JJNY : 5in1 อาหารแปรรูปกระป๋องจ่อขอขึ้น│‘บุ๋ม’ขอฟาด│อนุสรณ์ลั่นเคลียร์นโยบายเก่าก่อน│วางคิวถลกตู่│ธรรมนัสเตรียมลา'ป้อม’

อั้นไม่ไหว! อาหารแปรรูปกระป๋องจ่อขอขึ้นราคา หลังแบกต้นทุนพุ่งสูงกว่า 20%
https://ch3plus.com/news/economy/morning/300587
 
 
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 65 นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยว่า ในต้นเดือนหน้า (ส.ค.65) ผู้ประกอบการอาหารแปรรูปกระป๋อง ได้แก่ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย, สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และ สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย จะเข้าหารือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาขายปลีกสินค้าที่จำหน่ายในไทย พร้อมชี้แจงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นแยกหมวดอย่างละเอียด ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ค่าวัตถุดิบ ค่าเหล็ก ค่าระวางเรือ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 20% แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศได้ แม้จะมีการคุยนอกรอบมาบ้างแล้วก็ตาม และค่าไฟก็เตรียมปรับขึ้นเร็ว ๆ นี้ ก็มีผลต่อต้นทุนการผลิตถึงกว่า 10%

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับขึ้นราคาขายสินค้าสำหรับขายในประเทศนั้นทำได้ไม่ง่าย เพราะต้องคำนึงถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย และการปรับขึ้นแต่ละครั้งจะต้องชี้แจงรายละเอียดต่อกระทรวงพาณิชย์อย่างเข้มข้น ซึ่งการหารือในครั้งนี้ อาจขอเป็นการปรับขึ้นเพดานราคาขายปลีก เช่น ปลาซาร์ดีนกระป๋อง เคยกำหนดเพดานสูงสุดที่กระป๋องละ 18 บาท ก็อาจขอปรับขึ้นเป็น 20 บาท เป็นต้น
 
ทั้งนี้ แม้สินค้าแปรรูปกระป๋องส่วนใหญ่จะส่งออก เช่น ทูน่ากระป๋อง ส่งออกกว่า 90 %, ผักผลไม้กระป๋องส่งออก 60-70 % ซึ่งสามารถเจรจาราคากับผู้รับซื้อต่างประเทศโดยตรงได้ ไม่ต้องขออนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์ก็ตาม แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะห้างสรรพสินค้าต่างประเทศซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่มีอำนาจในการต่อรอง ที่ผ่านมาทยอยปรับขึ้นได้แค่บางส่วน และทำสัญญาซื้อขายระยะสั้นลงเฉลี่ย 1-2 เดือน เพราะปัจจัยต้นทุนผันผวนมาก
 
นอกจากนี้ ในฐานะรองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน ยังได้ร่วมกับอธิบดีกรมการจัดหางาน ชี้แจงข้อมูลการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยขอให้นายจ้างและลูกจ้างต่างด้าวที่มีคุณสมบัติตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนด ทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และกลุ่มที่ใบอนุญาตทำงานกำลังจะหมด ให้เร่งดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำงานต่อในประเทศไทยอย่างถูกต้อง ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงแรงงานได้สำรวจข้อมูลจากนายจ้างสถานประกอบการพบว่า ยังมีความต้องการแรงงานประมาณไม่น้อยกว่า 120,000 คน
 
ในขณะที่ปัจจุบันมีกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ที่มีสถานะถูกต้อง ซึ่งได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 ก.พ. 66 แล้วและประสงค์ทำงานต่อไป ประมาณ 1,690,000 คน สามารถอยู่และทำงานได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 68
 
โดยปัจจุบันสามารถยื่นผ่านระบบออนไลน์ได้ รุ่นระยะเวลาดำเนินการเหลือเพียง 15 วัน จากเดิมที่ต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน และเสียค่าใช้จ่ายต่อคนเพียงแค่ 2000 กว่าบาทเท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่าจากมาตรการดังกล่าว และการขยาย MOU นำเข้าแรงงานต่างด้าว จะส่งผลให้ไทยมีรายงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีเป็น 3 ล้านคน ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 2.5 ล้านคน เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจอุตสาหกรรม
 

 
ปิดปากมาอาทิตย์แล้ว! ‘บุ๋ม’ขอฟาด จากใจคนทำงานโควิดตั้งแต่แรก
https://www.dailynews.co.th/news/1243138/
  
ปิดปากมาอาทิตย์แล้ว! “บุ๋ม ปนัดดา” ไม่ทนขอฟาดบ้าง ขอตัวเลขความเป็นจริงให้ประชาชนรับรู้ได้ไหม จะได้ระวังตัวมากน้อยแค่ไหน ลั่นจากใจคนทำงานโควิดตั้งวันแรก จนวันนี้ยังไม่ได้หยุด
 
เรียกได้ว่ากลับมาเป็นสถานการณ์ที่ทำเอาหลายคนให้ความสน และจับตามองกันอยู่ในขณะ สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ที่ตอนแรกเหมือนจะเบาลงมาก ถึงขั้นอนุญาตให้ละเว้นการถอดแมสก์ได้ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะกลับมาเริ่มรุนแรงอีกครั้ง โดยยอดล่าสุดวันที่ 12 ก.ค. จำนวนผู้ป่วยใหม่ 1,679 ราย ผู้ป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,325,098 ราย กำลังรักษา 23,617 ราย เสียชีวิต 23 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
ความคืบหน้าล่าสุด นักแสดงและพิธีกรคนดังมากความสามารถ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อรายวันผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยระบุข้อความว่า 
 
“ปิดปากมาอาทิตย์นึงละ ทนไม่ไหว เพราะเคสที่เข้ามามันเยอะจริงๆ ขอตัวเลขความเป็นจริงให้ประชาชนรับรู้ได้ไหมคะ? ให้คนได้รู้ความจริงว่าเค้าควรระวังตัวมากน้อยแค่ไหน?
 
อาการที่เจอตอนนี้คือ ไม่หลบ 4-5 วันเหมือนเมื่อก่อน 2 วันเจอละ ไอเยอะ หอบเหนื่อย และติดกันง่ายขึ้นมากแบบไม่รู้ตัว! ขอให้ทุกคนการ์ดอย่าตก #จากใจคนที่ทำงานโควิดตั้งแต่วันแรกและวันนี้ยังไม่ได้หยุด”..
 
https://www.instagram.com/p/Cf5hMamvDFS/


 
“อนุสรณ์” ลั่น หมดเวลา 3 ป. บอก เวลาที่เหลืออย่าเพิ่งไปไกลถึง 3 แกน กลับมาเคลียร์นโยบายเก่าก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3449014

“อนุสรณ์” ลั่น หมดเวลา 3 ป. บอก เวลาที่เหลืออย่าเพิ่งไปไกลถึง 3 แกน ให้กลับมาเคลียร์นโยบายเก่าที่ยังทำไม่สำเร็จ แนะ “ประยุทธ์” เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน-ลดความเหลื่อมล้ำ-เร่งปรับโครงสร้างศก.แก้วิกฤต เหน็บให้มาอธิบายโดยไม่มีคนเขียนโพยก็ทำยาก
 
เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. กล่าวถึงผลกระทบของการเมืองต่อเศรษฐกิจไทย ว่า 8 ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำประเทศเจอวิกฤตเผชิญสารพัดปัจจัยเสี่ยงเข้ามาถาโถม โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูงทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี ซึ่งเป็นกระทบจากราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้มขึ้นราคา และกลุ่มอาหารเพิ่มสูงขึ้น 8 ปี ซึ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ควานหาความสำเร็จแทบไม่เจอ แก้ทุกปัญหาด้วยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตั้งสมช.นำแพทย์แก้โควิด ตั้งสมช.นำสภาพัฒน์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบผิดฝาผิดตัว แถมยังลุกออกจากมุมมาออกแถลงการณ์ กลยุทธ์ 3 แกน ขอเวลาอีก 2 ปีจะทำคนไทยให้หายจน อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“3 แกนคืออะไร หากจะให้พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาอธิบายเองแบบไม่ต้องมีคนเขียนโพยให้ยังอาจทำลำบาก เพราะประชาชนดูออกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ ใช้โพยนำความคิด ใช้ความมั่นคงนำทุกสิ่ง ในอดีตเคยบอก เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ยังใช้เวลาถึง 8 ปี 3 แกนแก้จนจึงดูปลอม ไม่ต่างจาก 3 ป.ที่โรยราเต็มที ไม่เหลือสภาพที่จะไปแก้ไขอะไรได้ การเมืองที่ล้มเหลวส่งผลให้การแก้เศรษฐกิจล้มเหลว เวลาที่เหลืออยู่ต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำ เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแก้วิกฤต ไม่ไหวอย่าฝืน เวลาของ 3ป.หมดลงแล้วจริงๆ เวลาที่เหลืออยู่อย่าเพิ่งไปไกลถึง 3 แกน ไม่ต้องเน้นของใหม่ กลับมาเคลียร์นโยบายเก่าที่ยังทำไม่สำเร็จก่อน”  นายอนุสรณ์ กล่าว



ฝ่ายค้าน ปรับกลยุทธ์ วางคิวถลก บิ๊กตู่ คนสุดท้าย ก้าวไกลจัด 14 ขุนพล รอขยี้ 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7159452

ฝ่ายค้าน ปรับกลยุทธ์ศึกซักฟอก วางคิวแรก ถลก รมต.พรรคภูมิใจไทย ส่วน บิ๊กตู่ คนสุดท้าย หวังประชาชนเฝ้าติดจอ ก้าวไกลจัด 14 ขุนพลชำแหละรัฐมนตรี
 
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานวิปพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อหารือและเตรียมการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า ในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้หารือและสอบถามว่า แต่ละพรรคมีความพร้อมเพียงใด และได้ทบทวนเรื่องการจัดสรรเวลาอภิปรายให้กับแต่ละพรรคอีกครั้ง เพราะมีบางพรรคขอเพิ่มเวลาอภิปราย และบางพรรคยังวางตัวผู้อภิปรายไม่เรียบร้อย สำหรับพรรคก้าวไกล เตรียม ส.ส.ที่จะอภิปรายไว้ 14 คน
 
นายพิจารณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมเห็นตรงกันที่จะปรับลำดับการอภิปราย จากเดิมจะเริ่มอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนแล้วค่อยไปรัฐมนตรีคนอื่น แต่ครั้งนี้จะเริ่มต้นด้วยรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลคือ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แล้วเรียงไปยังรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ก่อนจะอภิปราย นายกฯ เป็นคนสุดท้าย ตนคาดว่าการจัดลำดับเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความสนุก และทำให้ประชาชนเฝ้าติดตามการอภิปรายตลอดทั้ง 4 วัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่