Ghost World บทที่ 3 - Stop! (1)

กระทู้สนทนา
Ghost World บทที่ 1 - Underground https://ppantip.com/topic/41470201
Ghost World บทที่ 2 - The Feeling https://ppantip.com/topic/41479766
          
  3
Stop! (1)
 
 

 

            เสียงฟ้าร้องและฝน ทั้งความชื้นที่แผ่เข้ามาในห้องกระทบผิวกายทำให้พันตำรวจโท วรวุธรู้สึกตัว ก่อนลืมตาก็พบว่าฝนกำลังตกอย่างหนักในเวลากลางคืน อาจมองไม่เห็นเม็ดฝนเท่ากลางวัน แต่ฟ้าเป็นสีแดง หน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่ เขาลืมปิดเพราะไม่นึกว่าฝนจะตก ดังนั้นจึงลุกออกจากเตียงไปเลื่อนปิด อย่างไรก็ตาม เขาพบเด็กสาวคนเดิมที่เคยพบ เธอนั่งกอดเขาพิงหน้าต่างอยู่ด้านนอก ใบหน้าของเธอแทบจะซุกติดกับเข่า 
            
          “ปีโป้” นายตำรวจจดจำชื่อเธอได้แม่นยำ ปีโป้ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้าของเธอไม่ดีนัก 
          
         “เป็นอะไร ทำไมมานั่งตรงนี้” พันตำรวจโท วรวุธอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ “เข้ามาข้างในก่อนเถอะน้อง”
            
          ปีโป้ส่ายหัว เธอเอาหน้าฟุบกับเข่าต่อไป นายตำรวจเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขาโน้มตัวลง เอามือแตะไหล่เด็กสาว 
            
          “น้อง” เขาพยายามเรียก “ทำไมนั่งแบบนี้ ใครทำอะไรเธอหรือเปล่า” แต่เด็กสาวก็ยังไม่ตอบ 
            
          “บอกพี่หน่อยเถอะ” เขาอยากรู้จริง ๆ 
            
          ปีโป้เงยหน้าขึ้น เธอหันหน้าไปมองเขา “พี่คนนั้น ยังอยู่” ปีโป้พูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า 
            
          “อยู่ไหน” 
            
          “พี่อย่าไป” ปีโป้เอามือเกาะแขนเขาไว้ “อย่าไปหาเธอ” แต่เขาดึงมือเธอออก 
           
           “ปีโป้ บอกพี่มา เค้าอยู่ไหน” ในขณะนั้น มีบางสิ่งที่ตกลงมาผ่านหน้าพวกเขา มันเป็นรองเท้าส้นสูงที่หล่นลงมาจากชั้นบน พันตำรวจโท วรวุธเดินออกจากตรงนั้น แม้ว่าปีโป้จะห้ามทัดทานไว้แต่ไม่มีผล เขาเปิดประตูออกจากห้อง เดินตามทางถึงห้องริมสุด ตรงข้ามห้องเป็นบันไดขึ้นไปชั้นบน เขาเดินตามทางไป จนสุดขั้นแล้วเปิดประตู เป็นชั้นดาดฟ้า รอบ ๆ มีแต่ตึกสูง เฉิดฉายด้วยแสงไฟสดใสหลากหลาย ฝนยังตกกระหน่ำลงมา พันตำรวจโท วรวุธเปียกไปทั้งตัว พูดตรง ๆ ว่า เขาไม่ได้ใส่ใจกับฝนเลย สายตาของเขาจับจ้องแต่หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า เธอสวมชุดราตรีสีดำ นั่งห้อยขาอยู่ริมดาดฟ้า ใต้เงาของแสงไฟ อาบชโลมตัวเธอ 
            
          “บีบี” นายตำรวจเดินเข้าหาใกล้ ๆ 
            
          “อย่าเข้ามา” บีบีตะโกน “ไม่งั้นหนูจะโดด” 
            
          “อย่าคิดอะไรตื้น ๆ แบบนั้นนะ” เขาหยุดเดิน “รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่” 
            
          “พี่ก็เอาแต่ถามแบบนี้” เธอสวนกลับ “พี่เคยสอนตัวเองบ้างไหม เคยคิดโทษตัวเองบ้างไหม” 
            
          เขาต้องพูดเสียงดังสู้กับสายฝน “ทำไมจะไม่คิด พี่คิดมาตลอด พี่ไม่เคยให้อภัยตัวเองได้เลย”
            
          “แล้วไง” น้ำเสียงของบีบีดูประชดประชัน เธอหันหน้ามาสบตากับวรวุธ ดวงตาของเธอดูสิ้นหวัง “มันสายเกินไปแล้วหรือเปล่า ที่พี่จะคิดโทษตัวเองตอนนี้” 
            
          “แล้วจะให้พี่ทำยังไงอ่ะ” คำพูดของเขาเจือโทสะ “สำหรับเธอ แค่พี่หายใจมันก็ผิด จะต้องให้พี่ทำยังไงเธอถึงจะพอใจ” 
            
          “สุดท้ายพี่ยิ้มก็ไม่เคยสำนึกได้สักที เลวทรามจนมองไม่เห็นอะไร” คำพูดของบีบีไม่ได้ยั่วยุเขาเลยแม้แต่น้อย เขาฟังมันผ่านทะลุหู 
            
          “เด็กนั่นคงเป็นของเล่นใหม่ของพี่ใช่ไหมคะ” 
            
          พันตำรวจโท วรวุธส่ายหน้า “ของเล่นอะไร” เขาอธิบาย “พี่ไม่เคยรู้จักเด็กคนนั้นเลย ให้ตายเหอะ”
            
          “อย่ามาโกหกหนู” บีบีชี้หน้า “มันเข้ามาเพื่อให้หนูหายไปจากพี่” 
            
          “บีบี” เขาตะโกน “เด็กคนนั้นมันเพิ่งอายุสิบห้าเองนะ รุ่นลูกพี่ด้วยซ้ำ” เขาผิดหวังที่หญิงสาวไม่เคยเข้าใจอะไรเลย วรวุธก้าวเข้าใกล้เธอเรื่อย ๆ  
            
         “อย่าคิดว่ามันจะหายไปจากตัวพี่ง่าย ๆ มันจะอยู่กับพี่จนวันตาย”
            
          วรวุธไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรและยังไม่ทันเข้าใจ บีบีกระโดดลงจากตึก เขารุดไปช่วยเธอไม่ทัน 

          พันตำรวจโท วรวุธร้องโหยหวน เรียกชื่อเธอด้วยความทุกข์ทรมาน 

 
            นายตำรวจตื่นขึ้นกลางอากาศตอนบ่ายที่ร้อนอบอ้าว เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ อีกครั้งหนึ่งที่เขาฝันถึงบีบี มันเป็นฝันร้ายที่กัดกินอยู่ร่ำไป จะว่าชินชาก็คงไม่อาจพูดได้ เพราะทุกครั้งที่เขาฝันถึงเธอ มันทำให้เขารู้สึกสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ 

          เขาทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตที่จดไว้ติดตัวไปด้วย สำรวจบ้านทุกอย่างเรียบร้อย ล็อคประตูบ้าน แล้วหยิบกุญแจรถ เขาเดินทางออกจากบ้านเวลาแปดโมงตรง แวะเติมน้ำมันในปั๊ม เขาต้องหยิบหัวจ่ายออกมาเติมเอง จากนั้นเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ มีคนนั่งคนเดียว ไม่มีคนคอยบริการอีกแล้ว พันตำรวจโท วรวุธแวะกินข้าวข้างทาง ในช่วงบ่ายพอจะมีร้านอาหารเปิดแบบใส่กล่องอยู่บ้าง แต่นับวันก็ลดลงไปเรื่อย ๆ เขาสั่งข้าวใส่กล่องขึ้นมากินบนรถ ก่อนจะขับรถออกนอกกรุงเทพไปจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อออกตามหาสมาชิกของวงทไวไลท์ที่อาจจะยังอยู่ 

          นับว่าโชคดีของเขา ที่จังหวัดฉะเชิงเทรายังอยู่ในเขตการปกครองของรัฐบาล หากบ้านของเธอคนนี้อยู่ไกลกว่านั้นอีกห้าสิบหรือร้อยกิโลเมตร เขาคงจะออกค้นหาเธอไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นเขตของกลุ่มอนาคิสต์ พวกมันจะตัดคอเขาทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น พันตำรวจโท วรวุธใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงอำเภอบางคล้า บ้านของเธออยู่ห่างจากตลาดเก่าไปประมาณห้านาที เมื่อไปถึง เขาจอดรถเยื้อง ๆ บ้าน ก่อนจะออกจากรถ เขาแต่งตัวนอกเครื่องแบบเพราะไม่อยากให้ดูโดดเด่น 

          เมื่อยื่นอยู่หน้าประตูรั้ว นายตำรวจกดกริ่ง มีผู้หญิง อายุราวห้าสิบเดินออกมาจากบ้าน 
            
          “มีอะไรหรือคะ” 
            
          “เอ่อ” นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับตัวเขาจริง ๆ พันตำรวจโท วรวุธไม่ได้ตระเตรียมอะไร กระทั่งคำพูดก่อนออกเดินทางเลย “ผมอยากพบใบหม่อนครับ”
            
          “ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่รู้จักคนชื่อนี้ คุณคงมาผิดบ้านแล้วล่ะ” 
            
          “แต่ผมรู้จักชื่อเล่นของคุณแม่ครับ คุณโบ” 

          “คุณ...” เธอพยายามนึกว่า เขาเป็นใครหรืออาจเป็นคนรู้จักกันหรือไม่ 

          “ผมชื่อหมูครับ เป็นตำรวจอยู่นครบาล” เขาแนะนำตัว “ผมรู้แค่ว่าบ้านของใบหม่อน ลูกสาวของคุณอยู่ที่นี่ แต่ผมไม่รู้ว่าเธอ...(เขาอ้ำอึ้ง) อยู่ที่นี่หรือเปล่า” การแนะนำตัวของเขาทำให้โบตกใจอย่างมาก 
            
          “เอ่อ...” นายตำรวจรีบยกมือขึ้น “ผมไม่ได้จะมาจับใครในบ้านนี้นะครับ ผมแค่อยากคุยกับเธอ ถ้าน้องใบหม่อนอยู่...เรื่องปีโป้”

          แม่ของใบหม่อนไม่พูดอะไร เธอพยักหน้าก่อนเลื่อนประตูรั้ว “แต่ฉันไม่รับปากนะคะว่าเธอจะยอมออกมาพบกับคุณไหม” ม่านตาของนายตำรวจขยาย ใบหม่อนยังมีชีวิตอยู่  

          “เธอไม่ได้ออกจากห้องนอนหลายเดือนแล้ว” สีหน้าของโบดูอมทุกข์เมื่อพูดถึง 
            
          บ้านของใบหม่อนเป็นบ้านหลังเก่า ชั้นเดียว ดูเรียบง่าย คล้ายกับบ้านสมัยที่ปลูกตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๒๐ ภายในปูพื้นด้วยไม้ปาเก้ที่เคลือบกันน้ำและปลวกอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็ดูเก่ากับยุคสมัย มีแค่โทรทัศน์และเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ยังใหม่อยู่ 
            
          “สวัสดีครับ” พันตำรวจโท วรวุธเจอะชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในบ้าน เขายกมือไหว้ ชายคนนั้นยิ้มมุมปาก 
            
          “เชิญนั่งก่อนค่ะ” โบยืนข้าง ๆ สามี “เขามาพบใบหม่อนน่ะ เรื่องปีโป้” 
            
          “อ๋อ” ท่าทีของเขาผ่อนคลายลงเมื่อทราบเหตุผล “ต้องลองดูนะ ว่าน้องเค้าจะยอมเจอไหม”
            
          “ครับ” วรวุธตอบรับพร้อมพยักหน้า 
            
          “รับน้ำไหมคะ” แม่ของใบหม่อนหันหน้ามาถาม 
             
          “ไม่เป็นไรครับ ผมเพิ่งดื่มมา”
            
          “งั้น เดี๋ยวฉันลองไปเรียกดูก่อนนะคะ” นายตำรวจพยักหน้าพร้อมขอบคุณ เธอเดินไป พันตำรวจโท วรวุธรอประมาณห้านาที โบเดินกลับมาตัวเปล่า 
            
          “ใบหม่อนไม่ตอบอะไรฉันเลย ดูแล้วน่าจะไม่อยากพบคุณจริง ๆ”
            
          นายตำรวจได้ฟังดังนั้น เขาหยุดคิดพักหนึ่ง ก่อนจะบอกกับแม่ของเธอว่า “ถ้าเป็นไปได้ ผมขอเดินไปหาเธอหน้าห้องได้ไหมครับ” เขาอธิบายต่อ “ไม่ต้องเจอหน้ากันก็ได้ แค่อยากคุย” พวกเขามองหน้ากันไปมา ก่อนที่โบจะพยักหน้า 

          “ห้องนอนของเธออยู่ด้านหลังของบ้านนะคะ”

          “ครับ”

          นายตำรวจลองเดินไปถึงหน้าห้องนอนของเธอและเคาะประตู 
         
         “น้องใบหม่อนครับ พี่ชื่อพี่หมูนะ พี่อยากคุยกับน้องจริง ๆ นะ ไม่ต้องเห็นหน้ากันก็ได้” 
            
          แต่ นิ่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ 
            
          “น้องใบหม่อนครับ ที่พี่มาในวันนี้ พี่อยากคุยถึงเรื่องน้องปีโป้ พี่ทราบมาว่า...”
            
          “ออกไป!” เสียงของใบหม่อนดังลั่นบ้าน “อย่ามายุ่งกับหนู!” 
วรวุธยืนผงะอยู่หน้าประตู เขาก้มหน้า เอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี แต่สุดท้ายก็ออกห่างจากหน้าห้องพร้อมกลับไปห้องนั่งเล่น เขาเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจ สามีของเธอได้แต่โอบไหล่ 
            
          “เกิดอะไรขึ้นกับน้องครับ” นายตำรวจกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม 
            
          โบเอาแต่ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมลูกถึงเป็นแบบนี้ ตอนที่เราย้ายมาที่นี่ไม่นาน เธอก็ยังปกติดี” 

          “ตอนนั้น ไฟฟ้ามันก็ยังใช้ได้บ้าง” สามีของเธอพูดแทรกขึ้นมา “มันก็มีข่าวลือว่า น้ำเสียชีวิตแล้ว”

          “น้องน้ำ” พันตำรวจโท วรวุธพยายามนึกชื่อ “หมายถึงสมาชิกอีกคนหนึ่งหรือครับ” 
            
          พวกเขาพยักหน้า 

          โบพูด “พอใบหม่อนอ่านข่าวพวกนั้น เธอก็เสียใจมาก ไม่กินข้าวหลายวัน พอกินก็กินได้นิดหน่อย แล้วเธอก็เอาแต่ขังตัวเองในห้อง เหมือนไม่อยากรับรู้อะไร” 

          “ทั้งที่จริง สภาพแบบนี้ เมืองร้างแบบนี้ ไฟฟ้าก็ไม่มี มันก็แทบจะไม่รู้อะไรอยู่แล้ว ใช่ไหมคะคุณตำรวจ” เขาเอาแต่พยักหน้า

          “แถมเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ชะตากรรม” สามีของเธอเสริม “ผมก็ได้แต่ปลอบว่า ข่าวลือพวกนั้นมันก็แค่ข่าวลือ ยังไม่มีใครยืนยันได้ แต่ใบหม่อนก็ไม่ฟัง  
            “คุณตำรวจพอจะรู้ไหมว่า เพื่อน ๆ เธอไปอยู่ที่ไหนบ้าง” แม่ของใบหม่อนถาม 
            
          “ตอนนี้ ผมก็พยายามหาข้อมูลอยู่ครับ” เขาเอามือประสาน “แต่ช่วงเย็นนี้ ผมกะว่าจะไปหาน้องคนหนึ่งที่ชื่อแป้ง”
            
          “แป้ง” ทั้งคู่ต่างเอ่ยชื่อพร้อมกัน ดูตื่นตัวเมื่อได้ยินชื่อนี้ พันตำรวจโท วรวุธประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทีของพวกเขา 
            
          “ถ้าน้องรู้ว่าคุณจะไปหาแป้ง เธอต้องดีใจแน่ ๆ” สามีของโบกล่าว
            
          “แต่ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะยังอยู่หรือเปล่า” นายตำรวจพูดตามตรง

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่