• วันที่ 24 พ.ย. 2567 ธนาคารกสิกรส่ง SMS แจ้งว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
• วันที่ 25 พ.ย. 2567 ส่งเอกสารให้ธนาคาร รอบที่ 1 (ช่วงเวลานั้นกำลังทำงานอยู่ที่ จ.ขอนแก่น) เข้าใจว่าเอกสารที่ส่งไปอาจจะยังไม่ครบถ้วนเพียงพอ ธนาคารจึงส่ง SMS กลับมาแจ้งว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา" โทรสอบถามที่หมายเลข 02-8888888 กด 03 และ 001 ทาง Call Center แจ้งสาเหตุให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม โดยเน้นที่เอกสารหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้
• วันที่ 2 ธ.ค. 2567 พบเจ้าหน้าที่ธนาคารที่หน้าสาขา เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีหมายจากตำรวจส่งเรื่องเข้ามาที่ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ทำให้บัญชีถูกอายัด แม้จะส่งเอกสารเข้ามาก็โดนตีกลับเสียเวลาเปล่า และแนะนำให้เคลียร์กับตำรวจให้เรียบร้อยก่อน
• วันที่ 3 ธ.ค. 2567 ส่งเอกสารเข้าไปใหม่อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 นาที ธนาคารส่ง SMS แจ้งว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา"
• วันที่ 4 ธ.ค. 2567 ติดต่อธนาคารเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ เลข Bank Case ID เอกสารที่เกี่ยวข้องจากตำรวจ (เช่น หมายอายัดบัญชี) เบอร์ติดต่อของตำรวจเจ้าของคดี รายการโอนเงินที่มีปัญหา และเวลาที่โอนเงินเข้ามา หลังจากได้รับข้อมูล ติดต่อไปยังตำรวจเจ้าของคดีเพื่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทราบว่า "นางสาว A" โอนเงินให้ "นางสาว B" (บัญชีม้า) จำนวน 150,000 บาท ต่อมานางสาว B นำเงินมาซื้อเหรียญ USDT จากผม 48,000 บาท นางสาว C จำนวน 50,000 บาท และนาย D จำนวน 50,000 บาท ต่อมานางสาว A แจ้งความว่าถูกชาวต่างชาติหลอกให้รักต่อมาถูกขู่ว่าจะฆ่าจึงโอนเงินดังกล่าวให้และแจ้งตำรวจอายัดบัญชีนางสาว B ต่อมา นางสาว B ให้ปากคำว่าโดนชาวต่างชาติอีกคนหลอกให้ใช้บัญชี Binance ของตนในการเทรด Bitcoin และชี้แจงว่าชาวต่างชาติเหล่านั้นอ้างว่าเงินที่เข้ามาเป็นรายได้จากการขายเพชรพลอย โดยให้กระจายเงินไปยังบัญชีต่าง ๆ (รวมถึงบัญชีของผม) เพื่อตัดสินใจตำรวจแจ้งว่าหากนางสาว B ไม่สามารถหาเงินคืนให้ได้ จะต้องเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติม ผม นางสาว B และนาย D จึงถูกอายัดบัญชีไปด้วย
• วันที่ 10 ธ.ค. 2567 เดินทางไปพบตำรวจ พร้อมกับนางสาว A (ผู้เสียหาย) และนางสาว C เพื่อให้ปากคำ โดยยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางสาว B (บัญชีม้า) การซื้อขายเหรียญ USDT ดำเนินการผ่าน Bitkub และ Binance โดยตรวจสอบว่าชื่อบัญชีที่โอนมาตรงกับชื่อบัญชีผู้ใช้งานใน Binance ตรงตามข้อกำหนด ต่อมานางสาว A เข้าใจว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงถอนแจ้งความและได้รับใบปลดอายัดจากตำรวจมาเพื่อส่งให้กับธนาคาร
• วันที่ 13 ธ.ค. 2567 โทรสอบถาม Call Center ที่หมายเลข 02-8888888 ได้รับข้อมูลว่าสถานะบัญชีปลดอายัดจากหมายตำรวจแล้ว แต่บัญชียังถูกระงับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารแจ้งให้ส่งเอกสารหลักฐานใหม่เพื่อพิจารณาปลดระงับ จึงส่งเอกสารรอบที่ 2 ไปยังธนาคาร หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ธนาคารส่ง SMS แจ้งว่าเอกสารยังไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา และขอให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม เช่น Cap Screen หน้าจอพอร์ต Bitkub และ Binance พร้อมหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของบัญชี
• วันที่ 16 ธ.ค. 2567 ส่งเอกสารเข้าไปใหม่ โดยแนบหลักฐานดังนี้ 1) สำเนาบัตรประชาชน 2) สมุดบัญชีทุกบัญชีที่มีกับธนาคารกสิกรไทย 3) โทรศัพท์มือถือที่ติดตั้ง Mobile Banking 4) เอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้ เช่น ใบจ่ายเงินเดือน เอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.91) และการยื่นเสียภาษีประจำปี รวมถึงเอกสารแสดงการซื้อขายเหรียญ USDT ทุกรายการ ซึ่งสามารถตรวจสอบและ Reconcile กับ Bank Statement ได้ทั้งหมดว่ารับเงินจากใครและโอนไปยัง Bitkub Online เพื่อซื้อเหรียญ USDT ต่อมาธนาคารส่ง SMS แจ้งกลับมาอีกครั้งว่ายังไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาโดยรอบนี้ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรเพิ่มเติม
สถานะปัจจุบัน
• บัญชีโดนอายัด: ได้ติดต่อทั้งตำรวจและผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายถอนแจ้งความ และได้รับหมายปลดอายัดกับใบถอนแจ้งความจากตำรวจเรียบร้อยแล้ว
• บัญชีที่ถูกระงับ แต่ยังสามารถเบิกถอนหน้าเคาน์เตอร์ได้บางส่วน: บัญชี E-Saving ที่เปิดแบบไม่มีสมุดคู่ฝาก ธนาคารแจ้งว่าไม่สามารถเบิกถอนได้ ต้องทำเรื่องปิดบัญชีเท่านั้น ขณะนี้กำลังดำเนินการปิดบัญชี และธนาคารแจ้งว่าจะส่งเรื่องไปสำนักงานใหญ่เพื่อตรวจสอบและติดต่อกลับใน 7 วัน ส่วนบัญชีที่มีสมุดคู่ฝากสามารถเบิกถอนหน้าเคาน์เตอร์ได้ แต่มีเงินอยู่เพียงหลักพันบาทเท่านั้น ในขณะที่เงินหลักอยู่ในบัญชี E-Saving
• เงินเดือนไม่เข้า: บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคารกสิกรไทย แต่เนื่องจากช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับ ทำให้ไม่สามารถรับเงินเข้าหรือโอนเงินออกได้ เงินเดือนจึงถูกตีกลับไปยังบริษัท
ขณะนี้เรายังไม่เข้าใจเหตุผลที่ธนาคารกสิกรไทยไม่แจ้งสาเหตุในการไม่ผ่านการพิจารณา ทั้งที่เราได้ส่งเอกสารครบถ้วนตามที่ธนาคารร้องขอและได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของข้อมูลโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด การที่ธนาคารไม่ได้ชี้แจงสาเหตุที่ไม่ผ่านการพิจารณานั้นทำให้เราไม่สามารถทราบได้ว่าเหตุใดจึงไม่ผ่านการพิจารณาและจะสามารถเตรียมเอกสารเพิ่มเติมได้อย่างไรหากไม่มีข้อมูลชัดเจน
นอกจากนี้ เรากังวลว่าแผนกกฎหมายหรือแผนกตรวจสอบของสำนักงานใหญ่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารที่ส่งไปอย่างครบถ้วนหรือไม่ หรืออาจมีการพิจารณาผ่านๆ แล้วกลับผลคำตอบมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้บัญชีในการรับเงินเดือนอย่างมากอย่างน้อยธนาคารควรชี้แจงเหตุผลที่ไม่ผ่านการพิจารณาและให้คำแนะนำในการดำเนินการต่อไปด้วยไม่งั้นเราก็เดินต่อไปไม่ได้
ปลดระงับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (KPLUS)
• วันที่ 25 พ.ย. 2567 ส่งเอกสารให้ธนาคาร รอบที่ 1 (ช่วงเวลานั้นกำลังทำงานอยู่ที่ จ.ขอนแก่น) เข้าใจว่าเอกสารที่ส่งไปอาจจะยังไม่ครบถ้วนเพียงพอ ธนาคารจึงส่ง SMS กลับมาแจ้งว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา" โทรสอบถามที่หมายเลข 02-8888888 กด 03 และ 001 ทาง Call Center แจ้งสาเหตุให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม โดยเน้นที่เอกสารหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้
• วันที่ 2 ธ.ค. 2567 พบเจ้าหน้าที่ธนาคารที่หน้าสาขา เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีหมายจากตำรวจส่งเรื่องเข้ามาที่ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ทำให้บัญชีถูกอายัด แม้จะส่งเอกสารเข้ามาก็โดนตีกลับเสียเวลาเปล่า และแนะนำให้เคลียร์กับตำรวจให้เรียบร้อยก่อน
• วันที่ 3 ธ.ค. 2567 ส่งเอกสารเข้าไปใหม่อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 นาที ธนาคารส่ง SMS แจ้งว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา"
• วันที่ 4 ธ.ค. 2567 ติดต่อธนาคารเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ เลข Bank Case ID เอกสารที่เกี่ยวข้องจากตำรวจ (เช่น หมายอายัดบัญชี) เบอร์ติดต่อของตำรวจเจ้าของคดี รายการโอนเงินที่มีปัญหา และเวลาที่โอนเงินเข้ามา หลังจากได้รับข้อมูล ติดต่อไปยังตำรวจเจ้าของคดีเพื่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทราบว่า "นางสาว A" โอนเงินให้ "นางสาว B" (บัญชีม้า) จำนวน 150,000 บาท ต่อมานางสาว B นำเงินมาซื้อเหรียญ USDT จากผม 48,000 บาท นางสาว C จำนวน 50,000 บาท และนาย D จำนวน 50,000 บาท ต่อมานางสาว A แจ้งความว่าถูกชาวต่างชาติหลอกให้รักต่อมาถูกขู่ว่าจะฆ่าจึงโอนเงินดังกล่าวให้และแจ้งตำรวจอายัดบัญชีนางสาว B ต่อมา นางสาว B ให้ปากคำว่าโดนชาวต่างชาติอีกคนหลอกให้ใช้บัญชี Binance ของตนในการเทรด Bitcoin และชี้แจงว่าชาวต่างชาติเหล่านั้นอ้างว่าเงินที่เข้ามาเป็นรายได้จากการขายเพชรพลอย โดยให้กระจายเงินไปยังบัญชีต่าง ๆ (รวมถึงบัญชีของผม) เพื่อตัดสินใจตำรวจแจ้งว่าหากนางสาว B ไม่สามารถหาเงินคืนให้ได้ จะต้องเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติม ผม นางสาว B และนาย D จึงถูกอายัดบัญชีไปด้วย
• วันที่ 10 ธ.ค. 2567 เดินทางไปพบตำรวจ พร้อมกับนางสาว A (ผู้เสียหาย) และนางสาว C เพื่อให้ปากคำ โดยยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางสาว B (บัญชีม้า) การซื้อขายเหรียญ USDT ดำเนินการผ่าน Bitkub และ Binance โดยตรวจสอบว่าชื่อบัญชีที่โอนมาตรงกับชื่อบัญชีผู้ใช้งานใน Binance ตรงตามข้อกำหนด ต่อมานางสาว A เข้าใจว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงถอนแจ้งความและได้รับใบปลดอายัดจากตำรวจมาเพื่อส่งให้กับธนาคาร
• วันที่ 13 ธ.ค. 2567 โทรสอบถาม Call Center ที่หมายเลข 02-8888888 ได้รับข้อมูลว่าสถานะบัญชีปลดอายัดจากหมายตำรวจแล้ว แต่บัญชียังถูกระงับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารแจ้งให้ส่งเอกสารหลักฐานใหม่เพื่อพิจารณาปลดระงับ จึงส่งเอกสารรอบที่ 2 ไปยังธนาคาร หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ธนาคารส่ง SMS แจ้งว่าเอกสารยังไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา และขอให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม เช่น Cap Screen หน้าจอพอร์ต Bitkub และ Binance พร้อมหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของบัญชี
• วันที่ 16 ธ.ค. 2567 ส่งเอกสารเข้าไปใหม่ โดยแนบหลักฐานดังนี้ 1) สำเนาบัตรประชาชน 2) สมุดบัญชีทุกบัญชีที่มีกับธนาคารกสิกรไทย 3) โทรศัพท์มือถือที่ติดตั้ง Mobile Banking 4) เอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้ เช่น ใบจ่ายเงินเดือน เอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.91) และการยื่นเสียภาษีประจำปี รวมถึงเอกสารแสดงการซื้อขายเหรียญ USDT ทุกรายการ ซึ่งสามารถตรวจสอบและ Reconcile กับ Bank Statement ได้ทั้งหมดว่ารับเงินจากใครและโอนไปยัง Bitkub Online เพื่อซื้อเหรียญ USDT ต่อมาธนาคารส่ง SMS แจ้งกลับมาอีกครั้งว่ายังไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาโดยรอบนี้ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรเพิ่มเติม
สถานะปัจจุบัน
• บัญชีโดนอายัด: ได้ติดต่อทั้งตำรวจและผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายถอนแจ้งความ และได้รับหมายปลดอายัดกับใบถอนแจ้งความจากตำรวจเรียบร้อยแล้ว
• บัญชีที่ถูกระงับ แต่ยังสามารถเบิกถอนหน้าเคาน์เตอร์ได้บางส่วน: บัญชี E-Saving ที่เปิดแบบไม่มีสมุดคู่ฝาก ธนาคารแจ้งว่าไม่สามารถเบิกถอนได้ ต้องทำเรื่องปิดบัญชีเท่านั้น ขณะนี้กำลังดำเนินการปิดบัญชี และธนาคารแจ้งว่าจะส่งเรื่องไปสำนักงานใหญ่เพื่อตรวจสอบและติดต่อกลับใน 7 วัน ส่วนบัญชีที่มีสมุดคู่ฝากสามารถเบิกถอนหน้าเคาน์เตอร์ได้ แต่มีเงินอยู่เพียงหลักพันบาทเท่านั้น ในขณะที่เงินหลักอยู่ในบัญชี E-Saving
• เงินเดือนไม่เข้า: บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคารกสิกรไทย แต่เนื่องจากช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับ ทำให้ไม่สามารถรับเงินเข้าหรือโอนเงินออกได้ เงินเดือนจึงถูกตีกลับไปยังบริษัท
ขณะนี้เรายังไม่เข้าใจเหตุผลที่ธนาคารกสิกรไทยไม่แจ้งสาเหตุในการไม่ผ่านการพิจารณา ทั้งที่เราได้ส่งเอกสารครบถ้วนตามที่ธนาคารร้องขอและได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของข้อมูลโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด การที่ธนาคารไม่ได้ชี้แจงสาเหตุที่ไม่ผ่านการพิจารณานั้นทำให้เราไม่สามารถทราบได้ว่าเหตุใดจึงไม่ผ่านการพิจารณาและจะสามารถเตรียมเอกสารเพิ่มเติมได้อย่างไรหากไม่มีข้อมูลชัดเจน
นอกจากนี้ เรากังวลว่าแผนกกฎหมายหรือแผนกตรวจสอบของสำนักงานใหญ่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารที่ส่งไปอย่างครบถ้วนหรือไม่ หรืออาจมีการพิจารณาผ่านๆ แล้วกลับผลคำตอบมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้บัญชีในการรับเงินเดือนอย่างมากอย่างน้อยธนาคารควรชี้แจงเหตุผลที่ไม่ผ่านการพิจารณาและให้คำแนะนำในการดำเนินการต่อไปด้วยไม่งั้นเราก็เดินต่อไปไม่ได้