หลังจากแตะๆในเดือน เม.ย. รอบนี้ทะลุแล้วจะลงไปเลยไหม
ปกติเกิด inverted yield curve แล้ว ตลาดจะยังไม่ลงในทันที และ recession มักตามมาใน 6 เดือน
ส่วนรอบนี้ อาจเกิด technical recession ในไตรมาสนี้เลย(ส่วนจะ recession จริงไหม ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก NBER ซึ่งมี criteria ที่มากกว่านั้น และมักประกาศเมื่อ recession หาจุดต่ำสุดและสูงสุดได้แล้ว)
สิ่งที่ดีคือรอบนี้ อาจะเป็นแค่ mild recession
เพราะ
1 ภาวะการว่างงานยังต่ำ
ช่วง stagflation ทศวรรษ 70-80 จะเห็นว่าอัตราการว่างงานอยู่ระดับ 6-10% โน่น
2 เงินเฟ้อเริ่มลดลง
commodities เดือนที่ผ่านมานำลงไปแล้ว
โอกาศเห็นการประกาศเงินเฟ้อลดลงใน 1-2 เดือนนี้
3 หนี้ครัวเรือน US อยู่ในระดับต่ำ
4 หลังเงินเฟ้อเริ่มลด ตลาดอาจหา bottom ได้ เพราะ FED และมวลชนจะเริ่มกลัว recession แทน
และเปลี่ยนมาดำเนินนโยบาย Dovish มากขึ้น
5 หากเป็นตามนี้จริง เราจะเห็นกราฟอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่เริ่มหักหัวลง และนำเราออกห่างจาก recession ได้
สีเทาคือไม่เกิด recession สีเหลืองเอาไม่อยู่ขึ้นไปจนเกิด recession
จะเห็นว่ายิ่ง FED hawkish เท่าไร recession มักตามมาจริงๆ
การที่ FED กลัวทั้งเงินเฟ้อ และ recession พร้อมๆกัน จะทำให้ FED มีนโยบายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามตัวเลขเงินเฟ้อ+การจ้างงานที่จะประกาศในแต่ละเดือน
สภาวะแบบนี้ เป็นสภาวะเลี้ยงไข้ ที่ตลาดหุ้นลงก็อาจจะไม่ลงแรง
ตลาดรอบนี้รู้ดีว่า การเพิ่มดอกเบี้ยของ FED ในความจริงไม่ช่วยเพราะเป็น cost push inflation
FED แค่เพิ่มดอกเบี้ย เพื่อทำให้ sentiment มวลชนตกอยู่ในความกลัว และคิดมากขึ้นในการใช้เงิน
ในขณะเดียวกัน มวลชนก็กลัว recession ด้วย
ภายในไตรมาส 3 เราจะเห็นตัวเลขต่างๆดีขึ้นได้เพราะเหตุนี้
และเริ่มทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างจริงจัง
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือตลาดอาจ bottom ในไตรมาสนี้ และเข้าสู่โหมดกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
อันนี้ข้อมูลเชิงมโน
ค่าเฉลี่ยของปีที่ลงท้ายด้วย 2 รายเดือน ไตรมาสสุดท้ายมัก rally
มโนต่อด้วยค่าเฉลี่ยตลอด 4 ปี ของการเลือกตั้งแต่ละครั้ง plot มากาวต่อในปีต่อๆไป
พันธบัตรอเมริกา 10-2 year เกิด inverted yield curve เรียบร้อย เราอยู่ในภาวะ recession? แล้วตลาดหุ้นจะขึ้นไหม?
หลังจากแตะๆในเดือน เม.ย. รอบนี้ทะลุแล้วจะลงไปเลยไหม
ปกติเกิด inverted yield curve แล้ว ตลาดจะยังไม่ลงในทันที และ recession มักตามมาใน 6 เดือน
ส่วนรอบนี้ อาจเกิด technical recession ในไตรมาสนี้เลย(ส่วนจะ recession จริงไหม ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก NBER ซึ่งมี criteria ที่มากกว่านั้น และมักประกาศเมื่อ recession หาจุดต่ำสุดและสูงสุดได้แล้ว)
สิ่งที่ดีคือรอบนี้ อาจะเป็นแค่ mild recession
เพราะ
1 ภาวะการว่างงานยังต่ำ
ช่วง stagflation ทศวรรษ 70-80 จะเห็นว่าอัตราการว่างงานอยู่ระดับ 6-10% โน่น
2 เงินเฟ้อเริ่มลดลง
commodities เดือนที่ผ่านมานำลงไปแล้ว
โอกาศเห็นการประกาศเงินเฟ้อลดลงใน 1-2 เดือนนี้
3 หนี้ครัวเรือน US อยู่ในระดับต่ำ
4 หลังเงินเฟ้อเริ่มลด ตลาดอาจหา bottom ได้ เพราะ FED และมวลชนจะเริ่มกลัว recession แทน
และเปลี่ยนมาดำเนินนโยบาย Dovish มากขึ้น
5 หากเป็นตามนี้จริง เราจะเห็นกราฟอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่เริ่มหักหัวลง และนำเราออกห่างจาก recession ได้
สีเทาคือไม่เกิด recession สีเหลืองเอาไม่อยู่ขึ้นไปจนเกิด recession
จะเห็นว่ายิ่ง FED hawkish เท่าไร recession มักตามมาจริงๆ
การที่ FED กลัวทั้งเงินเฟ้อ และ recession พร้อมๆกัน จะทำให้ FED มีนโยบายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามตัวเลขเงินเฟ้อ+การจ้างงานที่จะประกาศในแต่ละเดือน
สภาวะแบบนี้ เป็นสภาวะเลี้ยงไข้ ที่ตลาดหุ้นลงก็อาจจะไม่ลงแรง
ตลาดรอบนี้รู้ดีว่า การเพิ่มดอกเบี้ยของ FED ในความจริงไม่ช่วยเพราะเป็น cost push inflation
FED แค่เพิ่มดอกเบี้ย เพื่อทำให้ sentiment มวลชนตกอยู่ในความกลัว และคิดมากขึ้นในการใช้เงิน
ในขณะเดียวกัน มวลชนก็กลัว recession ด้วย
ภายในไตรมาส 3 เราจะเห็นตัวเลขต่างๆดีขึ้นได้เพราะเหตุนี้
และเริ่มทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างจริงจัง
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือตลาดอาจ bottom ในไตรมาสนี้ และเข้าสู่โหมดกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
อันนี้ข้อมูลเชิงมโน
ค่าเฉลี่ยของปีที่ลงท้ายด้วย 2 รายเดือน ไตรมาสสุดท้ายมัก rally
มโนต่อด้วยค่าเฉลี่ยตลอด 4 ปี ของการเลือกตั้งแต่ละครั้ง plot มากาวต่อในปีต่อๆไป