานดนตรีกรรม ซึ่ง แสตมป์ อภิวัชร์ ถือหุ้นอันดับที่ 748 จำนวน 1 หุ้น